บุรีรัมย์ - แกนนำและตัวแทนชาวบ้านผู้ไม่มีที่ทำกิน ที่เข้าไปบุกรุกจับจองทำกินในพื้นที่ป่าดงใหญ่ อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ ทั้ง 6 กลุ่ม กว่า 2,000 ครัวเรือน แถลงพร้อมเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่ป่าเข้าสู่กระบวนการคัดกรอง แต่รัฐต้องสรรที่ทำกินแห่งใหม่ให้ หลังไม่ได้รับการแก้ไขปัญหามานาน
วันนี้ ( 15 ส.ค. ) แกนนำพร้อมตัวแทนชาวบ้านผู้ไม่มีที่ทำกิน ที่เข้าไปบุกยึดจับจองสร้างที่อยู่อาศัย และทำกิน ในเขตป่าสงวนแห่งชาติดงใหญ่ อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ ทั้ง 6 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มอนุรักษ์ลุ่มน้ำลำนางรอง , กลุ่มดงใหญ่ 4 , กลุ่มบ้านโคกเพชร , กลุ่มบ้านเก้าบาท ,กลุ่มรวมมิตรสามัคคี และ กลุ่มรักสันติ ได้ร่วมกันออกมาแถลงที่บ้านคลองหิน ต.ลำนางรอง อ.โนนดินแดง ว่า ชาวบ้านที่ไม่มีที่ทำกินกว่า 5,000 คน หรือกว่า 2,000 ครัวเรือนพร้อมที่จะอพยพเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่ป่าดงใหญ่หลังได้เข้าไปบุกรุกทำกินในพื้นที่ป่ายูคาลิปตัส ที่ บริษัทเอกชนได้หมดสัญญาสัมปทานทั้ง 9 แปลงรวมเนื้อที่กว่า 23,700 ไร่ มาตั้งแต่ปี 2550 และมีปัญหาเรื้อรังมานาน
ทั้งนี้ แกนนำและตัวแทนชาวบ้านระบุว่า หากชาวบ้านยอมถอยออกจากพื้นที่ป่าแล้วรัฐจะต้องเข้ามาเจรจาพูดคุยตกลงว่าจะจัดหาพื้นที่ทำกินรองรับ ซึ่งจะเป็นพื้นที่แห่งใหม่หรือพื้นที่เดิมส่วนหนึ่งในเขตป่าดงใหญ่ ให้กับชาวบ้านที่ไม่มีที่ทำกินโดยชัดเจน ทั้งนี้กลุ่มชาวบ้านก็พร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการคัดกรอง กลุ่มบุคคลที่ไม่มีที่ทำกินจริง เพื่อให้รัฐพิจารณาให้ความช่วยเหลือและไม่ให้มีกลุ่มนายทุนเข้ามาแอบแฝงโดยเด็ดขาด
นายสมนึก ปัดชา เลขาธิการกลุ่ม อนุรักษ์ลุ่มน้ำลำนางรอง กล่าวว่า จากการสำรวจคัดกรองกันเองล่าสุดได้มีชาวบ้านที่ไม่มีที่ทำกินจริง ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าดังกล่าวจริงกว่า 1,000 ครัวเรือน ขณะนี้ทั้ง 6 กลุ่ม มีมติร่วมกันจะออกจากพื้นที่ป่า แต่รัฐต้องเข้ามาดำเนินการช่วยเหลือจัดหาที่ทำกินรองรับ หรือจะเป็นพื้นที่ป่าที่เสื่อมโทรม หรือป่ายูคาลิปตัส ที่ บริษัทเอกชนหมดสัญญาสัมปทานส่วนหนึ่งให้ตามแต่ทางภาครัฐเห็นสมควร และพร้อมที่จะปลูกป่าฟื้นฟูธรรมชาติร่วมกับภาครัฐเพื่อให้เป็นป่าต้นน้ำและเป็นที่อาศัยของสัตว์ป่าต่อไป
ด้านนางสำราญ เพชรภักดี ประธานกลุ่มอนุรักษ์ลุ่มน้ำลำนางรอง กล่าวว่า ที่ผ่านมาภาครัฐไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน ให้กับชาวบ้านผู้ไม่มีที่ทำกิน ถึงแม้จะมีการต่อสู้เรียกร้องมาโดยตลอด ซึ่งการออกมาแถลงครั้งนี้ต้องการให้รัฐเข้ามาแก้ไขปัญหาที่ทำกินให้หากยังไม่ได้คำตอบการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจน ชาวบ้านทั้ง 6 กลุ่มก็จะอาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าดังกล่าวจนกว่ารัฐจะเข้ามาเจรจาให้คำตอบที่ชัดเจนในการให้ความช่วยเหลือ