แม่และน้องสาวนักศึกษา ม.ดัง เข้าร้องทุกข์กองปราบฯ ให้ช่วยติดตามนักศึกษาสาวที่หายตัวไปเกือบเดือนอย่างไร้ร่องรอย หลังบอกน้องสาวจะไปทานข้าวกับเสี่ยรับเหมาถมดินแฟนหนุ่ม เผย พบประวัติเสี่ยเคยต้องคดีฆ่าแฟนซึ่งเป็นหลานของ รมว.ยุติธรรม แต่อัยการสั่งไม่ฟ้อง แถมมีคดีแจ้งความเท็จติดตัว ขณะที่ ตร.พบเบาะแสสาวขับเบนซ์ในพื้นที่ใกล้ศูนย์ราชการฉะเชิงเทรา ก่อนหายตัวไป วอนประชาชนพบเห็นเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติม
วันนี้ (14 ก.ย.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่ กองปราบปราม นางพรนภา นิลพาย อายุ 47 ปี ชาวร้อยเอ็ด และ น.ส.ขนิษฐา แต้มพรมรินทร์ อายุ 18 ปี มารดาและน้องสาวของ น.ส.ปรัชฎา แต้มพรมรินทร์ หรือ กุ๊กไก่ อายุ 24 ปี นักศึกษาชั้นปี 4 คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง เข้าร้องทุกข์ต่อ พ.ต.อ.ปิยะ เจริญสุข ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รองผกก.1 บก.ป.และ พ.ต.ท.คณพัฒน์ พาหุมันโต สว.กก.1 บก.ป.เพื่อขอให้ช่วยสืบสวนติดตามตัว น.ส.ปรัชฎา ที่หายตัวไปพร้อมรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ รุ่น อี 200 สีดำ ทะเบียนป้ายแดง ฎษ 9119 กทม.เมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา
น.ส.ขนิษฐา กล่าวว่า ปกติพี่สาวจะพักอาศัยอยู่เพียงลำพังที่ห้องพักเลขที่ 611 อาคารเอช ดิไอริส คอนโดมิเนียม ย่านศรีนครินทร์ แต่จะติดต่อกับตนอยู่เป็นประจำ เมื่อ 2-3 ปีก่อนทราบว่าพี่สาวคบหากับเสี่ยมีอายุคนหนึ่ง ซึ่งทำอาชีพรับเหมาถมดิน โดยช่วงที่ทั้งสองคบหากันได้เคยพามาให้ตนรู้จักและกินข้าวด้วยกันอยู่ 2-3 ครั้ง ซึ่งตนทราบว่าที่ห้องพักและรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ป้ายแดงนั้นเสี่ยคนดังกล่าวเป็นคนซื้อให้ โดยระหว่างที่ทั้งสองคบหากันนั้น ก็มีปากเสียงกันบ้างเป็นครั้งคราว โดยพี่สาวตนเคยบอกไว้ว่าหากติดต่อไม่ได้ภายใน 3 วันให้ไปหาที่ห้องพักคอนโดฯ ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่มีปัญหาอะไร กระทั่งเมื่อวันที่ 19 ส.ค.พี่สาวได้โทรศัพท์มาหาตนบอกว่าจะออกไปกินข้าวกับเสี่ยคนนี้ที่ จ.ฉะเชิงเทรา แต่เวลาล่วงเลยถึงเที่ยงคืนของวันดังกล่าวตนก็โทร.กลับไปหาพี่สาว เพื่อสอบถามว่าเดินทางกลับถึงที่พักแล้วหรือยัง แต่ปรากฏว่าไม่สามารถติดต่อพี่สาวได้จึงตัดสินใจเดินทางไปหาที่ห้องพักคอนโดฯก็พบว่าห้องล็อก ซึ่งเมื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ประจำคอนโดฯก็ทราบว่าพี่สาวตนไม่ได้กลับเข้าห้องพักมาเป็นเวลา 3 วันแล้ว ตนจึงรีบบอกน้าสาวแล้วโทรหาเสี่ยคนนั้นเพื่อสอบถามหาตัวพี่สาว แต่เสี่ยบอกว่าไม่ทราบ และไม่ได้พบกัน
“เมื่อผ่านไปหลายวันแล้ว ก็ยังติดต่อพี่สาวไม่ได้ จึงพากันไปแจ้งความไว้ที่ สน.ประเวศ เมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา แต่เป็นการแจ้งความคนหายเท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ติดต่อเสี่ยคนดังกล่าวมาให้ข้อมูล เนื่องจากเป็นพี่สาวบอกว่าไปกินข้าวกับเสี่ยคนนี้ แต่กลับไม่ได้รับความร่วมมือ โดยเสี่ยคนนี้อ้างว่าไม่สบาย และติดธุระส่วนตัว อีกทั้งช่วงนั้นหนูก็สงสัยพฤติกรรมของเสี่ยคนนี้ เนื่องจากที่ติดต่อกันก็ไม่เคยถามถึงพี่สาวเลย ทั้งๆ ที่หายตัวไปหลายวันมีแต่โทร.มาถามถึงความคืบหน้าของคดีที่แจ้งความไว้ที่ สน.ประเวศ รวมทั้งยังทวงเงินค่ารถเบนซ์ที่ช่วยออกเงินไปส่วนหนึ่งและลงชื่อค้ำประกันไว้ นอกจากนี้ ยังโทร.มาบอกว่าเขาได้ไปดูดวงมาแล้วหมอดูบอกว่าพี่สาวหนูเสียชีวิตแล้วโดยถูกคนร้ายฆ่าชิงทรัพย์เอารถยนต์ไป ขอให้ทำใจ ซึ่งจากพฤติกรรมดังกล่าวที่ไม่สนใจพี่สาว ไม่ไปให้ข้อมูลกับตำรวจ ประกอบกับที่พี่สาวเคยเล่าให้ฟังว่าเสี่ยคนนี้เคยมีคดีฆ่าแฟนสาวตัวเองติดตัวอยู่และมีการวิ่งเต้นคดีด้วยจึงเชื่อว่าเสี่ยคนนี้น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของพี่สาว” น.ส.ขนิษฐา กล่าวว่า
ด้าน นางพรนภา กล่าวว่า มีลูกสาว 2 คน โดย น.ส.ปรัชฎา หรือ กุ๊กไก่ เป็นลูกสาวคนโต ตนทราบเพียงว่ากุ๊กไก่คบหากับเสี่ยคนนี้ แต่ก็ไม่ได้ขัดขวางแต่อย่างใด และลูกสาวตนก็ไม่เคยมีปัญหาขัดแย้งรุนแรงกับใครจนถึงขั้นต้องเป็นอันตราย หรือเป็นเหตุให้หายตัวไปแบบนี้ อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเรื่องกับลูกสาวตนก็ได้พบกับเสี่ยคนนี้ครั้งหนึ่ง แต่เมื่อพบกันเขาก็พูดแต่เรื่องรถยนต์เบนซ์ ไม่ได้พูดถึงลูกสาวตนแม้แต่คำเดียวซึ่งตนก็ไม่มีอะไรจะพูดกับเขาเช่นกัน ส่วนลูกสาวตนนั้นจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ทราบชะตากรรมว่าเป็นอย่างไร จึงเดินทางมาร้องทุกข์ต่อกองปราบปรามให้ช่วยสืบสวนติดตามอีกทางหนึ่ง
พ.ต.ท.คณพัฒน์ กล่าวว่า หลังรับเรื่องร้องทุกข์ดังกล่าวแล้ว พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป. พ.ต.อ.ปิยะ ได้สั่งการให้ตนพร้อมชุดสืบสวน กก.1 บก.ป.เข้าทำการสืบหาเบาะแสซึ่งจากการตรวจสอบประวัติเสี่ยคนนี้ พบว่า เคยมีประวัติก่อคดีฆ่า น.ส.พรชิตา พรหมนอก อายุ 25 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยศรีปทุม ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานสาวของ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม เหตุเกิดเมื่อเดือนกรกฎาคม 2551 แต่คดีดังกล่าวพนักงานสอบสวน และอัยการสั่งไม่ฟ้องทำให้คดียุติไปแล้ว นอกจากนี้ ยังเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดจันทบุรี ที่ 489/2552 ลงวันที่ 6 ตุลาคม 2552 ข้อหาแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน หลังจากแจ้งความว่าโฉนดที่ดินแปลงหนึ่งหายไป แต่จริงๆ แล้วกลับนำไปใช้กู้ยืมเงินจากผู้เสียหายรายหนึ่ง ซึ่งในคดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าทำการจับกุมเสี่ยคนนี้เมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา แต่ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ดำเนินคดี
พ.ต.ท.คณพัฒน์ กล่าวต่อว่า ส่วนในกรณีที่มีการแจ้งความคนหายไว้ และมีเสี่ยคนนี้ตกเป็นผู้ต้องสงสัยนั้นทางชุดสืบสวน กก.1 บก.ป.ได้ประสานชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 2 เข้าตรวจค้นบ้านพักผู้ต้องสงสัยรายนี้ซึ่งอยู่ที่ จ.ฉะเชิงเทราแล้วแต่ยังไม่พบหลักฐานที่เกี่ยวข้อง แต่ทั้งนี้ได้นำรถยนต์ส่วนตัวของผู้ต้องสงสัยรายนี้ คือ รถยนต์มิตซูมิชิ ไทรทัน สีบรอนซ์เงิน ส่งไปให้กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ตรวจหาหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์แล้ว ซึ่งจะทราบผลภายใน 1 สัปดาห์
ทั้งนี้ แนวทางสืบสวนของชุดสืบสวน กก.1 บก.ป.พบเบาะแสล่าสุดของ น.ส.ปรัชฎา ก่อนหายตัวว่าได้ขับรถเบนซ์ไปในพื้นที่ใกล้กับศูนย์ราชการเมืองฉะเชิงเทรา ในช่วงเวลาประมาณ 21.00-23.00 น.ของวันที่ 19 สิงหาคม ที่ผ่านมา หากผู้ใดที่อยู่ในบริเวณดังกล่าวพบเห็นขอให้แจ้งข้อมูลที่ กก.1 บก.ป.
วันนี้ (14 ก.ย.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่ กองปราบปราม นางพรนภา นิลพาย อายุ 47 ปี ชาวร้อยเอ็ด และ น.ส.ขนิษฐา แต้มพรมรินทร์ อายุ 18 ปี มารดาและน้องสาวของ น.ส.ปรัชฎา แต้มพรมรินทร์ หรือ กุ๊กไก่ อายุ 24 ปี นักศึกษาชั้นปี 4 คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง เข้าร้องทุกข์ต่อ พ.ต.อ.ปิยะ เจริญสุข ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รองผกก.1 บก.ป.และ พ.ต.ท.คณพัฒน์ พาหุมันโต สว.กก.1 บก.ป.เพื่อขอให้ช่วยสืบสวนติดตามตัว น.ส.ปรัชฎา ที่หายตัวไปพร้อมรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ รุ่น อี 200 สีดำ ทะเบียนป้ายแดง ฎษ 9119 กทม.เมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา
น.ส.ขนิษฐา กล่าวว่า ปกติพี่สาวจะพักอาศัยอยู่เพียงลำพังที่ห้องพักเลขที่ 611 อาคารเอช ดิไอริส คอนโดมิเนียม ย่านศรีนครินทร์ แต่จะติดต่อกับตนอยู่เป็นประจำ เมื่อ 2-3 ปีก่อนทราบว่าพี่สาวคบหากับเสี่ยมีอายุคนหนึ่ง ซึ่งทำอาชีพรับเหมาถมดิน โดยช่วงที่ทั้งสองคบหากันได้เคยพามาให้ตนรู้จักและกินข้าวด้วยกันอยู่ 2-3 ครั้ง ซึ่งตนทราบว่าที่ห้องพักและรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ป้ายแดงนั้นเสี่ยคนดังกล่าวเป็นคนซื้อให้ โดยระหว่างที่ทั้งสองคบหากันนั้น ก็มีปากเสียงกันบ้างเป็นครั้งคราว โดยพี่สาวตนเคยบอกไว้ว่าหากติดต่อไม่ได้ภายใน 3 วันให้ไปหาที่ห้องพักคอนโดฯ ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่มีปัญหาอะไร กระทั่งเมื่อวันที่ 19 ส.ค.พี่สาวได้โทรศัพท์มาหาตนบอกว่าจะออกไปกินข้าวกับเสี่ยคนนี้ที่ จ.ฉะเชิงเทรา แต่เวลาล่วงเลยถึงเที่ยงคืนของวันดังกล่าวตนก็โทร.กลับไปหาพี่สาว เพื่อสอบถามว่าเดินทางกลับถึงที่พักแล้วหรือยัง แต่ปรากฏว่าไม่สามารถติดต่อพี่สาวได้จึงตัดสินใจเดินทางไปหาที่ห้องพักคอนโดฯก็พบว่าห้องล็อก ซึ่งเมื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ประจำคอนโดฯก็ทราบว่าพี่สาวตนไม่ได้กลับเข้าห้องพักมาเป็นเวลา 3 วันแล้ว ตนจึงรีบบอกน้าสาวแล้วโทรหาเสี่ยคนนั้นเพื่อสอบถามหาตัวพี่สาว แต่เสี่ยบอกว่าไม่ทราบ และไม่ได้พบกัน
“เมื่อผ่านไปหลายวันแล้ว ก็ยังติดต่อพี่สาวไม่ได้ จึงพากันไปแจ้งความไว้ที่ สน.ประเวศ เมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา แต่เป็นการแจ้งความคนหายเท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ติดต่อเสี่ยคนดังกล่าวมาให้ข้อมูล เนื่องจากเป็นพี่สาวบอกว่าไปกินข้าวกับเสี่ยคนนี้ แต่กลับไม่ได้รับความร่วมมือ โดยเสี่ยคนนี้อ้างว่าไม่สบาย และติดธุระส่วนตัว อีกทั้งช่วงนั้นหนูก็สงสัยพฤติกรรมของเสี่ยคนนี้ เนื่องจากที่ติดต่อกันก็ไม่เคยถามถึงพี่สาวเลย ทั้งๆ ที่หายตัวไปหลายวันมีแต่โทร.มาถามถึงความคืบหน้าของคดีที่แจ้งความไว้ที่ สน.ประเวศ รวมทั้งยังทวงเงินค่ารถเบนซ์ที่ช่วยออกเงินไปส่วนหนึ่งและลงชื่อค้ำประกันไว้ นอกจากนี้ ยังโทร.มาบอกว่าเขาได้ไปดูดวงมาแล้วหมอดูบอกว่าพี่สาวหนูเสียชีวิตแล้วโดยถูกคนร้ายฆ่าชิงทรัพย์เอารถยนต์ไป ขอให้ทำใจ ซึ่งจากพฤติกรรมดังกล่าวที่ไม่สนใจพี่สาว ไม่ไปให้ข้อมูลกับตำรวจ ประกอบกับที่พี่สาวเคยเล่าให้ฟังว่าเสี่ยคนนี้เคยมีคดีฆ่าแฟนสาวตัวเองติดตัวอยู่และมีการวิ่งเต้นคดีด้วยจึงเชื่อว่าเสี่ยคนนี้น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของพี่สาว” น.ส.ขนิษฐา กล่าวว่า
ด้าน นางพรนภา กล่าวว่า มีลูกสาว 2 คน โดย น.ส.ปรัชฎา หรือ กุ๊กไก่ เป็นลูกสาวคนโต ตนทราบเพียงว่ากุ๊กไก่คบหากับเสี่ยคนนี้ แต่ก็ไม่ได้ขัดขวางแต่อย่างใด และลูกสาวตนก็ไม่เคยมีปัญหาขัดแย้งรุนแรงกับใครจนถึงขั้นต้องเป็นอันตราย หรือเป็นเหตุให้หายตัวไปแบบนี้ อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเรื่องกับลูกสาวตนก็ได้พบกับเสี่ยคนนี้ครั้งหนึ่ง แต่เมื่อพบกันเขาก็พูดแต่เรื่องรถยนต์เบนซ์ ไม่ได้พูดถึงลูกสาวตนแม้แต่คำเดียวซึ่งตนก็ไม่มีอะไรจะพูดกับเขาเช่นกัน ส่วนลูกสาวตนนั้นจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ทราบชะตากรรมว่าเป็นอย่างไร จึงเดินทางมาร้องทุกข์ต่อกองปราบปรามให้ช่วยสืบสวนติดตามอีกทางหนึ่ง
พ.ต.ท.คณพัฒน์ กล่าวว่า หลังรับเรื่องร้องทุกข์ดังกล่าวแล้ว พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป. พ.ต.อ.ปิยะ ได้สั่งการให้ตนพร้อมชุดสืบสวน กก.1 บก.ป.เข้าทำการสืบหาเบาะแสซึ่งจากการตรวจสอบประวัติเสี่ยคนนี้ พบว่า เคยมีประวัติก่อคดีฆ่า น.ส.พรชิตา พรหมนอก อายุ 25 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยศรีปทุม ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานสาวของ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม เหตุเกิดเมื่อเดือนกรกฎาคม 2551 แต่คดีดังกล่าวพนักงานสอบสวน และอัยการสั่งไม่ฟ้องทำให้คดียุติไปแล้ว นอกจากนี้ ยังเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดจันทบุรี ที่ 489/2552 ลงวันที่ 6 ตุลาคม 2552 ข้อหาแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน หลังจากแจ้งความว่าโฉนดที่ดินแปลงหนึ่งหายไป แต่จริงๆ แล้วกลับนำไปใช้กู้ยืมเงินจากผู้เสียหายรายหนึ่ง ซึ่งในคดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าทำการจับกุมเสี่ยคนนี้เมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา แต่ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ดำเนินคดี
พ.ต.ท.คณพัฒน์ กล่าวต่อว่า ส่วนในกรณีที่มีการแจ้งความคนหายไว้ และมีเสี่ยคนนี้ตกเป็นผู้ต้องสงสัยนั้นทางชุดสืบสวน กก.1 บก.ป.ได้ประสานชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 2 เข้าตรวจค้นบ้านพักผู้ต้องสงสัยรายนี้ซึ่งอยู่ที่ จ.ฉะเชิงเทราแล้วแต่ยังไม่พบหลักฐานที่เกี่ยวข้อง แต่ทั้งนี้ได้นำรถยนต์ส่วนตัวของผู้ต้องสงสัยรายนี้ คือ รถยนต์มิตซูมิชิ ไทรทัน สีบรอนซ์เงิน ส่งไปให้กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ตรวจหาหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์แล้ว ซึ่งจะทราบผลภายใน 1 สัปดาห์
ทั้งนี้ แนวทางสืบสวนของชุดสืบสวน กก.1 บก.ป.พบเบาะแสล่าสุดของ น.ส.ปรัชฎา ก่อนหายตัวว่าได้ขับรถเบนซ์ไปในพื้นที่ใกล้กับศูนย์ราชการเมืองฉะเชิงเทรา ในช่วงเวลาประมาณ 21.00-23.00 น.ของวันที่ 19 สิงหาคม ที่ผ่านมา หากผู้ใดที่อยู่ในบริเวณดังกล่าวพบเห็นขอให้แจ้งข้อมูลที่ กก.1 บก.ป.