ตำรวจ บก.น.6 ตามจับกุมคนร้ายเข้าไปโจรกรรมพระพุทธรูปที่ประดิษฐานบนสถูปอังคารของสมเด็จพระสังฆราชเจ้า จำนวน 4 องค์ อายุไม่ต่ำกว่า 70 ปี โดยคนร้ายใช้บันไดปีนขึ้นไปขโมย แล้วนำไปขายให้พ่อค้าย่านคคลองหลอด 500 บาท แต่ตำรวจไม่เชื่อ เพราะปักใจว่า น่าจะมีใบสั่งมา
วันนี้ (31 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น.ที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม พ.ต.อ.ฤชากร จรเจวุฒิ พ.ต.อ.กฤตภาส เพ็ญกิตติ รองผบก.6 และ พ.ต.อ.จิรภัทร โพธิ์ชนะพันธุ์ ผกก.สน.สำราญราษฎร์ พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน บก.น.6 และ สน.สำราญราษฎร์ แถลงการจับกุมนายสุธน จ่าทูน อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 173 ม.3 ต.ท่าสายลวด องแม่สอด จ.ตาก พร้อมของกลางพระพุทธรูปปางต่างๆ จำนวน 7 องค์
พ.ต.อ.ฤชากร กล่าวว่า เมื่อวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา พระครูวิบูลธรรมธัช ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธฯ ได้เข้าแจ้งความที่ สน.สำราญราษฎร์ ว่า ถูกคนร้ายลักพระพุทธรูปในวัด เป็นพระพุทธรูปปางรำพึงที่ประดิษฐานบนยอดสถูปใกล้พระอุโบสถ จำนวน 4 องค์ พระพุทธรูปปางต่างๆ อีกจำนวน อีก 7 องค์ จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบผู้ต้องสงสัยเป็นชาย อายุประมาณ 25-30 ปี จากนั้นจึงสืบสวนขยายผลจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ พร้อมรับสารภาพว่า นำไปขายให้นายณรงค์ ไชยมณี และ นายเชียร์ลี้ สรรพอาษา พ่อค้าในย่านคลองหลอด ในราคาเพียง 500 บาท
พ.ต.อ.ฤชากร กล่าวอีกว่า จะให้ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่เพื่อติดตามหาพระพุทธรูปที่ถูกขโมยไปจากวัดที่เหลือมาคืน และหาผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายต่อไปด้วย ทั้งนี้ ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อในคำให้การ ซึ่งคาดว่า น่าจะมีใบสั่งจากพ่อค้าคนกลาง ซึ่งจะได้ขยายผล ติดตามหาขบวนการแก๊งโจรกรรมพระพุทธรูป ต่อไป และเบื้องต้นได้ นำผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน พร้อมทั้งแจ้งข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี
ด้าน พระครูวิบูลธรรมธัช กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ มีของในวัดหายหลายครั้ง ทั้งกระติกน้ำร้อน ผ้าไตร หม้อหุงข้าว หรือเครื่องปัจจัยไทยทานที่ชาวบ้านนำมาถวายพระ ถูกงัดกุฏิเข้าไปขโมย หรือแม้แต่นาฬิกายี่ห้อปาเต๊ะฟิลลิป ที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เคยพระราชทานให้อดีตเจ้าอาวาสที่เก็บไว้ในพระอุโบสถ ล่าสุด เมื่อช่วงเข้าพรรษาพบว่า พระพุทธรูปปางรำพึงที่ประดิษฐานอยู่บนสถูปพระอังคาร ของพระเจ้าวรวงศ์เธอกรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ อดีตพระสังฆราช จำนวน 4 องค์ อายุกว่า 70 ปี ถูกขโมยไปพร้อมพระพุทธรูปอื่นๆ ที่อยู่ใกล้กุฏิ จึงเข้าแจ้งความดังกล่าว
“คนร้ายเข้ามาลักทรัพย์ภายในวัดบ่อยครั้ง รวมถึงงัดกุฏิวัดเกือบทุกคณะ ซึ่งถือว่าเป็นการก่อเหตุที่ไม่เกรงกลัวต่อบาป และรู้สึกสะเทือนจิตใจต่อพุทธศาสนิกชนเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ มองว่า คนร้ายที่ก่อเหตุ อาจจะเกิดจากเศรษฐกิจย่ำแย่ และวอนว่าใครที่รับซื้อพระพุทธรูปต่อจากคนร้ายที่ยังมีบางส่วนไม่ได้กลับคืนมา ซึ่งถือเป็นของศาสนบูชา อย่าเอาไปเป็นของส่วนตน เพราะถือว่าไม่เป็นมงคลต่อตัวเอง” พระครูวิบูลธรรมธัช กล่าว
ส่วน นายสุธน ให้การสารภาพโดยอ้างว่า วันที่เข้าไปขโมยพระนั้น มีอาการเมาไม่ได้ตั้งใจ เมื่อเห็นว่าไม่มีคน เนื่องจากเป็นช่วงกลางคืน จึงนำบันไดคนงานก่อสร้างที่วางทิ้งไว้ข้างกำแพงวัดใกล้จุดเกิดเหตุมาพาดบนสถูปด้านหลัง เพื่อขึ้นไปขโมยเพียงองค์เดียว ส่วนอีก 3 องค์ ไม่ได้เป็นผู้ขโมย ส่วนพระอื่นๆ เห็นวางไว้จึงขโมยไปขายให้พ่อค้าย่านคลองหลอดพร้อมกันทั้งหมดในราคา 500 บาท
วันนี้ (31 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น.ที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม พ.ต.อ.ฤชากร จรเจวุฒิ พ.ต.อ.กฤตภาส เพ็ญกิตติ รองผบก.6 และ พ.ต.อ.จิรภัทร โพธิ์ชนะพันธุ์ ผกก.สน.สำราญราษฎร์ พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน บก.น.6 และ สน.สำราญราษฎร์ แถลงการจับกุมนายสุธน จ่าทูน อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 173 ม.3 ต.ท่าสายลวด องแม่สอด จ.ตาก พร้อมของกลางพระพุทธรูปปางต่างๆ จำนวน 7 องค์
พ.ต.อ.ฤชากร กล่าวว่า เมื่อวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา พระครูวิบูลธรรมธัช ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธฯ ได้เข้าแจ้งความที่ สน.สำราญราษฎร์ ว่า ถูกคนร้ายลักพระพุทธรูปในวัด เป็นพระพุทธรูปปางรำพึงที่ประดิษฐานบนยอดสถูปใกล้พระอุโบสถ จำนวน 4 องค์ พระพุทธรูปปางต่างๆ อีกจำนวน อีก 7 องค์ จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบผู้ต้องสงสัยเป็นชาย อายุประมาณ 25-30 ปี จากนั้นจึงสืบสวนขยายผลจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ พร้อมรับสารภาพว่า นำไปขายให้นายณรงค์ ไชยมณี และ นายเชียร์ลี้ สรรพอาษา พ่อค้าในย่านคลองหลอด ในราคาเพียง 500 บาท
พ.ต.อ.ฤชากร กล่าวอีกว่า จะให้ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่เพื่อติดตามหาพระพุทธรูปที่ถูกขโมยไปจากวัดที่เหลือมาคืน และหาผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายต่อไปด้วย ทั้งนี้ ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อในคำให้การ ซึ่งคาดว่า น่าจะมีใบสั่งจากพ่อค้าคนกลาง ซึ่งจะได้ขยายผล ติดตามหาขบวนการแก๊งโจรกรรมพระพุทธรูป ต่อไป และเบื้องต้นได้ นำผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน พร้อมทั้งแจ้งข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี
ด้าน พระครูวิบูลธรรมธัช กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ มีของในวัดหายหลายครั้ง ทั้งกระติกน้ำร้อน ผ้าไตร หม้อหุงข้าว หรือเครื่องปัจจัยไทยทานที่ชาวบ้านนำมาถวายพระ ถูกงัดกุฏิเข้าไปขโมย หรือแม้แต่นาฬิกายี่ห้อปาเต๊ะฟิลลิป ที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เคยพระราชทานให้อดีตเจ้าอาวาสที่เก็บไว้ในพระอุโบสถ ล่าสุด เมื่อช่วงเข้าพรรษาพบว่า พระพุทธรูปปางรำพึงที่ประดิษฐานอยู่บนสถูปพระอังคาร ของพระเจ้าวรวงศ์เธอกรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ อดีตพระสังฆราช จำนวน 4 องค์ อายุกว่า 70 ปี ถูกขโมยไปพร้อมพระพุทธรูปอื่นๆ ที่อยู่ใกล้กุฏิ จึงเข้าแจ้งความดังกล่าว
“คนร้ายเข้ามาลักทรัพย์ภายในวัดบ่อยครั้ง รวมถึงงัดกุฏิวัดเกือบทุกคณะ ซึ่งถือว่าเป็นการก่อเหตุที่ไม่เกรงกลัวต่อบาป และรู้สึกสะเทือนจิตใจต่อพุทธศาสนิกชนเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ มองว่า คนร้ายที่ก่อเหตุ อาจจะเกิดจากเศรษฐกิจย่ำแย่ และวอนว่าใครที่รับซื้อพระพุทธรูปต่อจากคนร้ายที่ยังมีบางส่วนไม่ได้กลับคืนมา ซึ่งถือเป็นของศาสนบูชา อย่าเอาไปเป็นของส่วนตน เพราะถือว่าไม่เป็นมงคลต่อตัวเอง” พระครูวิบูลธรรมธัช กล่าว
ส่วน นายสุธน ให้การสารภาพโดยอ้างว่า วันที่เข้าไปขโมยพระนั้น มีอาการเมาไม่ได้ตั้งใจ เมื่อเห็นว่าไม่มีคน เนื่องจากเป็นช่วงกลางคืน จึงนำบันไดคนงานก่อสร้างที่วางทิ้งไว้ข้างกำแพงวัดใกล้จุดเกิดเหตุมาพาดบนสถูปด้านหลัง เพื่อขึ้นไปขโมยเพียงองค์เดียว ส่วนอีก 3 องค์ ไม่ได้เป็นผู้ขโมย ส่วนพระอื่นๆ เห็นวางไว้จึงขโมยไปขายให้พ่อค้าย่านคลองหลอดพร้อมกันทั้งหมดในราคา 500 บาท