xs
xsm
sm
md
lg

สังคมป่วยหนัก-เยาวชนหื่นข่มขืนพุ่ง!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ความเลวร้ายในสังคม ที่เกิดกับจิตใจเยาวชนคนไทยในปัจจุบัน ซึ่งนับวันจะเสื่อมทรามถดถอยลงเรื่อยๆ กับเหตุร้ายแรงที่เกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวันในคดีข่มขืน กระทำชำเรา พรากผู้เยาว์ ยังคงเป็นความท้าทายที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องเร่งปราบปราม กวาดล้างเดรัจฉานในคราบมนุษย์ที่คอยย่ำยีเพศหญิง สร้างความหดหู่แก่สภาพสังคมไทยให้เน่าเฟะ อีกทั้งปัญหาคดีข่มขืนยังเป็นการก่ออาชญากรรมในการทำสถิติที่ไม่น่าจะนำพาให้สังคมดีขึ้นได้

ปัญหาการก่ออาชญากรรม ปล้น จี้ ฆ่าข่มขืนชิงทรัพย์ หรือคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์อื่นๆ ยังคงทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยจะเห็นได้ว่าคนร้ายหรือคนที่ลงมือก่อเหตุมีอายุเฉลี่ยตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป โดยคนเหล่านี้ยังคงเป็นเยาวชนอยู่ อย่างเช่นเมื่อเร็วๆ นี้ได้เกิดเหตุสลดใจ โดยเมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มวัยรุ่นนับ 10 คนรุมโทรมหญิงที่มีลักษณะคล้ายทอมบอย ซึ่งเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในพื้นที่รกร้างท้ายซอยเพชรเกษม 70 เขตบางแค กทม. แม้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะจับกุมตัวเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี ซึ่งหนึ่งใน 3 ยังอยู่ในชุดนักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนชื่อดังย่านเพชรเกษมไว้ได้ 3 คน คือ นายโอ้ นายเก้า และนายเดช นอกนั้นได้วิ่งหนีการจับกุมไปได้ในสภาพร่างกายล่อนจ้อน ขณะที่หญิงสาวคล้ายทอมบอยที่ถูกรุมโทรมอยู่ในสภาพสะบัก สะบอม เสื้อผ้าขาดหลุดลุ่ย คือ น.ส.กบ (นามสมมติ) อายุ 18 ปี เป็นนักเรียนโรงเรียนพาณิชย์ชื่อดังย่านฝั่งธนฯ ซึ่งเมื่อตำรวจเข้าช่วยเหลือและนำตัวส่งโรงพยาบาล ผู้เสียหายให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเพื่อนสาวซึ่งเรียนอยู่สถาบันเดียวกันได้ชักชวนมางานวันเกิดของเพื่อนชายชื่อนายโอ้ ภายในซอยที่เกิดเหตุ ก่อนจะถูกนายโอ้หลอกให้ซ้อนท้ายจักรยานยนต์โดยอ้างจะพาไปงานวันเกิด แต่ระหว่างทางได้พาขับไปนอกเส้นทาง เมื่อถึงบริเวณที่เกิดเหตุจึงถูกเพื่อนนายโอ้นับสิบฉุดกระชากเข้าข้างทางแล้วช่วยกันรุมข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ไปแล้ว 5 คน ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้ามาช่วยเหลือไว้ได้

8 มิ.ย. ตำรวจนครบาลได้จับกุม นายอนุวัฒน์ หรือเจี๊ยบ อินทวงษ์ อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาคดีพรากผู้เยาว์ ข่มขืน เสพและครอบครองยาเสพติด โดยนายอนุวัฒน์ได้หลอกลวง น.ส.ดาว (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ซึ่งเป็นลูกสาวนายทหารมีชื่อเสียง ให้นั่งซ้อนท้ายจักรยานยนต์ อ้างจะพาไปหาเพื่อนในย่านบางขุนพรหม แต่กลับใช้ปืนปลอมจี้ข่มขู่ บังคับข่มขืนกระทำชำเรา และยังใช้กำลังทำร้ายร่างกาย นอกจากนี้ ตำรวจยังสืบขยายผลเจอประวัติผู้ต้องหารายนี้ชอบทำตัวเป็นผู้กว้างขวางในซอยทหารบกย่านบางขุนพรหม ชอบข่มขู่และทำร้ายร่างกายผู้อื่นด้วยอาวุธปืนปลอม และก่อเหตุในคดีลักษณะเดียวกันหลายคดี อีกทั้งเคยประกอบอาชีพช่างสัก และรับจ้างคุมบ่อน นอกจากนี้ยังมีหมายจับของ สภ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ในคดีพรากผู้เยาว์ ข่มขืน เสพและครอบครองยาเสพติดอีกหลายคดี

และอีกเหตุการณ์ที่น่าจะเป็นอุทาหรณ์แก่วัยรุ่นที่ชอบดูหมอ กับเจ้าเข้าทรง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดเชียงราย ได้นำตัวอย่างน้ำมนต์ส่งให้แพทย์ตรวจสอบ เพื่อนำผลไปประกอบสำนวนคดีที่นักศึกษาอายุ 18 ปี โดนข่มขืนกระทำชำเรา เนื่องจากไปสะเดาะเคราะห์กับคนทรงเจ้าที่คนนับถือ โดยก่อนที่จะสะเดาะเคราะห์จะต้องทำพิธีให้ตายก่อน ซึ่งหมอทรงให้เด็กกินน้ำมนต์ พอกินแล้วก็ไม่รู้สึกตัว หลังจากนั้นก็ถูกทำมิดีมิร้าย พอแม่เด็กรู้ภายหลังก็ไปแจ้งความและนำน้ำมนต์ให้ตำรวจส่งตรวจ ผลปรากฏว่าน้ำมนต์ดังกล่าวมีสาร “มิดาโซแลม” ซึ่งเป็นสารอันตราย “จีเอชบี” เป็นยากระตุ้นอารมณ์ทางเพศหญิง ซึ่งยาดังกล่าวจะทำให้หยุดหายใจชั่วคราวได้ทำให้คนกินไม่ได้สติ และทำให้เกิดเหตุร้ายกับผู้ดื่มกิน ซึ่งมีคนนำมาผลิตในหลายรูปแบบ ทั้งผง แคปซูล น้ำ หมากฝรั่ง ก่อนนำไปละลายเป็นน้ำมนต์เสียตัว โดยขณะนี้มีเกลื่อนตามตลาดแนวชายแดนไทย-พม่า ซึ่งในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่นั้นคนร้ายใช้ก่อเหตุขืนใจเหยื่อสาวมาหลายรายแล้ว

ขอแถมท้ายกับคดีเยาวชนก่อเหตุข่มขืนอีกหนึ่งคดีที่น่าสะเทือนใจ ซึ่งเกิดขึ้นที่ จ.อ่างทอง โดยพี่ชาย 3 คน อายุประมาณ 17-19 ปี ได้ร่วมกันข่มขืนใจน้องสาววัย 12 ปี มานานหลายปี ซึ่งเด็กหญิงคนดังกล่าวให้การว่า ช่วงที่อยู่บ้านตามลำพังพี่ชายทั้งสามมักจะเข้ามาข่มขืนตั้งแต่ตนเองเรียนอยู่ชั้น ป.3 จนถึงปัจจุบัน โดยจะวนเวียนกันข่มขืนเป็นประจำ และข่มขู่ไม่ให้นำเรื่องไปบอกกับใครไม่เช่นนั้นจะฆ่าให้ตาย จนกระทั่งเมื่อเร็วๆ นี้ไม่สบายจึงไปหาหมอที่โรงพยาบาล จนหมอได้รู้ความจริงว่าเด็กหญิงเกิดอาการติดเชื้อกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ปัสสาวะไม่ออก จึงได้พามาแจ้งความ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามจับกุมตัวพี่ชายทั้งสามได้ โดยให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเรา ด.ญ.ออย (นามสมมติ) น้องสาวที่คลานตามกันมาโดยตลอด ตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าคดีนี้จะเกิดจากปัญหาครอบครัวของเด็กหญิงเองซึ่งเป็นครอบครัวที่ยากจน แม่ของเด็กหญิงต้องโทษติดคุกอยู่ในเรือนจำ ส่วนพ่อนั้นตั้งแต่แยกทางกับแม่เด็กก็ไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย ส่วนพี่ชายทั้ง 3 คนก็ไม่ได้ทำงานอะไร ติดยาเสพติด เข้าออกคุกเป็นประจำก็ตาม แต่จากปัญหาในสังคมปัจจุบันที่สะสมหมักหมมมานาน กับความคาดหวังในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ สังคม และการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองภาพรวมของประเทศ ไม่ให้เกิดเหตุความวุ่นวาย ไม่มีโจรผู้ร้ายเกลื่อนเมือง ที่รัฐบาลภายใต้แกนนำของพรรคเพื่อไทยได้ประกาศจะกำจัดให้หมดไป โดยในส่วนของปัญหาอาชญากรรมต่างๆ คงจะได้รับการแก้ไขโดยไวเช่นกัน ซึ่งคาดว่าคงไม่มีปัจจัยใดเป็นตัวหัวเชื้อจี้จิตใจให้เยาวชนต่ำทรามก่อเหตุบังคับขืนใจเยาวชนด้วยกันเองจนทำให้เป็นปัญหาอาชญากรรมระดับประเทศที่ไม่ควรเกิดขึ้นซ้ำซากอีกต่อไป
นายอนุวัฒน์ หรือเจี๊ยบ อินทวงษ์ ผู้ต้องหาคดีพรากผู้เยาว์ ข่มขืน เสพและครอบครองยาเสพติด
(แฟ้มภาพ)
กำลังโหลดความคิดเห็น