ตัวแทนทีวีช่อง 3 เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อลงบันทึกประจำวัน 2 พนักงานบริษัทเอกชน แอบอ้างเป็นผู้สื่อข่าวของสถานีขายสินค้าให้กับหน่วยงานรัฐ เรียกรับเงินบริจาคช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม ทำให้เสียชื่อเสียง ขณะที่บริษัทเอกชน ขอโทษช่อง 3 และยอมรับทั้ง 2 เป็นพนักงานจริง แต่ทางบริษัทไม่เคยมีนโยบายให้ทำเช่นนั้น ได้ให้ทั้งสองออกจากบริษัทไปแล้ว
วันนี้ (5 ก.ค.) เมื่อเวลา 12.30 น.ที่ สน.ดุสิต นายนภาพล ถนอมรัตน์ หัวหน้าศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ตู้ ปณ.ข่าว 3 พร้อมด้วย น.ส.นพขวัญ นาคนวล ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ได้เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.สุทธิพร กสุรพ พนักงานสอบสวน (สบ1) สน.ดุสิต เพื่อแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน หลังถูก นายวสุ เจียมกิตติโยธิน อายุ 22 ปี และ น.ส.ธัญญาวรรณ บริสุทธิ์ อายุ 21 ปี พนักงานของบริษัท ซันไชน์ แอบอ้างชื่อของช่อง 3 ไปขายสินค้าและเรียกรับเงินบริจาคโดยอ้างว่าจะนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง
นายนภาพล เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากทางช่อง 3 ได้รับการประสานงานจากเจ้าหน้าที่ของกรมชลประทาน ว่า มีผู้แอบอ้างว่าเป็นผู้สื่อข่าวของช่อง 3 ไปขายสินค้า และขอรับบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยมีการถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐานพร้อมกับควบคุมตัวบุคคลทั้งสองเอาไว้ แต่เมื่อไปตรวจสอบก็พบว่า รปภ.ของกรมชลประทาน ได้ปล่อยตัวไปแล้ว เพราะทางกรมชลฯไม่ได้มีการประสานงานกับ รปภ.
สำหรับพฤติการณ์ของทั้งสองคน จะทำทีเข้าไปขายสินค้าในนามบริษัท ซันไชน์ เมื่อขายไม่ได้ก็แอบอ้างตัวว่าเป็นผู้สื่อข่าวช่อง 3 จะขอสัมภาษณ์ผู้บริหารระดับสูง ต่อมาเมื่อได้เข้าพบผู้บริหาร กลับไม่สัมภาษณ์ แต่เสนอขายสินค้า พร้อมกับอ้างว่าจะขอรับบริจาคเงินไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยนำแผ่นพับของบริษัทซันไชน์ที่มีภาพถ่ายการเข้าไปบริจาคเงินช่วยน้ำท่วมกับนายสรยุทธ สุทัศนจินดา ผู้ประกาศข่าวช่อง 3 ให้ดูเป็นตัวอย่าง ทางผู้บริหารของกรมชลประทานจึงให้เงินไปจำนวนหนึ่ง แต่ตนไม่ทราบวงเงินที่แน่ชัด
นายนภาพล กล่าวอีกว่า จากนั้นทั้งสองคนยังเดินเรี่ยไรขอรับบริจาคเงินกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆในกรมชลประทานอีก โดยบางคนให้ไป 200 บ้าง 300 บ้าง กระทั่งเจ้าหน้าที่เกิดความสงสัย จึงโทรศัพท์มาสอบถามกับทางช่อง 3 เมื่อพบว่าเป็นการแอบอ้าง ทางเจ้าหน้าที่ในกรมชลฯ จึงแจ้งให้ทั้งสองคนทราบว่าจะนำตัวส่งให้ตำรวจดำเนินคดี จึงทำให้ทั้งสองคนรีบคืนเงินให้ส่วนหนึ่ง เป็นจำนวน 2,400 บาท ก่อนจะรีบออกไปจากกรมชลฯ
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นผู้บริหารของบริษัทซันไชน์ได้ติดต่อมาที่ช่อง 3 และยอมรับว่าทั้งสองคนเป็นพนักงานในสังกัดจริง แต่บริษัทไม่ได้มีนยโยบายให้ทำเช่นนั้น พร้อมทั้งกล่าวขอโทษ และให้พนักงานทั้งสองคนออกจากบริษัทแล้ว ซึ่งในวันนี้ตนจึงมาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานว่าทางช่อง 3 ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับบุคคลทั้งสอง เพราะเกรงว่าอาจจะมีการนำชื่อช่อง 3 ไปแอบอ้างกับที่อื่นอีก
วันนี้ (5 ก.ค.) เมื่อเวลา 12.30 น.ที่ สน.ดุสิต นายนภาพล ถนอมรัตน์ หัวหน้าศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ตู้ ปณ.ข่าว 3 พร้อมด้วย น.ส.นพขวัญ นาคนวล ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ได้เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.สุทธิพร กสุรพ พนักงานสอบสวน (สบ1) สน.ดุสิต เพื่อแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน หลังถูก นายวสุ เจียมกิตติโยธิน อายุ 22 ปี และ น.ส.ธัญญาวรรณ บริสุทธิ์ อายุ 21 ปี พนักงานของบริษัท ซันไชน์ แอบอ้างชื่อของช่อง 3 ไปขายสินค้าและเรียกรับเงินบริจาคโดยอ้างว่าจะนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง
นายนภาพล เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากทางช่อง 3 ได้รับการประสานงานจากเจ้าหน้าที่ของกรมชลประทาน ว่า มีผู้แอบอ้างว่าเป็นผู้สื่อข่าวของช่อง 3 ไปขายสินค้า และขอรับบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยมีการถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐานพร้อมกับควบคุมตัวบุคคลทั้งสองเอาไว้ แต่เมื่อไปตรวจสอบก็พบว่า รปภ.ของกรมชลประทาน ได้ปล่อยตัวไปแล้ว เพราะทางกรมชลฯไม่ได้มีการประสานงานกับ รปภ.
สำหรับพฤติการณ์ของทั้งสองคน จะทำทีเข้าไปขายสินค้าในนามบริษัท ซันไชน์ เมื่อขายไม่ได้ก็แอบอ้างตัวว่าเป็นผู้สื่อข่าวช่อง 3 จะขอสัมภาษณ์ผู้บริหารระดับสูง ต่อมาเมื่อได้เข้าพบผู้บริหาร กลับไม่สัมภาษณ์ แต่เสนอขายสินค้า พร้อมกับอ้างว่าจะขอรับบริจาคเงินไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยนำแผ่นพับของบริษัทซันไชน์ที่มีภาพถ่ายการเข้าไปบริจาคเงินช่วยน้ำท่วมกับนายสรยุทธ สุทัศนจินดา ผู้ประกาศข่าวช่อง 3 ให้ดูเป็นตัวอย่าง ทางผู้บริหารของกรมชลประทานจึงให้เงินไปจำนวนหนึ่ง แต่ตนไม่ทราบวงเงินที่แน่ชัด
นายนภาพล กล่าวอีกว่า จากนั้นทั้งสองคนยังเดินเรี่ยไรขอรับบริจาคเงินกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆในกรมชลประทานอีก โดยบางคนให้ไป 200 บ้าง 300 บ้าง กระทั่งเจ้าหน้าที่เกิดความสงสัย จึงโทรศัพท์มาสอบถามกับทางช่อง 3 เมื่อพบว่าเป็นการแอบอ้าง ทางเจ้าหน้าที่ในกรมชลฯ จึงแจ้งให้ทั้งสองคนทราบว่าจะนำตัวส่งให้ตำรวจดำเนินคดี จึงทำให้ทั้งสองคนรีบคืนเงินให้ส่วนหนึ่ง เป็นจำนวน 2,400 บาท ก่อนจะรีบออกไปจากกรมชลฯ
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นผู้บริหารของบริษัทซันไชน์ได้ติดต่อมาที่ช่อง 3 และยอมรับว่าทั้งสองคนเป็นพนักงานในสังกัดจริง แต่บริษัทไม่ได้มีนยโยบายให้ทำเช่นนั้น พร้อมทั้งกล่าวขอโทษ และให้พนักงานทั้งสองคนออกจากบริษัทแล้ว ซึ่งในวันนี้ตนจึงมาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานว่าทางช่อง 3 ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับบุคคลทั้งสอง เพราะเกรงว่าอาจจะมีการนำชื่อช่อง 3 ไปแอบอ้างกับที่อื่นอีก