ศาลสั่งจำคุก 3 ตร.บางชันคนละ 2 ปี ยิง “น้องฟลุ๊ค” ดับ ขณะยิงสกัดรถจับคดียาเสพติด แต่กระสุนพลาดโดนน้องฟลุ๊คเสียชีวิต ศาลชี้การกระทำของจำเลยเป็นการปฏิบัติหน้าที่และไม่เคยต้องโทษมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี
วันนี้ 28 (ก.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 703 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 และนายสถาพร ศรีสะอาด จำเลยคดียาเสพติด ซึ่งเป็นบิดาของด.ช.จักรพันธ์ ศรีสะอาด ผู้ตาย ร่วมกัน เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ด.ต.พิพรรธ แสนอินทร์ อายุ 44 ปี, จ.ส.ต.ภานุมาศ ชนะขำ อายุ 39 ปี และ ส.ต.อ.อนุสรณ์ แท่นสุวรรณ อายุ 39 ปี จำเลยในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นและร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 33, 80, 83 และ 90
ตามฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2552 บรรยายฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2546 เวลากลางวันหลังเที่ยงวันจำเลยทั้งสาม ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บางชัน ร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงโดยมีเจตนาฆ่า น.ส.พรวิภา เกิดบุญเรือง ขณะกำลังขับรถยนต์ ฮอนด้า แอคคอร์ด หมายเลขทะเบียน อม 6176 กทม.กระสุนทะลุตัวถังรถถูกร่างของ ด.ช.จักรพันธ์ ศรีสะอาด บุตรชาย น.ส.พรทิวา ที่นอนหลับอยู่ที่เบาะหลังจำนวน 2 นัดบริเวณหลัง และอกด้านขวา เป็นเหตุให้ ด.ช.จักรพันธ์ ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วน น.ส.พรทิวา นั้นไม่ถูกกระสุนจึงไม่ถึงแก่ความตายสมเจตนาจำเลยทั้งสาม เหตุเกิดที่หน้าโรงหนังปารีส ตลาดสะพานขาว แยกแขวงมหานาค เขตดุสิต กทม. ชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาคดีจำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ศาลพิเคราะห์ แล้วเห็นว่าฝ่ายโจทก์ มีโจทก์ร่วมและนายสถาพร หรืออุ้ม โป้เปิด ประจักษ์พยาน เบิกความสอดคล้องต้องกันว่า ก่อนเกิดเหตุจำเลยทั้งสาม ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาร่วมสืบสวนขยายผลจับกุมแก๊งค้ายาบ้า โดยติดต่อล่อซื้อยาบ้าจากโจทก์ร่วมจำนวน 6,000 เม็ด นัดส่งมอบของกันที่ทางลงทางด่วนถนนยมราชหน้าบ้านมนังคศิลา เมื่อโจทก์ร่วมขับรถยนต์ฮอนด้าแอคคอร์ด ไปถึงที่นัดหมายได้สลับให้นางพรวิภา เกิดรุ่งเรื่อง ภรรยา เปลี่ยนมานั่งที่เบาะคนขับ โดยมีด.ช.จักรพันธ์ นอนหลับอยู่เบาะหลัง ส่วนโจทก์ร่วมลงจากรถแล้วโทรศัพท์หานายสถาพร ตอบว่าติดสัญญาณไฟแดงแต่ใกล้ถึงที่นัดหมายแล้ว จากนั้นไม่นานขณะที่โจทก์ร่วมจะเดินกลับไปที่รถยนต์ มีรถกระบะโตโยต้าสีเขียว ที่มีนายสถาพร พยานซึ่งถูกจับกุมก่อนเกิดเหตุเป็นผู้ขับมาโดยมีพวกจำเลยนั่งประกบในรถ มาจอดปาดหน้า จากนั้นมีตำรวจส่วนหนึ่งจับกุมโจทก์ร่วมใส่กุญแจมือ ขณะเดียวกันนางพรวิภา ได้ขับรถยนต์ฮอนด้าแอคคอร์ดเพื่อหลบหนี พวกจำเลยจึงวิ่งตามพร้อมใช้อาวุธปืนยิงสกัด กระสุนถูกกระโปรงรถด้านท้าย ประตูหลังด้านซ้ายและล้อแม็กซ์ ก่อนที่นางพรวิภา จะลงจากรถแล้วหลบหนีไปที่ท้ายตลาด เมื่อพวกจำเลยเข้าตรวจสอบพบ ด.ช.จักรพันธ์ นอนอยู่ในรถได้รับบาดเจ็บถูกยิงจึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลแต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา และจากผลการตรวจพิสูจน์วิถีกระสุนที่ยิงรถพบว่ามีการยิงจากซ้ายไปขวาและหลังไปหน้า และมีรอยกระสุนที่บริเวณล้อและกันชนหลัง ซึ่งเป็นวิถีกระสุนที่ยิงในระดับต่ำ ไม่ได้หวังผล เชื่อว่าเป็นยิงเพื่อสกัดรถยนต์ฮอนด้าที่พวกจำเลยเข้าใจว่าเป็นผู้ค้ายาจะหลบหนีเท่านั้น
ดังนั้นศาลเห็นว่าการกระทำของพวกจำเลยไม่เป็นความผิดฐานเจตนาฆ่าหรือพยายามฆ่าผู้อื่น แต่การปฎิบัติหน้าที่ย่อมต้องมีความระมัดระวังในการใช้ปืน จำเลยทั้งสามจึงมีความผิดฐานกระทำประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตาม ป.อาญา ม.291 ลงโทษจำคุกเป็นเวลาคนละ 2 ปี ปรับ 10,000 บาท แต่เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นว่า จำเลยทั้งสามกำลังปฎิบัติหน้าที่ และไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญาเป็นเวลา 2 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างฟังคำพิพากษาจำเลยทั้งสามมีสีหน้าเคร่งขรึม เมื่อศาลอ่านคำพิพากษาจบโดยให้รอลงอาญา สร้างความยินดีให้พวกจำเลยแสดงความดีใจจับไม้จับมือกับญาติพี่น้อง เพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชาที่ตามมาให้กำลังใจแน่นห้อง ขณะที่ฝ่ายโจทก์มี นายสมชาย และนางเรียม เกิดรุ่งเรือง ลุงและยายของด.ช.จักรพันธ์ มาร่วมฟังด้วย
ภายหลังนายสมชาย เกิดรุ่งเรือง ลุงของน้องฟลุ๊ค กล่าวว่า น้อมรับคำพิพากษา ซึ่งแม้ศาลจะเห็นว่าเป็นการกระทำโดยประมาทแต่ก็ยังบอกว่าการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจมีความผิดอยู่ และจะแจ้งผลคำพิพากษาให้นายสถาพร ทราบต่อไป ส่วนจะมีการยื่นอุทธรณ์หรือไม่ต้องสอบถามผู้เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ขณะที่นายประจำ สุขชุม ทนายความ ส.ต.อ.อนุสรณ์ จำเลยที่ 3 กล่าวว่า พอใจกับผลคำพิพากษา แต่ในการต่อสู้คดีก็ต้องการให้ศาลยกฟ้อง เพราะยืนยันข้อเท็จจริงประเด็นว่า ขณะเกิดเหตุมีผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์มายิงใส่รถยนต์นายสถาพร ก่อนหลบหนีไป และยืนยันว่าการกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นการปฏิบัติหน้าที่มิได้มีเจตนาฆ่า ส่วนจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่ต้องปรึกษาหารือกันอีกครั้ง โดยขณะนี้ ด.ต.พิพรรธ จำเลยที่ 1 ปฎิบัติหน้าที่อยู่ที่ สน.ลาดพร้าว , จ.ส.ต.ภานุมาศ จำเลยที่ 2 อยู่ที่ สน.บางชัน เหมือนเดิม ส่วนจำเลยที่ 3 อยู่ที่ สภ.เมืองตรัง
