หนุ่มเลือดร้อนฉุนถูกเฒ่าวัย 63 ปี ขับรถปาดหน้า ก่อนซิ่งรถตามขับปาดหน้ากันไปมา สุดท้ายทั้งคู่จอดรถลงมาชกต่อยกัน จนหนุ่มเลือดร้อนคว้ามีดกระหน่ำแทงปาดคอเฒ่าดับหน้าสถานทูตเขมร ขณะที่ ตร.คุมตัวภรรยาหนุ่มเลือดร้อนที่อยู่ในที่เกิดเหตุไว้สอบ ระบุเป็นคนอารมณ์ร้อนและไม่พอใจจึงก่อเหตุ เบื้องต้นเจ้าตัวติดต่อเข้ามอบตัวแล้ว
วันนี้ (18 ก.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. พ.ต.ท.ชัยยุทธ ปัดถามัง พงส.(สบ3) สน.วังทองหลาง ได้รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกแทงเสียชีวิต บริเวณแยกซอยสหการประมูล หน้าสถานทูตกัมพูชา ถ.ประชาอุทิศ แขวงและเขตวังทองหลาง กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชาแล้วรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ลือชัย สุดยอด รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 (รองผบก.น 4) พ.ต.อ.ธวัช วงศ์สง่า ผกก.วังทองหลาง เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวชรพ.ตำรวจ และเจ้าหน้าที่จากมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุบริเวณกลาง 3 แยก ห่างจากป้อมตำรวจ 1 เมตร พบรถเก๋งโตโยต้า โคโรล่า สีบรอนด์ทอง หมายเลขทะเบียน ฐล 628 กรุงเทพมหานคร จอดนิ่งอยู่ ภายในรถพบศพนายชัยวัฒน์ ลิมปวัชรพงศ์ อายุ 63 ปี สภาพศพนอนตะแคงเสียชีวิตจมกองเลือดที่บริเวณเบาะคนขับ สวมเสื้อโปโลสีเหลือง นุ่งกางเกงผ้าสีดำ มีบาดแผลถูกแทงที่ชายโครงขวา 1 แผล และถูกมีดปาดที่ลำคอและศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์ นอกจากนี้บนพื้นถนนและท้ายรถของผู้ตายยังพบหยดเลือดจำนวนมาก และพบแว่นตาตกอยู่ 1 อัน ปอกมีด 1 อัน เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบถามนายชัชวัสส์ ลิมปวัชรพงศ์ อายุ 31 ปี ให้การว่า ตนเป็นลูกชายของคนตาย ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถไปทำบุญที่วัดพระรามเก้า ขากลับได้แวะส่งพระลูกวัดที่รู้จักกันที่วัดเทพลีลา ระหว่างที่ขับรถมาถึงใต้ทางด่วนพระรามเก้า ได้ขับรถปาดหน้ากับรถเก๋งฟอร์ด ป้ายแดง ของคนร้าย โดยขับปาดกันมาตลอดทาง กระทั่งถึงจุดเกิดเหตุพ่อของตนได้จอดรถและเปิดไฟกระพริบไว้ จากนั้นรถของคนร้ายก็ขับมาจอดที่ด้านหลัง ก่อนจะขับปาดมาด้านหน้า พ่อของตนจึงขับชนท้ายก่อนจะลงจากรถไปชกต่อยกับคนร้าย ระหว่างนั้นตนเห็นคนร้ายใช้มีดกระหน่ำแทงและปาดคอพ่อ ก่อนที่พ่อจะวิ่งกลับมาที่รถและคนร้ายก็ขับรถหลบหนีไป
ด้านพ.ต.อ.ธวัช เปิดเผยว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทราบแล้วว่าคนร้ายที่ก่อเหตุและเป็นเจ้าของรถเก๋งฟอร์ด เฟียสต้า สีแดง หมายเลขทะเบียนป้ายแดง ษ9119 กรุงเทพมหานครคือนายกนก ปุ่นนิ่ม อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25/237 ซอยรามคำแหง 174 แขวงและเขตมีนบุรี กทม. ทำงานเป็นพนักงานของบริษัทประกันภัย ส่วนผู้ตายเปิดร้านขายแก๊สหุงต้ม หลังเกิดเหตุภรรยาของคนร้ายยังอยู่ในที่เกิดเหตุไม่ได้หลบหนีไป จึงเชิญตัวมาสอบสวน
พ.ต.อ.ธวัช กล่าวอีกว่า เบื้องต้นทราบว่าผู้ตายขับรถปาดหน้าคนร้ายก่อน ซึ่งผู้ตายมีอายุมากแล้ว อาจจะขับรถช้าและไม่ได้เปิดไฟเลี้ยว ทำให้คนร้ายที่เป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่แล้วเกิดความไม่พอใจ ลงมาชกต่อยและทำร้ายผู้ตายจนเสียชีวิต ส่วนที่เกิดเหตุใกล้กับป้อมตำรวจนั้น ป้อมดังกล่าวเป็นป้อมจราจร จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่เฉพาะเวลาเร่งด่วน เพื่อดูแลเรื่องการจราจร อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุผู้ต้องหาได้ติดต่อเข้ามอบตัวแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่จะสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นและส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
วันนี้ (18 ก.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. พ.ต.ท.ชัยยุทธ ปัดถามัง พงส.(สบ3) สน.วังทองหลาง ได้รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกแทงเสียชีวิต บริเวณแยกซอยสหการประมูล หน้าสถานทูตกัมพูชา ถ.ประชาอุทิศ แขวงและเขตวังทองหลาง กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชาแล้วรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ลือชัย สุดยอด รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 (รองผบก.น 4) พ.ต.อ.ธวัช วงศ์สง่า ผกก.วังทองหลาง เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวชรพ.ตำรวจ และเจ้าหน้าที่จากมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุบริเวณกลาง 3 แยก ห่างจากป้อมตำรวจ 1 เมตร พบรถเก๋งโตโยต้า โคโรล่า สีบรอนด์ทอง หมายเลขทะเบียน ฐล 628 กรุงเทพมหานคร จอดนิ่งอยู่ ภายในรถพบศพนายชัยวัฒน์ ลิมปวัชรพงศ์ อายุ 63 ปี สภาพศพนอนตะแคงเสียชีวิตจมกองเลือดที่บริเวณเบาะคนขับ สวมเสื้อโปโลสีเหลือง นุ่งกางเกงผ้าสีดำ มีบาดแผลถูกแทงที่ชายโครงขวา 1 แผล และถูกมีดปาดที่ลำคอและศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์ นอกจากนี้บนพื้นถนนและท้ายรถของผู้ตายยังพบหยดเลือดจำนวนมาก และพบแว่นตาตกอยู่ 1 อัน ปอกมีด 1 อัน เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบถามนายชัชวัสส์ ลิมปวัชรพงศ์ อายุ 31 ปี ให้การว่า ตนเป็นลูกชายของคนตาย ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถไปทำบุญที่วัดพระรามเก้า ขากลับได้แวะส่งพระลูกวัดที่รู้จักกันที่วัดเทพลีลา ระหว่างที่ขับรถมาถึงใต้ทางด่วนพระรามเก้า ได้ขับรถปาดหน้ากับรถเก๋งฟอร์ด ป้ายแดง ของคนร้าย โดยขับปาดกันมาตลอดทาง กระทั่งถึงจุดเกิดเหตุพ่อของตนได้จอดรถและเปิดไฟกระพริบไว้ จากนั้นรถของคนร้ายก็ขับมาจอดที่ด้านหลัง ก่อนจะขับปาดมาด้านหน้า พ่อของตนจึงขับชนท้ายก่อนจะลงจากรถไปชกต่อยกับคนร้าย ระหว่างนั้นตนเห็นคนร้ายใช้มีดกระหน่ำแทงและปาดคอพ่อ ก่อนที่พ่อจะวิ่งกลับมาที่รถและคนร้ายก็ขับรถหลบหนีไป
ด้านพ.ต.อ.ธวัช เปิดเผยว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทราบแล้วว่าคนร้ายที่ก่อเหตุและเป็นเจ้าของรถเก๋งฟอร์ด เฟียสต้า สีแดง หมายเลขทะเบียนป้ายแดง ษ9119 กรุงเทพมหานครคือนายกนก ปุ่นนิ่ม อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25/237 ซอยรามคำแหง 174 แขวงและเขตมีนบุรี กทม. ทำงานเป็นพนักงานของบริษัทประกันภัย ส่วนผู้ตายเปิดร้านขายแก๊สหุงต้ม หลังเกิดเหตุภรรยาของคนร้ายยังอยู่ในที่เกิดเหตุไม่ได้หลบหนีไป จึงเชิญตัวมาสอบสวน
พ.ต.อ.ธวัช กล่าวอีกว่า เบื้องต้นทราบว่าผู้ตายขับรถปาดหน้าคนร้ายก่อน ซึ่งผู้ตายมีอายุมากแล้ว อาจจะขับรถช้าและไม่ได้เปิดไฟเลี้ยว ทำให้คนร้ายที่เป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่แล้วเกิดความไม่พอใจ ลงมาชกต่อยและทำร้ายผู้ตายจนเสียชีวิต ส่วนที่เกิดเหตุใกล้กับป้อมตำรวจนั้น ป้อมดังกล่าวเป็นป้อมจราจร จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่เฉพาะเวลาเร่งด่วน เพื่อดูแลเรื่องการจราจร อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุผู้ต้องหาได้ติดต่อเข้ามอบตัวแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่จะสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นและส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
