“พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์” เข้ารับทราบข้อกล่าวหา “พยายามฆ่า” หมอมุก โดยตำรวจสอบปากคำเพิ่มเติมเล็กน้อย โดยระบุเพราะได้สอบปากคำเกือบครบถ้วนไปหมดแล้ว จากนั้นนำตัวไปพิมพ์ลายนิ้วมือในฐานะผู้ต้องหา
วันนี้ (27 ก.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ สน.พญาไท พ.อ.(พิเศษ) ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น ผอ.กองกลาง สำนักงานปลัดบัญชีทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย พร้อมนายทหารพระธรรมนูญ และทนายความ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.พญาไท เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาพยายามฆ่า จากเหตุการขับรถชน พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา หรือหมอมุก จนได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยมี พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 และพ.ต.อ.สมาน รอดกำเนิด ผกก.สน.พญาไท ร่วมสอบปากคำ
ภายหลังจากการเข้ารับทราบข้อกล่าวหาเสร็จสิ้น ทนายความของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ กล่าวว่า ในวันนี้ได้พา พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์มารับทราบข้อกล่าวหาและให้ปากคำเพิ่มเติมในคดี ซึ่ง พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ก็ยังคงให้การยืนยันตามคำให้การเดิมที่เคยให้ไว้ต่อพนักงานสอบสวนก่อนหน้านี้ ส่วนรายละเอียดต่างๆ ในคดีนั้นคงไม่สามารถเปิดเผยได้ โดยขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้แถลงต่อสื่อมวลชนเอง พร้อมฝากขอให้หมอมุกหายไวๆ เพื่อกลับมารับใช้สังคมต่อไป และถ้าหากมีโอกาสก็จะเดินทางไปเยี่ยมหมอมุกบ้าง โดยขอให้เรื่องนี้เป็นบทเรียนของสังคมต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ พร้อมทนายความได้ขึ้นรถตู้เดินทางกลับไปทันที โดยไม่ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนแต่อย่างใด
ขณะที่ พล.ต.ต.อำนวยกล่าวว่า ในวันนี้เป็นการแจ้งข้อกล่าวหาพยายามฆ่าต่อ พ.อ.(พิเศษ) ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นการแจ้งสิทธิในการสอบปากคำตามปกติ พร้อมทั้งพิมพ์ลายนิ้วมือ ส่วนการสอบปากคำจะสอบเพิ่มเติมเพียงเล็กน้อย เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้สอบไปครบถ้วนหมดแล้ว ขณะนี้หลักฐานทุกอย่างระบุชัดเจนแล้วว่า พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ คือคนที่ขับรถชนหมอมุก ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันไม่ได้เป็นการพุ่งชนอย่างรุนแรง แต่ตนและพนักงานสอบสวนประชุมร่วมกันและพิจารณาเห็นว่าการกระทำดังกล่าวอาจะทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ จึงคิดว่าข้อหานี้เหมาะสมที่สุด
พล.ต.ต.อำนวยกล่าวอีกว่า เบื้องต้น พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ได้ให้การภาคเสธ ยอมรับในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่บอกว่าไม่มีเจตนาที่จะทำให้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ส่วนเรื่องการเยียวยาช่วยเหลือครอบครัวของหมอมุกนั้น ทาง พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ต้องการให้พนักงานสอบสวนเป็นตัวกลางในการประสาน และหากมีเวลาก็จะเดินทางไปเยี่ยมอาการของหมอมุก พร้อมทั้งพูดคุยกับคุณแม่ของหมอมุกด้วย หลังจากนี้ตนจะเดินทางไปสอบปากคำแพทย์เพิ่มเติมเกี่ยวกับอาการของหมอมุก และปรึกษาแพทย์ว่าหมอมุกสามารถให้ปากคำได้หรือไม่ ถ้าหากไม่ได้ก็จะส่งสำนวนให้อัยการศาลทหารพิจารณาก่อน คาดว่าภายในสิ้นเดือนนี้จะแล้วเสร็จตามกำหนด
“ส่วนกระแสที่วิพากษ์วิตารณ์กันว่า พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ใช่คนที่ขับรถชนหมอมุกตัวจริงหรือไม่นั้น ผมแปลกใจว่าทำไมต้องไปทำให้มันเป็นประเด็น ทุกอย่างมันมาตามกระแส ไม่ได้ตั้งอยู่บนข้อเท็จจริง ก่อนหน้านี้มีกระแสว่ารับผิดแทนเสธ.ท่านหนึ่ง ต่อมาก็บอกว่ารับผิดแทนลูกสาว แทนเพื่อนลูกสาว ไม่รู้ว่าสร้างประเด็นกันไปเพื่ออะไร การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องยืนอยู่บนหลักข้อเท็จจริง ถ้าหากไปตามกระแสก็คงเกิดความเสียหายแน่นอน ตอนนี้ทุกอย่างมันชัดเจนแล้ว ทางคุณแม่หมอมุกและทนายความก็ไม่ได้ติดใจอะไร ความเห็นตรงกันทุกฝ่าย พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์จะไม่ใช่คนขับรถตัวจริงได้อย่างไร” พล.ต.ต.อำนวยกล่าว