ศาลอาญาสั่งประหารแก๊งลัก จยย.เหิมเกริม ยิงเจ้าของอพาร์ตเมนต์ที่เข้ามาห้าม บาดเจ็บสาหัส ส่วนลูกชายที่พยายามไล่จับโจรถูกยิงเสียชีวิต คำรับสารภาพสำนึกผิด ศาลปรานีลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต
วันนี้ (21 ก.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ห้องพิจารณา 715 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งลังก์อ่านคำพิพากษาคดีดำ อ.223/2554 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ฟ้องนายเอกลักษณ์ หรือ รุ่งสุริยา หรือ กอล์ฟ เชื้อกลางใหญ่ อายุ 27 ปี ชาวจังหวัดสระแก้ว และนายณรงค์ศักดิ์ หรือ เฟรม สุขศรี อายุ 21 ปี ชาวจังหวัดนครปฐม เป็นจำเลยที่ 1-2 ตามลำดับในความผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, พ.ร.บ.อาวุธปืน
โดยคดีนี้โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 13 ม.ค.54 ระบุความผิดจำเลย สรุปว่า เมื่อวันที่ 6 ต.ค.53 เวลาประมาณ 03.30 น.ขณะที่ นายเชิงชาย ทัพฤทธิ์ อายุ 49 ปี เจ้าของชัชวาลย์อพาร์ตเมนต์ ตั้งอยู่ที่ ถ.รามอินทรา 34 ซ.อยู่เย็น 2 แขวงและเขตลาดพร้าว กทม.กำลังพักผ่อนอยู่ เห็นคนร้าย คือ จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์โตโยต้า ยาริส สีดำ เข้ามาในบริเวณที่จอดรถ โดยมีจำเลยที่ 2 เดินตามเข้ามาก่อนตรงไปลักรถ จยย.ฮอนด้า ทะเบียน 525 กทม.ของ นายอริญชัย เนคมานุรักษ์ ผู้เสียหาย โดยจำเลยที่ 1 ลงไปช่วยเข็นรถ จยย.ด้วย นายเชิงชาย จึงเรียก นายธนรรดร ทัพฤทธิ์ อายุ 23 ปี บุตรชายเพื่อออกไปขัดขวาง จำเลยที่ 1 จึงใช้อาวุธปืนขนาด 11 มม.ยิงใส่ กระสุนถูกที่โคนขานายเชิงชาย ได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วน นายธนรรดร ถูกยิงบริเวณเหนือหน้าอกซ้ายถึงแก่ความตายขณะนำส่ง รพ.แล้วจำเลยทั้งสองขับรถยนต์และรถ จยย.หลบหนีไป ต่อมาวันที่ 20 ต.ค.53 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.โคกคราม ติดตามจับกุมจำเลยทั้งสองได้ พร้อมให้การรับสารภาพโดยตลอด
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานโจทก์แล้ว ฝ่ายโจทก์มี นายเชิงชาย ประจักษ์พยานเบิกความ ยืนยันว่า บริเวณที่เกิดเหตุมีแสงสว่างเพียงพอ สามารถจดจำใบหน้าจำเลยทั้งสองได้อย่างแม่นยำ และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จับกุมจำเลยได้พร้อมรถยนต์ และอาวุธปืนที่ใช้กระทำผิด ทั้งจำเลยทั้งสองก็ให้การรับสารภาพ นำชี้ที่เกิดเหตุ พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อถือไม่มีเหตุปรักปรำใส่ร้ายจำเลย จึงรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง พิพากษาว่า จำเลยทั้งสองกระทำผิดกฎหมายหลายกรรมต่างกันฐานร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธและฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดของตน หรือหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาที่ตนกระทำไว้ให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งสอง คำรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยทั้งสองไว้ตลอดชีวิต ริบอาวุธปืน และให้จำเลยร่วมกันชดใช้ทรัพย์ค่ารถ จยย.จำนวน 40,000 บาท แก่ผู้เสียหายด้วย
วันเดียวกันนี้ ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาให้จำคุก นายสุชาติ หรือ อ้อม มหากอง อายุ 19 ปีเศษ เป็นเวลา 9 ปี 8 เดือน กรณีเมื่อคืนวันที่ 28 ก.พ.53 จำเลยได้ร่วมกับพวกอีก 2 คนที่เป็นเยาวชน ใช้อาวุธปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ปล้นเอารถ จยย.ยามาฮ่า ทะเบียน สกน 543 กทม.ของ น.ส.นิดารัตน์ โยฤทธิ์ ผู้เสียหายจากบริเวณหน้าวิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง ถ.สรงประภา แขวงสีกัน เขตดอนเมือง
