หนุ่มนิรนามมีรอยผ่าตัดที่หน้าท้องยาว 8 นิ้ว สวมเสื้อกีฬาทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กระโดดตึกสูง 12 ชั้น ฆ่าตัวตาย ขณะที่ยามเฝ้ารักษาการณ์ตลอดคืนไม่เห็นมีใครผ่านเข้าออกอาคารที่เกิดเหตุ แต่พอเช้าได้ยินเสียงเหมือนของตกจากตึก เมื่อไปดูก็เจอศพชายคนดังกล่าว
วันนี้ (16 ก.ค.) เมื่อเวลา 06.50 น. ร.ต.อ.ธนบดี กูรมะสุวรรณ พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.โคกคราม รับแจ้งเหตุมีชายกระโดดจากที่สูงลงมาเสียชีวิต บริเวณอาคารสินธานีเพรสซิเด้นท์ ทาวเวอร์เลขที่ 99 ซอยนวมินทร์ 69 ถนนนวมินทร์ แขวงและเขตคันนายาว กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชาและรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.ท.ภูเบศ เส้นขาว รอง ผกก.สส.สน.โคกคราม พ.ต.ต.จุมพล สินศิริพงษ์ สว.สส.สน.โคกคราม เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารสูง 12 ชั้น บริเวณด้านหลังอาคารดังกล่าว พบศพชายไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 25-30 ปี ผิวสีดำแดง สูงประมาณ 175 เซนติเมตร สวมเสื้อกีฬาแขนสั้นสีน้ำเงินแดงของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นุ่งกางเกง 2 ชั้น ข้างในเป็นกางเกงกีฬาขาสั้นสีขาว สวมทับด้วยกางเกงขายาวสีกรมท่า สภาพศพนอนคว่ำหน้าจมกองเลือด กระโหลกศรีษะด้านขวาแตกและยุบ มันสมองกระจายไหลนองเต็มพื้น ไหล่ขวาแตก ขาขวาหักผิดรูป ฝ่ามือขวาฉีกขาด โดยที่บริเวณหน้าท้องของผู้ตายมีตำหนิรอยผ่าตัดยาวประมาณ 8 นิ้ว ตรวจสอบบริเวณชั้นดาดฟ้าของตึกพบรองเท้าแตะหนีบ ยี่ห้อแอดด้าตกอยู่ 1 คู่ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนพนักงานรักษาความปลอดภัยของอาคารดังกล่าวให้การว่า เมื่อเวลาประมาณ 06.30 น. ขณะที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรบางอย่างหล่นลงจากข้างบนตึกที่ด้านหลังอาคาร ซึ่งเมื่อเดินไปตรวจสอบก็พบชายคนดังกล่าวนอนเสียชีวิตอยู่จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งไม่เคยเห็นและไม่คุ้นหน้าชายคนดังกล่าวมาก่อน และระหว่างที่เฝ้าอยู่หน้าทางเข้าอาคารตลอดทั้งคืนก็ไม่ทราบว่าชายคนดังกล่าวผ่านเข้ามาในตึกตั้งแต่เมื่อใดด้วย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าชายคนดังกล่าวอาจจะไม่ได้พักอยู่ที่อาคารแห่งนี้ แต่เจตนามากระโดดตึกเพื่อฆ่าตัวตาย เนื่องจากแพทย์ตรวจสอบลักษณะของท่าเสียชีวิตและเท้าที่หัก พบว่าจงใจทำให้ร่างกายหล่นลงมาจากตัวตึก และจากการตรวจสอบบริเวณดาดฟ้าตึกไม่พบร่องรอยการต่อสู้ อย่างไรก็ตาม จะมอบศพให้มูลนิธินำส่งสถาบันนิติเวช เพื่อผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตายอย่างแท้จริง พร้อมทั้งสืบหาประวัติว่าผู้ตายเป็นใคร เพื่อติดต่อญาติมารับศพไปบำเพ็ญกุศลต่อไป
