ศรส.ลต.ตร.สั่งนครบาลเข้มดูแลปราศรัย 2 พรรคใหญ่ หว่งความปลอดภัยของประชาชนที่มาฟัง แต่ยังไม่พบสัญญาณความรุนแรง เชื่อเรียบร้อยจนถึงวันเลือกตั้ง พร้อมสั่งตำรวจมีพฤติกรรมไม่เป็นกลาง 10 นายออกนอกพื้นที่แล้ว ระบุรู้ตัวคนโทร.ขู่ 13 กำนันอ่างทองเตรียมจับกุมทั้งขบวนการ
วันนี้ (1 ก.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ที่ปรึกษา (สบ 10) ฐานะผู้กำกับการดูแลศูนย์ความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศรส.ลต.ตร.) กล่าวภายหลังการประชุมเพื่อดูแลความเรียบร้อยการเลือกตั้งว่า วันนี้ที่ประชุมได้พูดคุยเรื่องการวางตัวไม่เป็นกลางของ พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว ผบก.จว.สุรินทร์ ซึ่งได้มีคำสั่งมาช่วยราชการ ที่ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว เนื่องจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความสำคัญกับเรื่องการวางตัวไม่เป็นกลางของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยการให้มาช่วยราชการที่ ศรส.ลต.ตร. ก็เพื่อให้อยู่ในสายตา ไม่ให้ไปมีพฤติกรรมลักษณะนี้อีก นอกจากนี้ทางศรส.ลต.ตร.ก็ให้ทางพล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง จเรตำรวจแห่งชาติ ทำการสืบสวนสอบสวนถึงพฤติกรรมดังกล่าวด้วย ซึ่งขณะนี้ทาง พล.ต.ท.เดชาวัตร รามสมภพ ผบช.ภ.3 ได้มีคำสั่งให้ พล.ต.ต.ประสิทธิ์ ทำดี รอง ผบช.ภ.3 ไปรักษาราชการแทน ผบก.จว.สุรินทร์ ซึ่งวันนี้ได้เดินทางไปลงพื้นที่เพื่อปฏิบัติงานแล้ว เชื่อว่าจะสามารถไปทำหน้าที่ดูแลพื้นที่ได้เรียบร้อย
พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวต่อไปว่า ถึงวันนี้ทาง ศรส.ลต.ตร.ได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีพฤติกรรมวางตัวไม่เป็นกลางออกจากพื้นที่ และไปช่วยราชการแล้วจำนวน 9 นาย เป็นระดับ ผกก.1 นาย ใน จ.บึงกาฬ รอง ผกก.2 นาย ใน จ.มหาสารคาม และแม่ฮ่องสอน ระดับ สว.2 นาย ใน จ.ชลบุรี และพิษณุโลก ระดับรอง สว.1 ราย ใน จ.สุโขทัย และระดับ ผบ.หมู่ 3 ราย ใน จ.ยโสธร จ.เชียงใหม่ จ.ราชบุรี ซึ่งทั้งหมดห้ามเข้าพื้นที่จนกว่าจะมีการเลือกตั้งเสร็จ และมีตำรวจอีกส่วนหนึ่งที่ถูกร้องเรียนอยู่ระหว่างการสืบสวน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีพฤติกรรมวางตัวไม่เป็นกลางและถูกสั่งให้ออกจากพื้นที่นั้นส่วนใหญ่ถูกร้องเรียน เนื่องจากมีพฤติกรรมไปช่วยผู้สมัครหาเสียง เชิญชวนให้ญาติหรือหัวคะแนนไปลงคะแนนให้ผู้สมัครคนใดคนหนึ่ง ซึ่งทำไม่ได้แม้จะเป็นญาติก็ตาม
พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวอีกว่า กรณีที่ 13 กำนัน จ.อ่างทอง ร้องเรียนที่ สภ.โพธิ์ทอง ว่าถูกคนสนิทของ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ผู้อำนวยการเลือกตั้ง จ.อ่างทอง และบุรีรัมย์ พรรคเพื่อไทย ข่มขู่หัวคะแนนนั้น ตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้หมายเลขโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาข่มขู่แล้ว 2 หมายเลขและทราบแล้วว่าหมายเลขดังกล่าวเป็นของใคร ซึ่งอยู่ระหว่างการสืบสวนในทางลับ เพื่อให้ได้ตัวคนร้ายทั้งกระบวนการมาดำเนินคดี
“ได้กำชับให้ทางตำรวจนครบาลดูแลการปราศรัยใหญ่ของพรรคประชาธิปัติย์ และพรรคเพื่อไทย เชื่อว่าจะมีคนมาฟังเป็นจำนวนมาก เป็นห่วงเรื่องการดูแลความปลอดภัยของประชาชนที่มาฟังการปราศรัยและผู้ปราศรัยเอง ตำรวจต้องดูแลความปลอดภัยให้เกิดความสงบเรียบร้อย รวมถึงการปราศรัยใหญ่และเวทีในต่างจังหวัดด้วย ถึงตอนนี้ยังไม่มีข่าวหรือสิ่งบ่งชี้ว่าจะเกิดความไม่เรียบร้อยหรือเหตุร้ายใดๆ เกิดขึ้น เชื่อว่าตั้งแต่วันนี้จนไปถึงวันเลือกตั้งสถานการณ์จะสงบเรียบร้อย การเฝ้าระวังต่างๆ ตามเขตพื้นที่ที่แยกตามสีก็ทำอย่างเข้มข้น การเฝ้าระวังมือปืนรับจ้างยังไม่พบความเคลื่อนไหว การดูแลผู้สมัคร ส.ส.ยังดำเนินการต่อไปใครอยากจะขอกำลังตำรวจไปอารักขายังสามารถแจ้งมาได้” พล.ต.อ.พงศพัศกล่าว
ที่ปรึกษา (สบ 10) กล่าวต่อว่า เรื่องการซื้อสิทธิ์ขายเสียงและการทำผิดในลักษณะให้คุณให้โทษกับนักการเมืองคนใดคนหนึ่งหรือพรรคใดพรรคหนึ่งตามมาตรา 53 อนุ 1 (การซื้อสิทธิขายเสียง) และอนุ 5 (การให้คุณให้โทษ) ก็มีการจับกุมได้พร้อมพยานหลักฐานซึ่งจะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ให้ชัดเจน รวดเร็ว เป็นธรรม และส่งให้ กกต.พิจารณา เพื่อให้ใบเหลืองใบแดงกับผู้สมัครส.ส.หรือหากคดีใดมีผู้บริหารพรรคมีส่วนในการทำความผิดก็ถึงขั้นยุบพรรค อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทั่วประเทศสามารถจับกุมได้ 25 คดี แบ่งเป็น บช.ก. 3 คดี ความผิดมาตรา 53 อนุ 5 บช.น.5 คดี ตามมาตรา 53 อนุ 5 ภ.3 7 คดีตามมาตรา 53 อนุ 1 ภ.5 1 คดี ตามมาตรา 53 อนุ 5 ภาค 6 7 คดีตามมาตรา 53 อนุ1 และอนุ 5 ภ.8 1 คดี ตามมาตรา 53 อนุ 1
พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวด้วยว่า ส่วนการโฆษณาหาเสียงนั้นห้ามตั้งแต่เวลา 18.00 น.ของวันที่ 2 ก.ค. จนถึงเที่ยงคืนของวันเลือกตั้ง 3 ก.ค. ซึ่งได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยเฝ้าระวัง และประสานกับทางกระทรวงไอซีที เพื่อดูเรื่องการหาเสียงผ่านทางอินเทอร์เน็ตในเวลาห้าม ให้ทั้งตำรวจส่วนกลางและส่วนภูมิภาคช่วยกันดูแลติดตามเฝ้าระวังการโฆษณาหาเสียง ถ้ามีการโฆษณาใดๆ หรือกระทำการในลักษณะให้คุณให้โทษในเวลาห้ามผิดตามมาตรา 58 จำคุก 6 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ