xs
xsm
sm
md
lg

จับตาสนามเลือกตั้งมหาสารคาม “ภูมิใจไทย”รุกชิง 2 เก้าอี้จาก “เผาไทย”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายลัทธชัย  โชคชัยวัฒนากร ผู้สมัครจากภูมิใจไทย ที่มีอายุน้อยที่สุดของจังหวัดมหาสารคาม
มหาสารคาม-ภูมิใจไทยมีสิทธิลุ้นอย่างน้อย 2 เก้าอี้ เขต 2และเขต 5 ในพื้นที่มหาสารคาม ขณะที่เขต 3แข่งดุต้องวัดดวงระหว่าง “ยุทธพงศ์”แชมป์เก่าจากค่ายเสื้อแดงและ “ลัทธชัย”ค่ายเสี่ยห้อยร้อยยี่สิบ ลูกชายสุชาติ โชคชัยวัฒนากร อดีตรมต.คมนาคม ส่วนผู้สมัครจากประชาธิปัตย์เป็นได้แค่ไม้ประดับ

จ.มหาสารคามมีประชากรผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวน 940,911 คน แบ่งเขตเลือกตั้งออกเป็น 5 เขต โดยการเลือกตั้งในครั้งนี้ มีผู้สมัครลงรับเลือกตั้งจากพรรคใหญ่ ทั้ง 3 พรรค คือ พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาธิปัตย์ แต่ที่ต้องแข่งชิงไหวชิงพริบ ชนิดที่อีกฝ่ายจะนั่งพักไม่ได้เห็นจะหนีไม่พ้น พรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยเช่นเดียวกับจังหวัดอื่นๆของภาคอีสาน การชิงเก้าอี้ระหว่าง 2 พรรคดังกล่าว อีกนัยหนึ่งจะช่วยให้ทราบว่าการเลือกตั้ง 3 ก.ค.นี้ ชาวมหาสารคามจะเลือก “ตัวบุคคล” หรือ “กระแสพรรค”

เขตเลือกตั้งที่ 1 (อ.เมืองมหาสารคาม ยกเว้น ต.ลาดพัฒนา ต.ท่าสองคอน อ.บรบือ เฉพาะ ต.บ่อใหญ่ ต.หนองโก ต.หนองม่วง ต.ยาง และ อ.แกดำ ) การหาเสียงค่อนข้างดุเดือด เพราะเป็นการต่อสู้ระหว่างพรรคใหญ่ล้วนๆ ระหว่าง พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อไทย และภูมิใจไทย

โดยเพื่อไทย ยังคงเป็นนายสุรจิตร ยนต์ตระกูล เจ้าของเก้าอี้เดิมในนามพรรคพลังประชาชน ก่อนลงสนามใหญ่เคยเป็นนายกเล็กเมืองมหาสารคาม นายสุรจิตรถือได้ว่ากว้างขวางทั้งการเมืองท้องถิ่นและแวดวงธุรกิจ เพราะเป็นดีลเลอร์ใหญ่จำหน่ายรถยนต์โตโยต้า

ส่วนภูมิใจไทย ส่งนายอภิราชฐ์ บรรณารักษ์ อดีตรองนายก อบจ.มหาสารคาม และเป็นอดีตผู้สมัครพรรคประชาราช ซึ่งการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้เขาพยายามชูนโยบายของพรรคเป็นจุดขาย และมั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะคู่แข่งได้ หากจะแพ้ก็เพราะกระแสอดีตนายกฯทักษิณเพียงประเด็นเดียว แม้จะเป็นเขตเมืองที่สัดส่วนชนชั้นกลาง คนมีการศึกษามีมากกว่า แต่จำนวนไม่น้อยถือคติที่ว่าถึงชั่วแต่ก็รักหากหักบางส่วนแจกจ่ายถึงมือประชาชน”

ขณะที่ประชาธิปัตย์มีนายเชวงศักดิ์ พลลาภ ฉายาทนายความคนยากเป็นตัวแทน เขาลงเล่นการเมืองทุกสนามทั้งสนามเล็กและสนามใหญ่มานานหลายปี แต่เพิ่งจะประสบความสำเร็จจากการลงรับสมัครเลือกตั้งเป็น ส.อบจ.มหาสารคามเมื่อไม่นานมานี้ ก่อนที่จะลาออกมาลงเลือกตั้งสนามใหญ่ ซึ่งเขาไม่กลัวกับคำว่าผิดหวัง เพราะเตรียมใจไว้ล่วงหน้า แต่อย่างน้อยประชาธิปัตย์ก็มีฐานเสียงที่จับต้องได้ในเขต อ.เมืองพอให้ได้ชื่นใจได้บ้าง

เขตเลือกตั้งที่ 2 ( อ.วาปีปทุม อ.บรบือ ยกเว้น ต.บ่อใหญ่ ต.หนองโก ต.หนองม่วง ต.ยาง)
เพื่อไทยส่งนายไชยวัฒน์ ติณรัตน์ ลงสู้ศึกพื้นที่เดิมคือ อ.วาปีปทุม แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ได้อาศัยฐานเสียงจากเพื่อนรัก คือนายสรรพภัญญู ศิริไปล์ ที่ไปสมัครปาร์ตี้ลิสต์ เชื่อว่าจะสามารถรักษาเก้าอี้ไว้ได้

ขณะที่ภูมิใจไทย นายสุชาติ ศรีสังข์ หรือ “ซัดดัม”อีสาน อดีต ส.ส. เจ้าของพื้นที่เดิม ลงวัดดวงกับคู่แข่งจากเพื่อไทย นายสุชาติค่อนข้างขยันลงพื้นที่เข้าหาชาวบ้านต่อเนื่อง จนชาวบ้านให้ฉายา ส.ส.ติดดิน การเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นการพิสูจน์นายสุชาติว่ายังเป็นที่นิยมของชาวบ้านมากเหมือนเดิมหรือไม่ หากพ่ายให้คู่แข่งจากเพื่อไทย ก็พ่ายเพราะกระแสเสื้อแดงคนรักทักษิณ

เขตเลือกตั้งที่ 3 (อ.พยัคฆภูมิพิสัย อ.ยางสีสุราช อ.นาดูน อ.นาเชือก เฉพาะ ต.หนองโพธิ์ ต.สันป่าตอง ต.หนองกุง ต.หนองเม็ก ต.นาเชือก ) นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ ที่ย้ายไปซบพรรคใหม่อย่างเพื่อไทย ยังมั่นใจว่าจะรักษาเก้าอี้ไว้ได้ แต่คู่แข่งที่ท้าชิงจากภูมิใจไทย นายลัทธชัย โชคชัยวัฒนากร ก็ประมาทไม่ได้

นายลัทธชัยเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของนายสุชาติ โชคชัยวัฒนากร อดีตรัฐมนตรีช่วยกระทรวงคมนาคม เป็นกระดูกชิ้นโตสำหรับนายยุทธพงศ์ เพราะนายสุชาติเป็นเจ้าของพื้นที่เดิม ขณะที่นายลัทธชัย เองก็ช่วยงานมวลชนในพื้นที่กับพ่อมานานแล้ว และด้วยรูปร่างหน้าตาดีเป็นที่ถูกอกถูกใจสาวน้อยสาวใหญ่ นายลัทธชัยถือได้ว่าเป็นผู้สมัครที่มีอายุน้อยที่สุดของจังหวัดมหาสารคาม เขต 3เป็นอีกเขตหนึ่งที่จะวัดความนิยมระหว่างกระแสพรรคกับตัวบุคคลอย่างไหนได้ใจชาวบ้านมากกว่ากัน

เขตเลือกตั้งที่ 4 (อ.นาเชือก อ.กุดรัง อ.โกสุมพิสัย) ประชาธิปัตย์ ส่งนายสุวรรณ ไชยชิณ อดีต ผอ.โรงเรียนบ้านหนองเหล็ก อ.โกสุมพิสัย ลงชิง ฐานเสียงส่วนใหญ่ไม่พ้นกลุ่มครู แต่งานนี้ไม่ง่ายสำหรับผู้สมัครจากพรรคพระแม่ธรณีบีบมวยผม เพราะคู่แข่งล้วนเป็นมวยรุ่นใหญ่ ทั้งจากภูมิใจไทย นายโกศล คาดพันโน อดีต รองนายก อบจ. ฐานเสียงส่วนใหญ่อยู่ในเขตอ.โกสุมพิสัย เจ้าตัวก็มั่นใจว่าจากการลงพื้นที่แทบจะทุกตารางนิ้วจะสามารถเอาชนะผู้สมัครพรรคเพื่อไทยได้

ขณะที่เพื่อไทยส่ง นายจิรวัฒน์ ศิริพานิชย์ อดีตผู้แทนเจ้าถิ่น ลูกชายนายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ นักเลือกตั้งรุ่นลายคราม เป็น ส.ส.มาไม่ต่ำกว่า 8 สมัย อีกทั้งยังเป็นอดีตรัฐมนตรี และรัฐมนตรีช่วยหลายกระทรวงเป็นกองหนุน ซ้ำยังได้กระแสคนเสื้อแดงช่วยเสริมความมั่นคงของฐานคะแนนอีก การแข่งขันในเขตนี้ไม่น่าหนักใจสำหรับค่ายเพื่อไทย

เขตเลือกตั้งที่ 5( อ.เชียงยืน อ.ชื่นชน อ.กันทรวิชัย อ.เมืองมหาสารคาม เฉพาะ ต.ลาดพัฒนา และต.ท่าสองคอน)เขตนี้เป็นอีกเขตที่การหาเสียงเลือกตั้งค่อนข้างรุนแรง เป็นการช่วงชิงคะแนนมวลชนระหว่าง 2 พรรคใหญ่ เพื่อไทยและภูมิใจไทย **ครั้งนี้เพื่อไทยส่ง นางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท อดีต ส.ส.ไทยรักไทยก่อนถูกยุบและได้เร่ร่อนไปพักพิงหลายพรรคการเมือง สุดท้ายมาหยุดที่เพื่อไทย เธอมั่นใจว่าจะคืนสังเวียนได้ดังเดิม โดยพยายามชูนโยบายพรรคและพร่ำพรรณนาว่าหากเลือกเพื่อไทย นายใหญ่ นช.ทักษิณจะได้กลับมาตุภูมิ

แต่การลงสนามครั้งนี้ของนางกุสุมาลวตีไม่เหมือนกับแข่งกินกล้วย ต้องเจอกับคู่ชิงจากภูมิใจไทย อย่างนายยิ่งยศ อุดรพิมพ์ อดีตนายกอบจ.มหาสารคาม ที่ลาออกมาลงสู้ศึกเลือกตั้งในครั้งนี้โดยเฉพาะ โดยฐานเสียงของนายยิ่งยศ คือบรรดา ส.อบจ.ทั้งหลาย รวมถึงภรรยาอย่างนางคมคาย อุดรพิมพ์ อดีตที่ปรึกษารมต.กระทรวงมหาดไทย ตอนแรกนางคมคายกะว่าจะลงสนามเองแต่มีการพลิกโผในโค้งสุดท้ายก่อนเปิดรับสมัคร

ส่วนประชาธิปัตย์แก้เกี้ยวโดยส่งนายกริช กงเพชร อดีต ส.ส.หลายสมัย ซึ่งเคยลงสมัครในนามพรรคเพื่อแผ่นดินในสมัยที่แล้วแต่ก็สอบตก การที่นายกริชห่างหายจากพื้นที่ไปนานไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลังจากเลือกตั้งครั้งนี้แล้วเสร็จเขาจะได้พักผ่อนยาวกับลูกหลานที่บ้าน
นางกุสุมาลวตี  ศิริโกมุท ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย เขต 5
กำลังโหลดความคิดเห็น