ตร.สืบสวนนครบาล ตามรวบ “อั้ม เอกชัย” หนึ่งในทีมสังหารนายก อบจ.ลพบุรี ทำหน้าที่ชี้เป้า-ขับ จยย.ให้กับมือปืน เจ้าตัวสารภาพทีมยิงมี 4 คน ไม่รวม “มีน อัครวัฒน์” คนรับงาน และเป็นชุดเดียวกับที่ยิง “ประชา ประสพดี” ระบุตนเองเคยลงมือยิงกำนันในพื้นที่ จ.ราชบุรี เป็นเหตุให้ตำรวจชุดคุ้มกันบาดเจ็บสาหัส 2 นาย ด้านตำรวจเชื่อค่าจ้างยิงรายนี้กว่า 1 ล้าน เตรียมขยายผลต่อสาวถึงตัวผู้บงการ
วันนี้ (25 มิ.ย.) เมื่อเวลา 16.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น. พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส. บช.น. ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นายเอกชัย หรืออั้ม ป้อมเผด็จ อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาร่วมกันยิงนายสุบรรณ จิระพันธุ์วาณิช นายกอบจ.ลพบุรี เสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตามหมายจับศาลอาญา เลขที่ 1006/54 ลงวันที่ 25 มิ.ย.54 โดยจับกุมที่โรงแรมกิ๊กทาวน์ ย่านบางกรวย จ.นนทบุรี เมื่อช่วงค่ำวันที่ 24 มิ.ย. พร้อมของกลาง ปืนพกสั้นขนาด .38 ซูเปอร์ พร้อมกระสุน 30 นัด เข็มแทงชนวนอาวุธปืน 1 ชุด ซึ่งมือปืนรับจ้างอาชีพจะมีไว้ เงินสด 41,377 บาท โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง รถจยย.ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ซึ่งเป็นรถที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยหลังก่อเหตุได้นำไปเปลี่ยนสีใหม่ รถเก๋งเชฟโรเลต อาวีโอ สีดำ หมายเลขทะเบียน ชศ 3420 กทม. ซึ่งเป็นทะเบียนปลอม
พล.ต.อ.วิเชียรกล่าวว่า สืบเนื่องจากวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 14.45 น.ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนก่อเหตุใช้อาวุธปืนขนาด 11 มม. ยิงนายสุบรรณ ซึ่งเป็นหัวคะแนนของพรรคภูมิใจไทย เสียชีวิต และกระสุนยังถูกนางอรพิน จิระพันธุ์วาณิช ภรรยาและ น.ส.ชนุตพร โพธิสมภาพวงษ์ เลขานุการของนายสุบรรณบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดบริเวณตรอกมะยม หลังสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
พล.ต.อ.วิเชียรกล่าวต่อว่า หลังเกิดเหตุตนได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ ซึ่งรับผิดชอบดูแลพื้นที่ บช.น.ลงไปควบคุมงานสืบสวนสอบสวนด้วยตนเอง จนเวลาผ่านไป 7 วัน ชุดสืบสวนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายจับได้ 3 คน และนำไปสู่การจับกุมคนร้ายรายนี้ได้
พล.ต.อ.ภาณุพงศ์กล่าวว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจนำภาพวงจรปิดมาตรวจสอบ พร้อมพยานหลักฐานอื่นๆ จนสามารถขออนุมัติศาลออกหมายจับคนร้ายได้ 3 ราย ซึ่งตำรวจทราบชื่อเพียงคนเดียวคือ นายวันชัย หรือกอล์ฟ โพธิปิติ ส่วนอีก 2ราย ออกหมายจับตามภาพวงจรปิดและทราบชื่อภายหลัง คือ นายสิระพงศ์ หรือต๋อง อาจเดช และนายตระกูล หรือกุ้ง ทองทิพย์ โดย นายสิระพงศ์ เป็นมือปืนที่ก่อเหตุยิงนายสุบรรณ นายตระกูลและนายวันชัยทำหน้าที่ชี้เป้า ส่วนนายเอกชัย ซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่จับกุมได้ในวันนี้ นอกจากทำหน้าที่ชี้เป้าแล้ว ยังเป็นคนขี่จักรยานยนต์ให้กับมือปืนอีกด้วย
พล.ต.อ.ภาณุพงศ์กล่าวต่อว่า นายเอกชัยก็ยังรับสารภาพด้วยว่า ทีมที่ก่อเหตุนี้มีด้วยกัน 4 คน ประกอบด้วย นายสิระพงศ์ นายตระกูล และนายวันชัย โดยนายเอกชัยเป็นคนขี่รถจักรยานยนต์ ให้นายสิระพงศ์ ซึ่งเป็นมือปืน นอกจากนี้ยังมีตัวละคร เพิ่มอีก 1คน คือ นายอัครวัฒน์ หรือมีน เพชรจันทรา ซึ่งเป็นผู้รับงานมาอีกทอดหนึ่ง โดยก่อนเกิดเหตุ นายเอกชัยได้รับเงินค่าจ้างล่วงหน้ามาแล้ว 2 หมื่นบาท หลังก่อเหตุนายอัครวัฒน์ ก็ได้นัดให้ทั้ง 4 คนไปรับเงินส่วนที่เหลือที่โรงแรมมิโดย่านสะพานควาย ซึ่งนายเอกชัยได้รับเงินส่วนที่เหลือ 2 แสนบาท ส่วนคนอื่นไม่ทราบ จึงเชื่อว่าการจ้างวานฆ่านายสุบรรณมีจำนวนมากกว่า 1 ล้านบาท หลังจากนี้ ชุดสืบสวนจะติดตามตัวนายอัครวัฒน์หรือนายมีนให้ได้ เพื่อจะได้ขยายผลถึงตัวผู้จ้างวานที่แท้จริงต่อไป
พล.ต.อ.ภาณุพงศ์กล่าวด้วยว่า สำหรับนายอัครวัฒน์ เป็นผู้รับงานมาถึง 2 คดี คือคดียิงคดียิงนายสุบรรณ และคดียิงนายประชา ประสพดี ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขต 7 จ.สมุทรปราการ โดยนายอัครวัฒน์ เป็นผู้วางแผนทั้งหมด สำหรับคดียิงนายประชา นายเอกชัยให้ว่าตนเองนั่งอยู่ในรถด้วย มีหน้าที่ดูลาดเลา ขณะที่นายสิระพงศ์ เป็นคนขับรถ โดยมีนายอัครวัฒน์ นั่งอยู่ทางซ้ายมือ แต่ไม่ทราบว่าใครเป็นคนยิง
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดคนร้ายไม่ลงมือยิงนายสุบรรณที่ จ.ลพบุรี พล.ต.อ.ภาณุพงศ์กล่าวว่า เหตุที่คนร้ายไม่ยิงนายสุบรรณที่ จ.ลพบุรีนั้น เพราะนายสุบรรณรู้ว่าถูกปองร้าย จึงขอกำลังตำรวจมาคุ้มกันมาโดยตลอด แต่ขณะที่เดินทางเข้ากรุงเทพฯ ไม่ได้นำตำรวจคุ้มกันมาด้วย ทำให้คนร้ายรู้ช่องว่าง จึงดักรอและก่อเหตุดังกล่าวขึ้น
ด้าน นายเอกชัยให้การรับสารภาพว่า ตนเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์ทั้ง 2 คดี โดยก่อนหน้านี้รับงานคุ้มครองตู้ม้าใน จ.สมุทรปราการและนนทบุรี และเข้าสู่วงการมือปืนจากการชักนำของนายอัควัฒน์ ที่ผ่านมาเคยรับงานยิงกำนันคนหนึ่งในอ.โพธาราม จ.ราชบุรี ได้ค่าจ้าง 15,000 บาท แต่ครั้งนั้น มีเจ้าหน้าที่ตำรวจคุ้มกันอยู่ด้วย เป็นเหตุให้ตำรวจรับบาดเจ็บสาหัส 2 นาย ส่วนคดียิงนายสุบรรณ รับงานจากนายอัครวัฒน์ เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. โดยที่พวกตนไม่เคนเห็นหน้านายสุบรรณมาก่อน นายอัครวัฒน์บอกเพียงว่า ให้ยิงคนที่หน้าเหมือน “ไวพจน์” ก่อนที่พวกตนจะนัดรวมทีมยิงกันที่ห้างพาต้า ปิ่นเกล้า และซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ไว้ติดต่อกัน จนวันที่ 14 มิ.ย. ตนและนายสิระพงศ์เดินทางไปดูพื้นที่ภายในตรอกมะยม และไม่พบนายสุบรรณมาที่เกิดเหตุ ต่อมาวันที่ 15 มิ.ย. นายอัครวัฒน์บอกว่าไม่ต้องไป ให้ไปวันที่ 16 มิ.ย. ซึ่งก็เจอเป้าหมายและนายสิระพงศ์จึงได้ก่อเหตุยิงนายสุบรรณจนเสียชีวิต ก่อนแยกย้ายกันหลบหนี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.วิเชียรได้มอบเงินรางวัลนำจับจำนวน 1 แสนบาท ให้กับชุดจับกุม และมอบเงินเพิ่มเติมให้อีก 1 แสนบาท เนื่องจากเห็นว่าเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ใช้ความวิริยะอุตสาหะจนสามารถจับกุมคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ พล.ต.อ.วิเชียรยังตั้งรางวัลนำจับนาย สิระพงศ์ ซึ่งเป็นมือปืน 3 แสนบาท ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือรายละ 1 แสนบาท