ตำรวจมีนบุรี ตั้งด่านตรวจกลางดึก พบ 3 คนร้ายขับ-นั่งแท็กซี่นำยาบ้า 18,200 เม็ด ยาไอซ์อีก 27 กรัม จะไปส่งให้ลูกค้า แต่ยังขยายผลไม่ได้ เนื่องจากผู้ต้องหาอ้าง มีคนสั่งการให้นำยาไปทิ้งตามจุดต่างๆ เท่านั้น
วันนี้ (23 มิ.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น.ที่ สน.มีนบุรี พล.ต.ต.ศานิตย์ มหถาวร ผบก.น.3 พ.ต.อ.สุศักดิ์ ปรักกมะกุล รองผบก.น.3 พ.ต.อ.สำเริง สวนทอง ผกก.สน.มีนบุรี พ.ต.ท.เจษฎา สวยสม รองผกก.ป. พ.ต.ท.วีรพันธ์ สารธรรม สวป. แถลงการจับกุม นายมงคล หรือ เดี่ยว ล้วนกลาง อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 207/48 หมู่5 แขวงและเขตลาดกระบัง กทม. นายเอกราช หรือ มีน รังสรรค์ อายุ 27 ปี บ้านเลขที่ 41/12 หมู่ 7 แขวงลำต้อยติ่ง เขตหนองจอก กทม. และ นายวิรัตน์ หรือ รัตน์ ขุนศรีพิรุณ อายุ 36 ปี บ้านเลขที่ 5 หมู่ 7 ต.นนทรี อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 18,200 เม็ด บรรจุอยู่ในกระเป๋าผ้าขนาดเล็กสีน้ำเงิน ยาไอซ์บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใส จำนวน 27 ถุง น้ำหนักรวม 27 กรัม เครื่องชั่งยา 1 อัน มีดพับ 1 เล่ม และรถแท็กซี่ โตโยต้า รุ่นอัลติส สีชมพู ทะเบียน ทล 1030 กรุงเทพฯ ของสหกรณ์แท็กซี่ไทย 1 คัน
พล.ต.ต.ศานิตย์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ตำรวจ สน.มีนบุรี ตั้งด่านตรวจค้นเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมที่หน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ถนนรามคำแหง แล้วพบรถแท็กซี่คันดังกล่าว มี นายวิรัตน์ เป็นคนขับผ่านมาแล้วมีพิรุธ จึงขอตรวจค้น ก็พบนายเอกราช นั่งอยู่ข้างคนขับที่ตักมีกระเป๋าผ้าสีน้ำเงินวางอยู่ ภายในมียาบ้าจำนวนมาก ส่วนนายมงคล นั่งเบาะหลัง ที่มือกำยาไอซ์และอุปกรณ์เสพยาเอาไว้ จึงควบคุมตัวทั้งหมดมาสอบสวน
พล.ต.ต.ศานิตย์ กล่าวต่อว่า จากสอบสวนเบื้องต้น นายมงคล ให้การรับสารภาพว่า ยาทั้งหมดเป็นของนายเอส ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง ซึ่งเพื่อนเป็นคนแนะนำให้รู้จัก โดยตนเป็นคนทำหน้าที่คอยส่งยาให้กับนายเอส ซึ่งก่อนถูกจับนายเอส ได้โทรศัพท์ให้ไปรับยาจากป่าหญ้าข้างปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง บริเวณเลียบทางด่วนรามอินทราฝั่งขาเข้า แล้วให้ไปส่งให้ลูกค้าที่ อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ได้ค่าจ้างเที่ยวละ 3 หมื่นบาท ทำมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกก็ไปส่งที่ อ.พนัสนิคม เช่นเดียวกัน โดย นายเอส จะคอยส่งลูกน้องขับรถตามดู และโทรศัพท์มาบอกตลอดเวลา ว่า ให้เอายาไปโยนทิ้งไว้ตรงไหน กระทั่งมาถูกจับในที่สุด ด้าน นายเอกราช ให้การภาคเสธว่า ไม่รู้เห็นกับนายมงคลด้วย เพียงแต่ นายมงคล ซึ่งเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมานานโทรศัพท์ให้มาหาที่บ้านพักย่านเสรีไทย แล้วให้นั่งรถแท็กซี่ออกมาเป็นเพื่อน โดยไม่บอกว่าจะไปไหน และไม่รู้ว่าในกระเป๋าดังกล่าวเป็นยาเสพติด จนมาถูกตำรวจจับถึงรู้ว่านายมงคลกำลังจะไปส่งยาเสพติด ขณะที่ นายวิรัตน์ ให้การปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ นายเอกราชและ นายมงคล แต่ยอมรับว่า เคยรู้จักกันมาก่อน โดยก่อนเกิดเหตุนายมงคลโทรศัพท์ให้ขับรถไปรับที่บ้านแล้วว่าจ้างให้ไปส่งที่หนองจอก และไม่รู้ว่าจะไปส่งยาเสพติด แต่ยอมรับว่า ตนเองได้เสพยาบ้าก่อนจะออกมาขับรถเท่านั้น พอเห็นด่านตรวจก็เลยตกใจ จึงออกพิรุธให้เห็น แต่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อทั้งหมด ซึ่งจะได้สอบสวนและขยายผลต่อไป
เบื้องต้นจึงเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหานายมงคล และ นายเอกราช ร่วมกันครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้าและยาไอซ์) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ส่วน นายวิรัตน์ แจ้งข้อหา ขับรถในขณะเมาสุรา หรือของเมาอย่างอื่นก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป