สืบนครบาลตามรวบหนุ่มชาวมะกัน ก่อเหตุฆ่าชิงทรัพย์หนุ่มใหญ่ชาวอินเดียเสียชีวิตในโรงแรมย่านสุขุมวิท สารภาพรู้จักกับผู้ตายผ่านเว็บไซต์แห่งหนึ่ง ก่อนนัดมาพบที่โรงแรมเพื่อมีเพศสัมพันธ์แต่ตกลงกันไม่ได้ จนเกิดมีปากเสียงและใช้อาวุธมีดแทงจนเสียชีวิต ก่อนหลบหนีและถูก ตร.ตามจับได้
วันนี้ (11 พ.ค.) เมื่อเวลา 11.45 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.สมชาย พัชรอินโต ผบก.น.5 พ.ต.อ.อิทธิพล อัจริยะประดิษฐ์ รอง ผบก.น.5 พ.ต.อ.นันทชาติ ศุภมงคล รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.มานพ น่วมลิวงศ์ ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายจัสติน จาเร็ต อีนอส อายุ 39 ปี ชาวอเมริกัน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ 264/54 ลงวันที่ 11 พ.ค.54 ในข้อหาฆ่าผู้อื่น
พล.ต.ต.อำนวยเปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 16.30 น.ของวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้มีคนร้ายใช้อาวุธมีดแทงคอนายแจมเชด ชอร์ อายุ 44 ปี ชาวอินเดีย สัญชาติฝรั่งเศส และเป็นเอ็นจีโอของฝรั่งเศสที่เดินทางมาประชุมในประเทศไทย จนเสียชีวิตอยู่ภายในห้องพักเลขที่ 3112 ชั้นที่ 31 โรงแรมรอยัลเบญจา ซอยสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา ก่อนจะลักเอาทรัพย์สินของผู้ตายออกไปด้วย ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุก็พบหยดเลือดและรอยเท้าของผู้ต้องสงสัยจำนวนมาก จึงให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานตรวจเก็บลายละเอียดทั้งหมดที่พบไว้ประกอบการสืบสวน
พล.ต.ต.อำนวยกล่าวต่อว่า ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ ก็พบว่ามีชายชาวต่างชาติต้องสงสัยรายหนึ่งเดินเข้าออกห้องของผู้ตายในช่วงเวลาเกิดเหตุ จึงทำการสืบสวนเรื่อยมาจนกระทั่งวานนี้ (10 พ.ค.) พบว่ารอยฝ่าเท้าและดีเอ็นเอคราบเลือดของผู้ต้องสงสัยที่พบในห้องพักที่เกิดเหตุนั้นไปตรงกับนายจัสติน จาเร็ต ที่พักอยู่ย่านถนนข้าวสาร จึงเชิญตัวมาสอบปากคำ โดยมีเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐอเมริการ่วมรับฟังด้วย
พล.ต.ต.อำนวยกล่าวอีกว่า จากการสอบสวนนายจัสตินให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุได้รู้จักกับผู้ตายผ่านทางเว็บไซต์ www.craiglist.com จากนั้นผู้ตายก็ได้นัดให้มาพบที่ห้องพักในโรงแรมที่เกิดเหตุเพื่อมีเพศสัมพันธ์กัน แต่ทั้งคู่เกิดตกลงกันไม่ได้จึงเกิดมีปากเสียงกันขึ้น โดยนายจัสตินอ้างว่าถูกผู้ตายใช้มีดพับฟันแขนซ้ายของตัวเองจนเป็นแผลก่อน ด้วยความโมโหจึงผลักผู้ตานจนล้มลงก่อนจะแย่งมีดมาได้ แต่ผู้ตายก็ยังพยายามจะเข้ามาทำร้ายร่างกายอีก จึงใช้อาวุธมีดแทงคอผู้ตายจนเสียชีวิต
นายจัสตินให้การต่อว่า หลังเกิดเหตุก็ได้ตัดเสื้อผู้ตายมาพันแผลเอาไว้ และเข้าไปล้างคราาบเลือดในห้องน้ำ แต่เนื่องจากกางเกงของตัวเองเปื้อนเลือดจำนวนมากจึงทิ้งไว้ที่ห้องเกิดเหตุ ก่อนจะหยิบกางเกงของผู้ตายใส่แทน ซึ่งภายในมีกระเป๋าสตางค์พร้อมเงินสดจำนวน 100 ยูโร และ 600 บาทไทยอยู่ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือแบล็กเบอร์รี นาฬิกา และมีดพับของผู้ตายหลบหนีออกจากห้องไปด้วย และไปทำแผลที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ โดยใช้ชื่อปลอม พร้อมทั้งทิ้งกระเป๋าสตางค์ หมวก นาฬิกา และมีดพับของผู้ตายไว้ในถังขยะติดเชื้อของโรงพยาบาล จากนั้นก็กลับที่พักย่านข้าวสารทันทีโดยไม่ได้หลบหนีไปไหน จนกระทั่งถูกตำรวจมาเชิญตัวดังกล่าว ส่วนเงินสดที่ได้มานั้นได้นำไปใช้หมดแล้ว
ด้าน พล.ต.ต.รณศิลป์กล่าวว่า จากการตรวจสอบประวัติของนายจัสตินนั้นพบว่า เจ้าตัวเคยต้องคดีลักทรัพย์ที่สหรัฐอเมริกา แล้วหลบหนีเข้ามาอยู่ในประเทศไทยที่ย่านข้าวสารและสุขุมวิท ตั้งแต่ปี 52 เป็นต้นมา จนกระทั่งพาสปอร์ตหมดอายุแต่ก็ยังไม่ยอมเดินทางกลับประเทศ โดยทำงานเป็นคนติดต่อชักชวนให้ชาวต่างชาติเข้าไปใช้บริการร้านอาหารหรือบาร์ในย่านข้าวสาร จนกระทั่งได้มาพบกับผู้ตายและก่อเหตุดังกล่าว ซึ่งหลังจากนี้จะส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป