รวบยกแก๊งพม่ากักขังหน่วงเหนี่ยวเพื่อนร่วมชาติ ขู่ฆ่านำขายซ่องแลกเงินค่าไถ่ตัว 1.5 หมื่นบาท โดยแม่เหยื่อโอนผ่านแบงก์ให้แล้ว แต่ยังไม่ยอมปล่อยตัวลูกสาวกับลูกเขย แต่ขู่ขอเงินเพิ่ม เลยแจ้งความให้ตำรวจช่วยอีกแรง ขณะที่เจ้าหน้าที่วางแผนล่อจ่ายเงินอีก 1.5 หมื่นบาท เพื่อแลกกับเหยื่อ แต่พอถึงเวลานัดเจอเหยื่อเพียง 1 คน สุดท้ายตามรวบตัวได้ทั้งหมด แถมเจอแรงงานพม่าอีก 52 ราย ถูกกักตัวในบ้านพักด้วย
วันนี้ (15 มิ.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น.พ.ต.อ.วรพงษ์ ทองไพบูลย์ ผกก.2 บก.คม. พ.ต.ท.ชูศักดิ์ เคทอง รองผกก.2 บก.ปคม.แถลงการจับกุม นายอาว เลอะ อายุ 30 ปี นายโซอ่อง ทุย อายุ 25 ปี สัญชาติพม่า นายสมประสงค์ ทองประสพ อายุ 39 ปี นายคมกฤษ สารวงศ์ อายุ 23 ปี นางจำลอง ทองประสพ อายุ 54 ปี และ นายธนาวัติ เตชะลือ อายุ 23 ปี พร้อมของกลาง เงินสด 531,669 บาท สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร รถกระบะ 2 คัน โทรศัพท์มือถือ และเอกสารต่างๆ อีกเป็นจำนวนมาก
โดยจับกุม นายอาว และ นายโซอ่อง ได้ที่ท่าเรือขึ้นปลา ซอยวัดมอญ ต.คลองด่าน อ.คลองด่าน จ.สมุทรปราการ ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 65/1 และบ้านไม่มีเลขที่ หมู่ 1 ต.บ้านสระ อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังสามารถช่วยเหลือแรงงานต่างด้าวชาวพม่าได้รวม 52 ราย ซึ่งในจำนวนดังกล่าวมีเยาวชนอายุระหว่าง 17-18 ปี รวม 13 คน เป็นชาย 7 คนและหญิง 6 คน โดยทั้งหมดถูกกักตัวไว้ในบ้านเลขที่ 65/1 และบ้านไม่มีเลขที่ หมู่ 1 ต.บ้านสระ อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี
พ.ต.อ.วรพงษ์ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้เนื่องจากมูลนิธิร่วมมิตรไทย-พม่า ได้พา นางมะเทเท อายุ 41 ปี สัญชาติพม่า เข้าร้องทุกข์ขอให้ บก.ปคม.ช่วยติดตามตัว นางเซนโมโม อายุ 21 ปี และนายโกแซะ อายุ 24 ปี สัญชาติพม่า บุตรสาวและบุตรเขย ซึ่งหลบหนีเข้าประเทศไทย โดยมีนายโซอ่อง เป็นนายหน้า ต่อมานายโซอ่อง ได้โทรศัพท์หา นางมะเทเท ว่า ให้หาเงินจำนวน 36,000 บาท มาแลกค่าไถ่ ไม่เช่นนั้นจะฆ่านายโกแซะ ส่วนนางเซนโมโม จะพาไปขายซ่อง แต่นางมะเทเท ต่อรองขอลดจำนวนเงินเหลือ 15,000 บาท และโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารไปให้ แต่นายโซอ่อง กลับยังไม่ยอมปล่อยตัวบุตร นอกจากนี้ ยังข่มขู่ว่าจะให้หาเงินมาให้เพิ่มอีก นางมะเทเท จึงร้องทุกข์กับมูลนิธิ ก่อนพากันแจ้งความที่ บก.ปคม.
ต่อมาชุดสืบสวน กก.2 บก.ปคม.ได้วางแผนช่วยเหลือ โดยนัดหมายผู้ต้องหาให้มารับเงินค่าไถ่อีกเป็นจำนวน 15,000 บาท โดยเจ้าหน้าที่ได้สำเนาไว้เป็นหลักฐานแล้ว ที่บริเวณท่าเรือขึ้นปลา ซอยวัดมอญ ต.คลองด่าน อ.คลองด่าน จ.สมุทรปราการ ก่อนจะแสดงตัวเข้าจับกุม แต่เจ้าหน้าที่พบตัวเพียง นายโกแซะ ส่วน นางเซนโมโม ถูกส่งไปกักตัวไว้ที่ จ.สุพรรณบุรี เจ้าหน้าที่จึงเร่งสืบสวนขยายผล กระทั่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือทั้งหมด และช่วยเหลือนางเซนโมโม ออกมาได้อย่างปลอดภัย อย่างไรก็ดี จากการนำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพัก 2 จุด เจ้าหน้าที่ยังพบแรงงานต่างด้าวชาวพม่าจำนวนมาก จึงช่วยเหลือทั้งหมดไว้
เบื้องต้นได้ดำเนินคดีกับ นายอาว และ นายโซอ่อง ในข้อหาร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สิน ส่วนนายสมประสงค์ และนายคมกฤษ แจ้งข้อหาร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นด้วยประการใดๆ เพื่อให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย กรรโชกทรัพย์ และให้ที่พักพิงบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
ขณะที่ นางจำลอง และ นายธนาวัติ ดำเนินคดีข้อหาร่วมกันให้ที่พักพิงบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย นำส่งพนักงานสอบสวน บก.ปคม.รับไว้ดำเนินคดีต่อไป
วันนี้ (15 มิ.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น.พ.ต.อ.วรพงษ์ ทองไพบูลย์ ผกก.2 บก.คม. พ.ต.ท.ชูศักดิ์ เคทอง รองผกก.2 บก.ปคม.แถลงการจับกุม นายอาว เลอะ อายุ 30 ปี นายโซอ่อง ทุย อายุ 25 ปี สัญชาติพม่า นายสมประสงค์ ทองประสพ อายุ 39 ปี นายคมกฤษ สารวงศ์ อายุ 23 ปี นางจำลอง ทองประสพ อายุ 54 ปี และ นายธนาวัติ เตชะลือ อายุ 23 ปี พร้อมของกลาง เงินสด 531,669 บาท สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร รถกระบะ 2 คัน โทรศัพท์มือถือ และเอกสารต่างๆ อีกเป็นจำนวนมาก
โดยจับกุม นายอาว และ นายโซอ่อง ได้ที่ท่าเรือขึ้นปลา ซอยวัดมอญ ต.คลองด่าน อ.คลองด่าน จ.สมุทรปราการ ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 65/1 และบ้านไม่มีเลขที่ หมู่ 1 ต.บ้านสระ อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังสามารถช่วยเหลือแรงงานต่างด้าวชาวพม่าได้รวม 52 ราย ซึ่งในจำนวนดังกล่าวมีเยาวชนอายุระหว่าง 17-18 ปี รวม 13 คน เป็นชาย 7 คนและหญิง 6 คน โดยทั้งหมดถูกกักตัวไว้ในบ้านเลขที่ 65/1 และบ้านไม่มีเลขที่ หมู่ 1 ต.บ้านสระ อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี
พ.ต.อ.วรพงษ์ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้เนื่องจากมูลนิธิร่วมมิตรไทย-พม่า ได้พา นางมะเทเท อายุ 41 ปี สัญชาติพม่า เข้าร้องทุกข์ขอให้ บก.ปคม.ช่วยติดตามตัว นางเซนโมโม อายุ 21 ปี และนายโกแซะ อายุ 24 ปี สัญชาติพม่า บุตรสาวและบุตรเขย ซึ่งหลบหนีเข้าประเทศไทย โดยมีนายโซอ่อง เป็นนายหน้า ต่อมานายโซอ่อง ได้โทรศัพท์หา นางมะเทเท ว่า ให้หาเงินจำนวน 36,000 บาท มาแลกค่าไถ่ ไม่เช่นนั้นจะฆ่านายโกแซะ ส่วนนางเซนโมโม จะพาไปขายซ่อง แต่นางมะเทเท ต่อรองขอลดจำนวนเงินเหลือ 15,000 บาท และโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารไปให้ แต่นายโซอ่อง กลับยังไม่ยอมปล่อยตัวบุตร นอกจากนี้ ยังข่มขู่ว่าจะให้หาเงินมาให้เพิ่มอีก นางมะเทเท จึงร้องทุกข์กับมูลนิธิ ก่อนพากันแจ้งความที่ บก.ปคม.
ต่อมาชุดสืบสวน กก.2 บก.ปคม.ได้วางแผนช่วยเหลือ โดยนัดหมายผู้ต้องหาให้มารับเงินค่าไถ่อีกเป็นจำนวน 15,000 บาท โดยเจ้าหน้าที่ได้สำเนาไว้เป็นหลักฐานแล้ว ที่บริเวณท่าเรือขึ้นปลา ซอยวัดมอญ ต.คลองด่าน อ.คลองด่าน จ.สมุทรปราการ ก่อนจะแสดงตัวเข้าจับกุม แต่เจ้าหน้าที่พบตัวเพียง นายโกแซะ ส่วน นางเซนโมโม ถูกส่งไปกักตัวไว้ที่ จ.สุพรรณบุรี เจ้าหน้าที่จึงเร่งสืบสวนขยายผล กระทั่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือทั้งหมด และช่วยเหลือนางเซนโมโม ออกมาได้อย่างปลอดภัย อย่างไรก็ดี จากการนำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพัก 2 จุด เจ้าหน้าที่ยังพบแรงงานต่างด้าวชาวพม่าจำนวนมาก จึงช่วยเหลือทั้งหมดไว้
เบื้องต้นได้ดำเนินคดีกับ นายอาว และ นายโซอ่อง ในข้อหาร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สิน ส่วนนายสมประสงค์ และนายคมกฤษ แจ้งข้อหาร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นด้วยประการใดๆ เพื่อให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย กรรโชกทรัพย์ และให้ที่พักพิงบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
ขณะที่ นางจำลอง และ นายธนาวัติ ดำเนินคดีข้อหาร่วมกันให้ที่พักพิงบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย นำส่งพนักงานสอบสวน บก.ปคม.รับไว้ดำเนินคดีต่อไป
