xs
xsm
sm
md
lg

ตร.กาญจน์จับยกแก๊งอุ้มน้องเสี่ยเต็นท์รถเรียกค่าไถ่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กาญจนบุรี - ตำรวจกาญจนบุรีจับยกแก๊งอุ้มน้อง “เสี่ยเต็นท์รถ” ไปเรียกค่าไถ่ ผู้ต้องหาสารภาพเห็นผู้เสียหายร่ำรวย มีเงินมาก จึงวางแผนอุ้มมาจากกรุงเทพฯ และนำตัวมากักขังไว้ที่กาญจนบุรี

รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเวลา 17.30 น.วันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สน.แสมดำ บช.น.ได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.โชต วีรเดชกำแห ผบก.ภ.จ.กาญจนบุรี เพื่อขอประสานงานขยายผลการสืบสวนติดตามคนร้ายในคดีอุ้มเรียกค่าไถ่ที่สืบสวนทราบว่าน่าจะนำตัวผู้เสียหายมากักขังและกบดานซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี

หลังจากนั้น พล.ต.ต.โชติ และ พ.ต.อ.ภัทรชัย กอสนาน ผกก.กสส.ภ.จ.กาญจนบุรี ได้เดินทางมายัง สภ.เมืองกาญจนบุรี ร่วมประชุมกับ พ.ต.อ.สมเดช ฐิตวัฒนะสกุล ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.ท.กิตติพงษ์ บุญรอด รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.บัญชา ศรีรุจิเมธากร สว.สส.และ ร.ต.ต.พัฒนา ภมรพล รอง สว.กสส.ภ.จ.กาญจนบุรี เพื่อวางแผนสืบสวนเพื่อติดตามคนร้ายแก๊งนี้

โดยข้อมูลเบื้องต้นทราบว่า ผู้เสียหาย คือ นายสุเนตร ศรีไตรรัตน์ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14/192 หมู่ 10 แขวงบางมด เขตจอมทอง กทม.เป็นน้องชายเจ้าของเต๊นท์รถชื่อ "รถบ้าน" ใน กทม.โดยคนร้ายได้ติดต่อให้ญาติ นายสุเนตร โอนเงินมาให้ ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา

เบื้องต้นคาดว่า อาจถูกอุ้มเรียกค่าไถ่ หรือลอกหลวงไปในทางที่ไม่เป็นผลดีแก่ตัว นายสุเนตร โดยก่อนเกิดเหตุช่วงเวลา 3 ทุ่ม ของคืนวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายสุเนตร ขี่รถยนต์เก๋งของตัวเองออกไปจากเต็นท์ก่อนหายตัวไป และโทรศัพท์มาบอกญาติ ว่า ให้โอนเงินมาให้จำนวน 5 แสนบาท ทำให้ญาติสงสัยว่าทำไมต้องการเงินมากขนาดนั้น จึงตัดสินใจประสาน สน.แสมดำ ให้ตรวจสอบพบว่ามีการกดเงินหลายครั้ง คาดว่าจะถูกลอกหลวงไปในทางที่ประสงค์ต่อชีวิตและทรัพย์สิน และพบว่ามีการกดเงินในเขต จ.กาญจนบุรี อีกด้วย

หลังจากประชุมเสร็จสิ้น พล.ต.ต.โชติ ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.สมเดช , พ.ต.ท.บัญชา และ ร.ต.ต.พัฒนา นำกำลังชุดสืบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี กระจายกำลังกันออกหาข่าว โดยติดตามสืบสวนหารถเก๋งโตโยต้า วีออส สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ชช 6787 กทม. ซึ่งเป็นรถของ นายสุเนตร เหยื่ออุ้มรีดค่าไถ่ โดย พ.ต.ท.บัญชา และ ร.ต.ต.พัฒนา ได้กระจายกำลังกันลงพื้นที่ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี โดยเน้นหาข่าวตามที่พัก โรงแรมและรีสอร์ทต่าง ๆ ที่คาดว่าคนร้ายจะนำตัว นายสุเนตร ไปกักตัวไว้

จนกระทั่งเวลา 21.20 น.ชุดของ พ.ต.ท.บัญชา ได้รับรายงานจากชุสืบสวนที่ลงหาข่าวในพื้นที่ว่ามีกลุ่มชายหญิงราว 5-6 คน มาเปิดห้องพักเลขที่ 125 โรงแรมบายพาส หมู่ 5 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี พบข้อมูลว่าผู้เข้าพักมีลักษณะต้องสงสัยว่าจะเป็นกลุ่มคนร้าย ดังนั้น พ.ต.อ.สมเดชจึงนำกำลังเข้าไปปิดล้อม ก่อนตัดสินใจเข้าชาร์ทช่วยเหลือ พบว่าภายในห้องพักดังกล่าวมีชายหญิง 4 คน ประกอบด้วย นายสุเนตร เหยื่ออุ้มรีดค่าไถ่ สภาพถูกรัดด้วยกุญแจมือแบบตำรวจไขว้หลัง ตามตัวมีแผล และคนร้ายอีก 3 คน คือ นายหนึ่ง (นามสมมติ) อายุ 17 ปี นาย สอง (นามสมมติ) อายุ 19 ปี และ นางสาวสาม (นามสมมติ) อายุ 17 ปี พร้อมของกลางอาวุธเทียม ปืน BB หน้าไม้ เครื่องช๊อตไฟฟ้า โทรศัพท์มือถือ และเสื้อผ้าเครื่องใช้ เงินสดจำนวนแสนกว่าบาทเจ้าหน้าที่จึงทำการจับกุมทั้งหมดไว้ และนำตัว นายสุเนตร ไปตรวจร่างกายที่ รพ.พหลพลพยุหเสนา เนื่องจากมีสภาพอิดโรยมาก

แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบรถเก๋งของ นายสุเนตร จึงเค้นสอบถามผู้ต้องหาทั้ง 3 ทราบว่า รถเก๋งคันดังกล่าวได้มีนายนัฐวุฒิ หรือ นัฐ ตาซื่อ อายุ 26 ปี พี่ชายของนายสรศักดิ์ ขับไป โดยมี นางสาวสี่ (นามสมมติ) อายุ 19 ปีนั่งไปด้วย เพื่อไปตระเวนนำบัตร ATM ของนายสุเนตร ไปกด จังหวะนั้นเอง นายนัฐวุฒิ ได้ขับรถเก๋งกลับมาที่พักเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็รีบถอยรถหลบหนีไป ทำให้กำลังอีกส่วนต้องแบ่งกันติดตามไล่ล่าตัว โดยใช้เวลาถึง 30 นาทีจึงพบรถเก๋งคันดังกล่าวจอดอยู่ท้ายซอยแสงชูโต 28 ต.ปากแพรก เขตเทศบาลเมืองกาญจนบุรี ห่างจุดเกิดเหตุราว 5 กม.

ส่วนคนทั้ง 2 ทิ้งหลบหนีไป ต่อมาตำรวจได้กระจายกำลังโอบล้อมบริเวณใกล้เคียงไว้และสามารถจับทั้งสองได้ที่กลางซอยดังกล่าว จึงนำตัวมาสอบสวนที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี โดยมี พ.ต.อ.สมเดช ฐิตวัฒนะสกุล ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี และ พ.ต.ท.กิตติพงษ์ บุญรอด รอง ผกก.สส. ร่วมสอบปากคำด้วยตนเอง

เบื้องต้น นายนัฐวุฒิ หัวหน้าแก๊งอุ้มเรียกค่าไถ่ เปิดเผยว่า ตนทราบว่า นายสุเนตร เป็นคนมีฐานะ จึงวางแผนให้สาวในแก๊งเป็นนกต่อนายสุเนตร หลอกให้มาพบที่โรงแรมกรีนอินน์ ที่ กทม.เมื่อ นายสุเนตร ขับรถเก๋งมาพบตามนัด จึงช่วยกันจับกุมตัวไว้ จากนั้นได้บังคับให้บอกรหัสบัตร ATM และติดต่อญาติให้โอนเงินมาให้ โดยขู่ นายสุเนตร ว่า จะฆ่าทรมานให้ตายหากไม่ติดต่อญาติ จนกระทั่งเช้ามืดตนและพวกได้นำ นายสุเนตร ยัดใส่กระโปรงหลังรถเก๋งของนายสุเนตร และขับมาที่กาญจนบุรี เปิดห้องพักและออกไปตระเวนกดเงินรวม 4 ครั้ง โดยกดของธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงเทพ และธนาคารกสิกรไทย ได้เงินมา 1.8 แสนบาท ใช้เงินไปประมาณ 2 พันบาทเท่านั้น จึงส่งตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลางให้ พ.ต.ท.วัชรากร เนียมหอม พงส.(สบ2) สภ.เมืองกาญจนบุรี ให้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ต่อมาตำรวจได้นำตัว นายสุเนตร จาก รพ.พหลพลพยุหเสนา มาสอบปากคำที่ห้องทำงานของ พ.ต.ท.บัญชา ศรีรุจิเมธากร สว.สส.สภ.เมืองกาญจนบุรี โดย นายสุเนตร ให้การเบื้องต้นว่า ตนเป็นน้องเจ้าของเต็นท์รถชื่อเต็นท์รถบ้าน อยู่เขตทวีวัฒนา แขวงตลิ่งชัน กทม.โดยตนมีหน้าที่ดูแลเรื่องการเงินที่ได้จากการซื้อขายรถในเต็นท์ ก่อนเกิดเหตุสาว 1 ในกลุ่มคนร้าย ได้นัดตนไปพบว่าโรงแรมกรีนอินน์ อยู่ถนนราชพฤกษ์ เขตภาษีเจริญ

เมื่อไปพบก็ถูกคนร้ายช่วยกันจับ โดยใช้ผ้าปิดตา และใช้กุญแจมือแบบตำรวจไขว้หลัง ก่อนจะใช้ปืน BB ยิงใส่ตนตามลำตัวและแขน และใช้เครื่องช็อตไฟฟ้า ช็อตท้อง และลำคอตน เพื่อให้มอบบอกรหัสบัตร และให้ติดต่อกับญาติให้โอนเงินมาให้อีก จากนั้นถูกยัดใส่ท้ายกระโปรงรถตัวเอง และไม่ทราบว่าพาไปไหน ตนคิดว่า อาจจะไม่รอดชีวิตแล้ว แต่ก็ยังโชคดีที่ญาติและพี่ชายตนไหวตัวทัน และประสานตำรวจตามแกะรอยได้ เพราะผู้ต้องหาไปกดเงินในเขต จ.กาญจนบุรี

ล่าสุด ตำรวจได้ติดต่อกับญาติ นายสุเนตร อยู่ระหว่างเดินทางจาก กทม.มารับตัวต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น