ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา ย้ำลูกชายอดีตผู้สมัคร ส.ส.ปชป. กระโดดถีบช่างภาพเดลินิวส์บริเวณศาลอาญาเข้าข่ายละเมิดอำนาจศาล ส่วน "วันชัย" ชี้ช่องแนะช่างภาพแจ้งข้อหาหมิ่นประมาทเพิ่ม
วันนี้ (7 มิ.ย.) นายสมบัติ เดียวอิศเรศ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา อดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา กล่าวถึงกรณีนายสรธร หรือกร ณ สงขลา อายุ 34 ปี ลูกชายของนายประจักษ์ชัย อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ต้องหาคดีค้ายาไอซ์ ทำร้ายร่างกายนายฐานิศร์ สมิตานนท์ ช่างภาพ นสพ.เดลินิวส์ ผู้เสียหายขณะปฏิบัติหน้าที่บริเวณศาลอาญา ว่า เป็นการประพฤติตัวไม่เหมาะสมในบริเวณศาล โดยมีความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ซึ่งผิดกฎหมายชัดเจน และยังเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลด้วย
ด้านนายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา และเลขานุการกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน และสิทธิเสรีภาพ วุฒิสภา กล่าวว่า เรื่องความผิดส่วนตัวเป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ทำให้เสียทรัพย์ และการที่ด่าและใช้ถ้อยคำหยาบคาย ถือว่าเป็นการดูหมิ่นลดเกียรติยศ ทำให้อับอาย จึงเป็นความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหน้าอีกฐานหนึ่ง ซึ่งแม้ความผิดฐานนี้มีโทษปรับเท่านั้น แต่ผู้เสียหายควรไปแจ้งข้อหาเพิ่มเติม เพราะกระทำต่อผู้ปฎิบัติหน้าที่สื่อมวลชน
ทั้งนี้ พฤติกรรมดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยบริเวณศาล เป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลอีกฐานหนึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 33 ประกอบ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ซึ่งเป็นดุลยพินิจของศาลว่าจะไต่สวนหรือไม่ นอกจากนี้ ยังมีพฤติกรรมคุกคามผู้อื่น ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชน ซึ่งมีสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ปี 50 มาตรา 45 การคุกคามขัดขวางการทำงานของสื่อมวลชนเป็นการห้ามหนังสือพิมพ์เสนอข่าว ด้วยวิธีการใดๆเพื่อริดรอนสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชน ซึ่งจะกระทำมิได้ ตามมาตรา 45 วรรค 4 พฤติการณ์ไม่ใช่แค่เชิงคุกคามข่มขู่เท่านั้น แต่ถึงขั้นทำร้ายร่างกายกันเลย ทั้งที่ผู้เสียหายปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ
วันนี้ (7 มิ.ย.) นายสมบัติ เดียวอิศเรศ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา อดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา กล่าวถึงกรณีนายสรธร หรือกร ณ สงขลา อายุ 34 ปี ลูกชายของนายประจักษ์ชัย อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ต้องหาคดีค้ายาไอซ์ ทำร้ายร่างกายนายฐานิศร์ สมิตานนท์ ช่างภาพ นสพ.เดลินิวส์ ผู้เสียหายขณะปฏิบัติหน้าที่บริเวณศาลอาญา ว่า เป็นการประพฤติตัวไม่เหมาะสมในบริเวณศาล โดยมีความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ซึ่งผิดกฎหมายชัดเจน และยังเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลด้วย
ด้านนายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา และเลขานุการกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน และสิทธิเสรีภาพ วุฒิสภา กล่าวว่า เรื่องความผิดส่วนตัวเป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ทำให้เสียทรัพย์ และการที่ด่าและใช้ถ้อยคำหยาบคาย ถือว่าเป็นการดูหมิ่นลดเกียรติยศ ทำให้อับอาย จึงเป็นความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหน้าอีกฐานหนึ่ง ซึ่งแม้ความผิดฐานนี้มีโทษปรับเท่านั้น แต่ผู้เสียหายควรไปแจ้งข้อหาเพิ่มเติม เพราะกระทำต่อผู้ปฎิบัติหน้าที่สื่อมวลชน
ทั้งนี้ พฤติกรรมดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยบริเวณศาล เป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลอีกฐานหนึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 33 ประกอบ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ซึ่งเป็นดุลยพินิจของศาลว่าจะไต่สวนหรือไม่ นอกจากนี้ ยังมีพฤติกรรมคุกคามผู้อื่น ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชน ซึ่งมีสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ปี 50 มาตรา 45 การคุกคามขัดขวางการทำงานของสื่อมวลชนเป็นการห้ามหนังสือพิมพ์เสนอข่าว ด้วยวิธีการใดๆเพื่อริดรอนสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชน ซึ่งจะกระทำมิได้ ตามมาตรา 45 วรรค 4 พฤติการณ์ไม่ใช่แค่เชิงคุกคามข่มขู่เท่านั้น แต่ถึงขั้นทำร้ายร่างกายกันเลย ทั้งที่ผู้เสียหายปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ
