xs
xsm
sm
md
lg

ศาลสั่งประหารเอเยนต์ค้ายาบ้า-เพื่อนร่วมแก๊งรับสารภาพจำคุกชั่วชีวิต!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

แฟ้มภาพ
ประหารชีวิต 3 เอเยนต์ค้ายาบ้า 1.5 แสนเม็ด รับสารภาพ 2 ราย ศาลปรานีลดโทษตายเหลือจำคุกตลอดชีวิต ส่วนอีกคนประหารสถานเดียว

วันนี้ (2 มิ.ย.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด 3 เป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.วรนันท์ หรือเปิ้ล หนูตอ อายุ 35 ปี ชาว จ.นนทบุรี นายวิรัตน์ หรือรัตน์ กาญจนมหิงส์ อายุ 49 ปี ชาวจ.ปทุมธานี และนายนัทธพงศ์ หรือหล้า แซ่เล้า อายุ 30 ปี ชาว จ.น่าน เป็นจำเลยที่ 1-3 ตามลำดับ ในความผิดร่วมกันมียาเสพติดประเภทที่ 1 เมทแอมเฟตามีน หรือยาบ้า ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย

คดีนี้โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 18 มิ.ย.53 ระบุความผิดจำเลยสรุปว่า เมื่อวันที่ 27 มี.ค.53 น.ส.ทัศพร เชี่ยวพานิช และนายทัศน์พงศ์ วัฒนายากร เจ้าหน้าที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีกลุ่มนักค้ายาเสพติดนำยาบ้ามาพักเพื่อรอส่งให้ลูกค้า จึงเฝ้าติดตามพฤติการณ์พบว่า จำเลยที่ 1 และ 2 ได้ขับรถยนต์วอลโว่จากอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น เลขที่ 99/22 ม. 10 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ไปซื้อกระเป๋าเดินทางสีดำคาดแดงจากห้างสรรพสินค้าโลตัส สาขารังสิต และกลับมาที่อาคารพาณิชย์ดังกล่าว ต่อมาจำเลยที่ 3 ได้ขับรถยนต์ฮอนด้า ซิตี้ สีเทามาจอดหน้าอาคาร จำเลยที่ 1 และ 3 ร่วมกันยกกระสอบปุ๋ยใส่ท้ายรถ และยกกระเป๋าเดินทางซึ่งบรรจุยาเสพติดมาใส่ไว้ในเบาะหลัง โดยมีจำเลยที่ 2 เฝ้าสังเกตการณ์รอบอาคารพาณิชย์ จากนั้นจำเลยที่ 3 ได้ขับรถคันดังกล่าวไปที่วัดกลางคลองสาม โดยมีจำเลยที่ 1 และ 2 ขับรถวอลโล่ติดตามไป น.ส.ทัศพร นายทัศน์พงศ์ พร้อมเจ้าหน้าที่จึงเข้าสกัดขอตรวจค้นรถยนต์ทั้งสองคัน พบยาบ้าสีส้ม สีเขียว ซุกซ่อนอยู่ และเมื่อสอบสวนขยายผล นำตัวพวกจำเลยมาที่อาคารพาณิชย์ ตรวจค้นบริเวณชั้น 2 และ 3 พบยาบ้าซุกซ่อนอยู่อีกจำนวนหนึ่ง รวมยาบ้าที่ตรวจพบทั้งหมด 1,550,000 เม็ด มูลค่า 155 ล้านบาท จึงนำตัวจำเลยทั้งสามพร้อมของกลางยาบ้า รถยนต์ 2 คัน โทรศัพท์มือถือ 6 เครื่อง ส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.3 บช.บส.ดำเนินคดี

ชั้นสอบสวนและชั้นศาลจำเลยที่ 1 และ 3 ให้การรับสารภาพ ส่วนจำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธโดยตลอดอ้างว่าได้รับการติดต่อให้มาคุยเรื่องธุรกิจกับจำเลยที่ 1 จึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานแล้วเห็นว่า พยานโจทก์ทั้งสองเบิกความสอดคล้องเป็นลำดับขันตอน ตั้งแต่รับแจ้งจากสายลับ การเฝ้าสังเกตพฤติการณ์ของจำเลยซึ่งมีลักษณะแบ่งงานกันทำ และระหว่างติดตามได้ถ่ายภาพไว้เป็นพยานหลักฐานจนสามารถจับกุมจำเลยได้พร้อมของกลางจำนวนมาก จึงไม่น่าเชื่อว่าโจทก์จะสามารถจัดหามาเองเพื่อปรักปรำจำเลยทั้งสามได้ ส่วนข้ออ้างของจำเลยที่ 2 ไม่สามารถหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้

พิพากษาว่า จำเลยทั้งสามกระทำผิด พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ม.15 วรรคสาม, พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 ม.8 วรรคสอง ประกอบมาตรา 83 ตามประมวลกฎหมายอาญาเป็นความผิดกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสาม จำเลยที่ 1 และ 3 ให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่ 2 ให้ประหารชีวิตสถานเดียว ริบของกลาง
กำลังโหลดความคิดเห็น