ศาลมีคำพิพากษาประหารชีวิตสองพี่น้องร่วมกันค้ายาบ้า โดยจำเลยผู้พี่ปฏิเสธในชั้นสอบสวน แต่จำเลยผู้น้องให้การรับสารภาพ ศาลลดโทษให้ คงเหลือจำคุกตลอดชีวิตทั้งคู่
วันนี้ (1 มิ.ย.) ที่ห้องพิจารณาคดี 910 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดี ดำ อย.1574/53 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด เป็นโจทก์ฟ้อง นายศักดิ์ไชย เหลืองสีทอง อายุ 41 ปี และนายทองสุข เหลืองสีทอง อายุ 33 ปี ทั้งสองเป็นพี่น้องกัน และมีภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ร่วมกันเป็นจำเลยในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีน หรือยาบ้าไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
ฟ้องโจทก์ระบุความผิดจำเลยสรุปว่า เมื่อวันที่ 25 ม.ค.53 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามได้สืบทราบว่านายสุรสิทธิ์ คำต่าย จำเลยคดีค้ายาเสพติดซึ่งต้องโทษอยู่ในเรือนจำเขาบิน จ.ราชบุรี ได้มีคำสั่งให้นางธิดาวรรณ์ หรือยีน จิเมฆ (กำลังหลบหนี) ภรรยานายสุรสิทธิ์ ให้จำเลยทั้งสองนำยาบ้าไปส่งให้ลูกค้าที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่าน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่จึงเฝ้าติดตามพฤติการณ์ พบจำเลยที่ 2 ขับรถยนต์กระบะจากหน้าบ้านของนางธิดาวรรณ์ หมู่บ้านพงษ์เพชรนิเวศน์ แขวงและเขตจตุจักร โดยมีจำเลยที่ 1 นั่งไปด้วย เมื่อถึงหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านบางใหญ่ จำเลยที่ 1 ได้ลงจากรถกระบะไปขับรถแท็กซี่สีชมพู-ขาว แล้วขับออกไปโดยมีจำเลยที่ 2 ขับรถกระบะตามไป เจ้าหน้าที่จึงสกัดจับตรวจค้นพบยาบ้าชนิดกลม-แบนสีส้ม ประทับอักษร wy จำนวน 400,000 เม็ด ราคาซื้อขายประมาณ 80 ล้านบาท บรรจุในถุงพลาสติกซุกซ่อนอยู่ภายใน และหลังกระโปรงรถแท็กซี่ และยึดของกลางอื่นๆ หลายรายการ นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บช.ปส.3 ดำเนินคดี
ชั้นสอบสวนจำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ อ้างว่าไม่ทราบว่าภายในรถแท็กซี่มียาบ้าซุกซ่อนอยู่ ส่วนจำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพว่าได้ค่าจ้างจากนางธิดาวรรณ์ จำนวน 80,000 บาท
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นว่า ฝ่ายโจทก์มีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมเบิกความ ถึงลำดับเหตุการณ์ ขั้นตอนการติดตามจับกุมโดยไม่มีสาเหตุโกรธแค้นมาก่อนอันที่จะเป็นสาเหตุเบิกความหรือสร้างพยานหลักฐานเท็จเพื่อให้จำเลยต้องรับโทษ
พิพากษาว่า จำเลยทั้งสองกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรค 2 มาตรา 66 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ให้ประหารชีวิต ลดโทษ 1 ใน 3 ให้จำเลยที่ 1 และลดโทษกึ่งหนึ่งให้จำเลยที่ 2 คงจำคุกจำเลยทั้งสองไว้ตลอดชีวิต ริบของกลาง