“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” รับไม่ได้ถูก “เจิมศักดิ์-จิตรกร” สองพิธีกรรายการคลายปม วิพากษ์ในรายการทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง มอบ “เด็จพี่และทนาย” แจ้งความกองปราบฯ เอาผิดฐานหมิ่นประมาท ใส่ร้ายพรรคเพื่อไทยด้วยข้อความอันเป็นเท็จ พร้อมเตรียมยื่น กตต.ตรวจสอบนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ และให้พิจารณาถอดรายการ
วันนี้ (27 พ.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.00 น. นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายพิชา วิจิตรศิลป์ ทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ณัฐพงศ์ เกิดเอี่ยม พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนิคดีต่อนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นายจิตรกร บุษบา สองพิธีกรรายการคลายปม ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (สทท.11) และ น.ส.รัตนา เจริญศักดิ์ ผู้อำนวยการสถานีดังกล่าว ฐานหมิ่นประมาท กรณีร่วมกันการใส่ร้ายพรรคเพื่อไทยด้วยข้อความอันเป็นเท็จ
นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า รายการคลายปมที่ออกอากาศเมื่อคืนวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา มีนายเจิมศักดิ์ และนายจิตรกร เป็นพิธีกร นั้นทั้งสองได้ร่วมกันกล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทยว่าไม่มีความคิด หรือตัดสินใจที่เป็นของตัวเองต้องคอยฟังคำสั่งจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และการสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่เป็นความต้องการของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และใส่ร้ายว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทยจะล้างความผิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ
นายพร้อมพงศ์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้พิธีกรทั้งสองรายยังใส่ร้ายว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทยต้องการเปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นรัฐไทยใหม่ ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำระหว่างมีประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง มีลักษณะการกล่าวใส่ร้ายด้วยข้อความอันเป็นเท็จและเป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 53 (5) มาตรา 137, 83 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว. พ.ศ. 2550 และเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามมาตรา 326, 328, 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญาอีกด้วย
“รายการคลายปมแทนที่จะคลายปม แต่กลับยิ่งผูกเงื่อนปมเพิ่มขึ้น ซึ่งการกระทำของพิธีกรทั้งสองทำให้พรรคเพื่อไทยและผู้สมัครของพรรคได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง รวมถึงถูกลดความนิยมและความศรัทธาจากประชาชน อย่างไรก็ตาม ช่วงบ่ายวันนี้จะไปยื่นหนังสือให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ตรวจสอบนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และให้พิจารณาถอดรายการดังกล่าวด้วย” โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าว
นายพร้อมพงศ์กล่าวด้วยว่า ก่อนเดินทางมาแจ้งความที่กองปราบปราม ตนได้ถูกคุกคาม โดยมีชายอายุประมาณ 50 ปี ขับรถยนต์โตโยต้า สีน้ำเงิน ทะเบียน กทม.ติดฟิล์มสีดำ มาแอบซุ่มสังเกตการณ์อยู่หน้าบ้าน ซึ่งก่อนหน้านี้เพื่อนบ้านเคยมาบอกว่าเห็นคนมาซุ่มดูอยู่หลายวันแล้ว แต่เพิ่งมาเจอกับตัววันนี้ เมื่อตนเห็นจึงถอยรถเข้าไปบังรถคันดังกล่าว ไม่ให้ขับออกไปทางด้านหน้าได้ ระหว่างนั้นชายคนดังกล่าวกำลังโทรศัพท์อยู่จึงเดินเข้าไปถาม แต่ชายคนดังกล่าวรีบถอยรถขับหนีไป
นายพร้อมพงศ์กล่าวอีกว่า บ่ายวันนี้จะเดินทางไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.บางเขน ดำเนินคดีต่อชายคนดังกล่าวต่อไป เนื่องจากตนจำทะเบียนรถได้ อย่างไรก็ตาม อยากฝากไปถึง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.ให้ทำงานเชิงรุกมากกว่านี้ ตั้งด่านให้มากขึ้น อย่าให้อาวุธสงครามมาโผล่ได้ เพราะช่วงนี้นักการเมืองถูกคุกคามบ่อย เช่นคดียิงนายประชา ประสพดี ยิงบ้านหัวคะแนน หรือขว้างระเบิด ซึ่งอยากให้เข้าไปดูแลพื้นที่เสี่ยงที่อาจเกิดการสูญเสียชีวิตได้
“ไม่ใช่แค่ผมคนเดียว ผู้สมัคร ส.ส.คนอื่นๆ ในพรรคก็ถูกคุกคามหลายคน ซึ่งก็ได้เตือนให้ระวังตัว หากรู้สึกไม่ปลอดภัยก็ให้ขอกำลังเจ้าหน้าที่ท้องที่นั้นๆ ได้ ทั้งนี้หากผู้สมัคร ส.ส.ไม่ปลอดภัยแล้วประชาชนจะปลอดภัยได้อย่างไร ส่วนเรื่องการขอกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้กับตัวเองนั้นจะไปปรึกษากับ ผกก.สน.บางเขนเจ้าของพื้นที่อีกที” นายพร้อมพงศ์กล่าว
ด้าน พ.ต.ท.ณัฐพงศ์ได้รับเรื่องและสอบปากคำไว้ ก่อนเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป