เรียกว่ายังไม่ทัน เปิดรับสมัคร ส.ส. แต่อุณหภูมิทางการเมืองบ้านเรากลับเริ่มร้อนระอุกันแล้ว หลังเกิดเหตุมือปืนบุกกระหน่ำยิง“นายประชา ประสพดี” อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย จ.สมุทรปราการ เหตุเกิดหน้าที่ทำการไปรษณีย์สาขาพระประแดง ถ.สุขสวัสดิ์ เมื่อค่ำคืนวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา ขณะขับรถกลับจากงานศพ แต่ก็นับว่าเป็นเคราะห์ดีที่เจ้าตัวสามารถรอดชีวิตมาได้อย่างเฉียดฉิว
จากข้อสันนิษฐานเบื้องต้นทั้งตำรวจ และตัวของนายประชา เอง ต่างก็สรุปตรงกันว่าชนวนเหตุลอบสังหารมาจากปมความขัดแย้งเรื่องการเมืองอย่างแน่นอน แม้จะไม่ระบุแน่ชัดว่าจะเป็นการเมืองระดับท้องถิ่น หรือระดับชาติ แต่เจ้าตัวยืนยันว่ารู้ว่าใครเป็นคนสั่งยิง และได้ให้ข้อมูลส่วนนี้ทั้งหมดกับตำรวจซึ่งนำโดย “บิ๊กวิน” พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ที่ปรึกษา(สบ 10) ด้านการสืบสวน และรรท.ผบช.ภ.1 ซึ่งหลังเกิดเหตุได้ลงพื้นที่สางคดีนี้ด้วยตัวเอง
กรณีที่เกิดขึ้นกับนายประชา นับเป็นเหตุสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นกับนักการเมืองที่เป็นถึงอดีต ส.ส. และเป็นแกนนำคนสำคัญของพรรคเพื่อไทยในพื้นที่ นอกจากนั้นที่สำคัญช่วงเวลาที่เกิดเหตุยังเป็นช่วงที่กำลังจะมีการเลือกตั้งใหญ่ อาจกล่าวได้ว่านี่เป็นสัญญาณเริ่มต้นของความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นจากการเลือกตั้ง และเป็นไปตามที่หลายฝ่ายกังวลกันก่อนหน้านี้ ไม่นับรวมกรณีที่ น.ส.ปรีชญา ขําเจริญ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เขต 3 จ.ราชบุรี และ น.ส.ณัชณิชา ขําเจริญ น้องสาว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เขต 5 จ.ราชบุรี เข้าแจ้งความที่ สภ.ดำเนินสะดวก จว.ราชบุรี ว่า มีคนร้ายขับรถยนต์ไล่ประกบหวังทำร้าย ขณะลงพื้นที่หาเสียง เมื่อวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา
เหตุผลสำคัญที่บ่งชี้ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ ส่อเค้าว่าจะมีความรุนแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา นั่นเพราะครั้งนี้ เป็นการเลือกตั้งครั้งแรกที่เกิดขึ้น 1 ปี ภายหลังเหตุการณ์การสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งมีการสูญเสียชีวิตของมวลชนอันเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคเพื่อไทย ขณะเดียวกันยังเป็นการชี้ชะตาว่า พรรคเพื่อไทยจะสามารถพลิกสถานการณ์ และกลับมามีอำนาจอีกครั้งได้หรือไม่ ขณะที่พรรคขนาดเล็ก ขนาดกลางที่คาดหวังว่าจะเป็นตัวแปรสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาล ต่างก็พยายามเดินหน้าเพื่อหวังช่วงชิงเก้าอี้ ส.ส.ให้ได้มากที่สุด ที่สำคัญครั้งนี้เป็นการกลับมาใช้รูปแบบจัดการเลือกตั้งแบบเขตเดียวเบอร์เดียวอีกครั้ง จึงไม่มีที่นั่งสำหรับผู้แพ้อีกต่อไป ทำให้อัตราการแข่งขันสูงในพื้นที่พุ่งสูงขึ้นไปอีก
หันกลับมาฟากตำรวจ “บิ๊กน้อย” พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. ได้ให้ความมั่นใจว่านายประชา จะไม่เจ็บตัวฟรี ตำรวจสามารถลากคอมือปืนที่ลอบสังหารนายประชา มาดำเนินคดีได้แน่ พร้อมกับเชื่อว่าตำรวจจะสามารถควบคุมสถานการณ์ระหว่างการเลือกตั้งไม่ให้เกิดความรุนแรง และอยู่ในกรอบกติกาได้ ขณะเดียวกันในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยในการเลือกตั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศรส.ลต.ตร.)ยอมรับว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีแนวโน้มที่จะเกิดความรุนแรง เพราะมีการแข่งขันทางการเมืองที่เข้มข้น จึงได้สั่งการให้ทุกพื้นที่จัดชุดเฉพาะกิจติดตามเฝ้าระวังการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และสั่งการให้ระดมกวาดล้างมือปืน อาวุธสงครามอาชญากรรม เนื่องจากการข่าวยังพบแข่งขันกันสูงในหลายพื้นที่
“หลังจากนี้ทางศูนย์บริหารสถานการณ์ร้ายแรง หรือ ศบร.ตร.ที่มี พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยารอง ผบ.ตร.เป็น ผอ.ศบร.ตร.ต้องทำงานให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น และต้องประเมิสถานการณ์ว่าพื้นที่ใดจะมีการเกิดเหตุเช่นนี้อีก โดยอาจมอบหมายให้ตำรวจพื้นที่เข้าไปตรวจสอบก่อน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของหมายจับค้างเก่า รวมถึงกลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรมใช้ความรุนแรงทั้งอาวุธปืนและระเบิด ซึ่งหากมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นในพื้นที่นั้นๆ อีก ผบก.จว.ก็ต้องทำรายงานชี้แจงเข้ามาว่ารายงานสถานการณ์ไม่ถูกต้องหรือตรงกับ ความเป็นจริงหรือไม่” ผบ.ตร.กล่าว
นอกจากนี้ ศรส.ลต.ตร.ยังได้งัดแผนพิทักษ์เลือกตั้ง 54 และแผนระดมกวาดล้างอาชญากรรมในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนช่วงเลือกตั้ง เป็นแผนย่อยที่มาดูเรื่องอาชญากรรม ที่มีผลต่อชีวิตและทรัพย์สินของ ประชาชน และได้สั่งการให้ไปดูเรื่องของความขัดแย้งในพื้นที่ ให้ไปดูเรื่องของกลุ่มมือปืน ผู้ที่เคยมีประวัติให้อาวุธปืน พกพาอาวุธปืน ผู้ที่มีนิสัยก้าวร้าว ให้แต่ละโรงพักรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้มาเก็บไว้เป็นฐานข้อมูล นอกจากนั้นยังสั่งให้แต่ละจังหวัดไปดูพื้นที่ที่มีความขัดแย้ง ตลอดจนกลุ่มต่างๆที่มีความขัดแย้งกันอยู่ทั้งขัดแย้งการเมือง ธุรกิจ เรื่องส่วนตัวที่จะนำไปสู่ความรุนแรงได้ และพยายามเข้าไปเจรจาให้กลุ่มที่มีความขัดแย้งไม่ให้ใช้ความรุนแรงและ ป้องกันการรุนแรงโดยการตรวจอาวุธ ตั้งด่านตรวจด่านสกัด เพื่อยับยั้งการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ ขณะเดียวกันมีรายงานว่าที่ประชุม ศรส.ลต.ตร. ยังได้สั่งการให้จับตาพื้นที่เสี่ยง ที่มีการแข่งขันกันสูง และมีแนวโน้มที่จะเกิดความรุนแรง อาทิ จ. ราชบุรี จ.เพชรบุรี จ.สมุทรปราการ จ.ชลบุรี และในภาคอีสานโดยเฉพาะ จ.นครราชสีมา และ จ.อุดรธานี
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนายประชา ล่าสุด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง สั่งการให้ตำรวจเตรียมกำลังไว้อารักขาผู้สมัคร ส.ส.ทั้งแบบแบ่งเขต และแบบบัญชีรายชื่อ ซึ่ง พล.ต.อ.วิเชียร ได้รับลูกในส่วนนี้ จึงได้สั่งการให้ ผบช.แต่ละภาคฝึกซ้อม และจัดอบรมเรื่องกฎหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะไปอารักขาไว้ หากมีการร้องขอของผู้สมัครเข้ามาก็จะสามารถจัดกำลังไปให้ได้ทันที โดยการร้องขอกำลังนั้นต่างจังหวัดให้ประสานงานผ่านทางผบก.จ.แต่ละจังหวัด ส่วนผู้สมัครในกทม.ให้ประสานมาที่ ผบช.น.ในส่วนของผู้สมัตร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อให้ประสานผ่านทาง พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผช.ผบ.ตร.ในฐานะเลขานุการศรส.ลต.ตร. หากพื้นที่ใดที่มีความขัดแย้งรุนแรง ผบก.จ.ก็สามารถประสานขอกำลังจากส่วน กลาง และเจ้าหน้าที่การข่าวลงไปสนับสนุนเพื่อป้องกันเหตุรุนแรง
จากการตื่นตัวของทุกฝ่าย โดยเฉพาะตำรวจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้มีการหันมาทบทวนปรับมาตรการต่างๆ ให้มีความรัดกุมมากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันเหตุรุนแรงในช่วงการเลือกตั้ง ซึ่งนับเป็นเรื่องที่ดี เพราะอย่างน้อยก็ทำให้มั่นใจว่าการต่อสู้ทางการเมืองจะอยู่ในกรอบกติกาที่ถูกต้อง และคงไม่มีใครมองว่าเป็นเรื่องวัวหายล้อมคอก เพราะจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ขณะนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงจริง และยิงกันแล้วจริงๆ...ส่วนท้ายสุด คนยิงนายประชา ประสพดี เป็นใคร? ลูกนักการเมืองใหญ่ตามที่นายประชา สงสัยหรือไม่? และ ตำรวจจะตามจับคนร้ายได้ เร็ว หรือ ช้า เรื่องนี้ ต้องติดตาม!
********
"ประชา"องครักษ์พิทักษ์แม้วสู้แล้วรวย!
สำหรับ นายประชา ประสพดี ถือว่าเป็นองครักษ์พิทักษ์"ทักษิณ"สายฮาร์ดคอร์ ด้วยบทบาทในอดีต เขาเคยจัดคนไปตั้งเวทีคู่ขนานกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และปรากฏตัวในวันม็อบหนุนแม้ว เกิดอาการฮึกเหิมรุมทำร้ายคนแก่ ที่บริเวณห้างเซ็นทรัลเวิลด์ และขู่จะจัดม็อบชนพันธมิตรฯ ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังครองอำนาจนายกรัฐมนตรี
หลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกรัฐประหาร นายประชา ยังติดตามไปเยี่ยมเจ้านายถึงฮ่องกง แถมเคยเป็นหัวหอกป่วนไล่ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ และนายประมวล รุจนเสรี พ้นพรรคไทยรักไทย อีกทั้งยังเคยปรากฏข่าวว่าชอบไปอวดเบ่งวางก้ามข่มขู่ข้าราชการในพื้นที่
นอกจากนั้นที่สำคัญ เมื่อวันที่ 9 ก.ย.2552 ASTV ผู้จัดการ เคยนำเสนอเรื่องราว..พบ “คฤหาสน์หรู”สู้แล้วรวย ที่เป็นการพูดปากต่อปากของชาวบ้านย่านนั้น
โดยมีข้าราชการระดับสูงเลือดใต้แท้คนหนึ่ง..เล่าให้ฟังว่า วันหนึ่งขณะตรวจราชการในพื้นที่ ได้รับคำบอกเล่าจากประชาชนว่า ขณะนี้มี ส.ส.ท่านหนึ่งกำลังปลูกสร้างบ้านหลังใหญ่ในพื้นที่ ชนิดเห็นแล้วต้องร้องโอ้โห!!! เพราะใหญ่มากๆ
ชาวบ้านแจ้งอีกว่า...ไม่ทราบเป็นบ้านของ “นายประชา ประสพดี” ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อแม้วหรือไม่
เพราะเคยมีอยู่วันหนึ่ง ชาวบ้านแถวนั้นได้ไปจอดรถขวางบริเวณหน้าบ้านหลังที่กำลังก่อสร้างแล้วจู่ๆ ก็พบร่างตัวเป็นๆ ของนายประชา ออกมาโวยวายว่าห้ามจอดรถขวางประตู พร้อมกับบอกให้เลื่อนรถให้พ้นหน้าบ้านไป จึงทำให้ชาวบ้านต่างมึนงง และพูดกันปากต่อปากว่า...บ้านดังกล่าวเป็นบ้านของ ส.ส.ประชา ที่สู้แล้วรวยหรือ?
ต่อมาหลังไปทำการตรวจสอบความมีอยู่จริง ณ วันนั้น?
พบว่า บริเวณพื้นที่กระเพาะหมู เลยซอยทางเข้าวัดบางน้ำผึ้ง ถนนเพชรหงส์ ตำบลบางน้ำผึ้ง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ พบบ้านหลังหนึ่งอยู่ระหว่างทำการก่อสร้างในเนื้อที่ประมาณ 2-3 ไร่ เห็นจะได้
โดยการก่อสร้างแบบบ้านปูนทั้งหลัง ได้ขึ้นรูปร่างเห็นถนัดตาว่า มันคือ “คฤหาสน์หรู”นี่เอง
หลังจากเวลาผ่านไปร่วม 7 เดือน วันที่ 24 มี.ค.2553 ทีมงานได้ลงไปตรวจสอบสภาพพื้นที่จริงอีกครั้งพบว่า การก่อสร้างได้มีความคืบหน้าไปมาก เห็นรูปร่างความหรูหราของตัวบ้านอย่างชัดเจน ขณะที่ซุ้มประตูถือว่าอลังการสุดๆ และหากใครพบเห็นอาจจะไม่เชื่อว่านี่หรือบ้านของ ส.ส.ประชา
ในขณะที่บทบาทของผู้ที่ประชาชนเชื่อว่าเขาคือเจ้าของบ้าน ในความจริงวันนี้ เขายังเคลื่อนไหวรับใช้ “นช.ทักษิณ” เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง ที่นายใหญ่ทักษิณเรียกขานผู้สนับสนุนเขาว่า “ไพร่”
มาวันนี้วันที่เขาถูกยิง วันที่เขากำลังจะลงสมัครรับเลือกตั้งในเสื้อพรรคเพื่อแม้ว เพื่อพานายใหญ่กลับบ้าน พบว่า“คฤหาสน์หรู”หลังนั้น ได้ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วน“ประชา ประสพดี”สู้แล้วรวยจริงหรือไม่ ประชาชนในพื้นที่ ต้องไปพิสูจน์และตัดสินใจเอาเองในคูหาเลือกตั้ง!