ผบ.ตร.ถกทุกกองบัญชาการในศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเลือกตั้ง เพื่อรับลูก กกต.ตั้งศูนย์ป้องปราบทุจริตหาเสียงเลือกตั้งมิชอบผ่านเว็บ สั่งทุกพื้นที่จัดชุดเฉพาะกิจเฝ้าระวังกวาดล้างมือปืน อาวุธสงคราม หวั่นเกิดเหตุรุนแรง
วันนี้ (11 พ.ค.) เมื่อเวลา 16.00 น.ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) ชั้น 20 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยในการเลือกตั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศรส.ลต.ตร.) ประชุมผู้เกี่ยวข้องใน ศรส.ลต.ตร.ทุกด้าน เพื่อเปิด ศรส.ลต.ตร.โดยประชุมทางไกลกับทุกกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค(บช.ภ.) ที่เป็นฝ่ายปฏิบัติการด้วย หลังจากพระราชกฤษีกายุบสภา ในวันที่ 10 พฤษภาคม และกำหนดวันเลือกในวันที่ 3 กรกฎาคม
ทั้งนี้ ที่ประชุมมีการรายงานว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีแนวโน้มที่จะเกิดความรุนแรง โดยมีการแข่งขันทางการเมืองที่เข้มข้น โดย ศรส.ลต.ตร.สั่งการให้ทุกพื้นที่จัดชุดเฉพาะกิจติดตามเฝ้าระวังการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งขึ้นมา 1 ชุด รวมทั้งระดมกวาดล้างมือปืน อาวุธสงคราม อาชญากรรม เนื่องจากการข่าวยังพบแข่งขันสูง ขณะเดียวกัน ผบ.ตร.ยังตั้งศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและการสื่อสาร โดยมอบหมายให้รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รองผบช.ก.) มาดูแล และใช้กำลังของ บช.ก.ในการปฏิบัติ ภายหลังจาก กกต.เป็นห่วงเรื่องการหาเสียงโดยมิชอบ ทางเว็บไซต์ และวิทยุโทรคมนาคม โดยเฉพาะในช่วงคืนหมาหอน และวันเลือกตั้งที่กฎหมายห้ามเด็ดขาด
ด้าน พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) กล่าวว่า ได้เรียกประชุมนายตำรวจระดับ รอง ผบช. และ ผบก.ในสังกัดให้เตรียมความพร้อมรับการเลือกตั้งโดยออกมาตรการ หรือกฎเหล็ก 5 ข้อให้ตำรวจปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ประกอบด้วย 1.มอบหมายให้ตำรวจทุกนายวางตัวเป็นกลางอย่าเอนเอียงเข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดโดยเด็ดขาด รวมทั้งให้ระมัดระวังหลีกเลี่ยงสัญลักษณ์ทางการเมืองของแต่ละฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกายหรือการแสดงออก จะต้องวางตัวให้เหมาะสม ซึ่งครอบคลุมไปถึงครอบครัวด้วย เนื่องจากตำรวจเป็นอาชีพพิเศษจึงต้องระมัดระวังมากกว่าอาชีพอื่น
พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ กล่าวต่อว่า ข้อ 2.ได้เน้นย้ำให้ตำรวจทุกภาคส่วนร่วมกันให้ความสำคัญในการสืบสวนจับกุมการซื้อสิทธิ์ขายเสียง การกระทำผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง รวมถึงการกระทำใดๆ ที่เป็นปรปักษ์ต่อการเลือกตั้ง 3.มอบหมายให้ พล.ต.ต.สุรชัย ควรเดชะคุปต์ ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (ผบก.ปปป.) สืบสวนจับกุมข้าราชการทุกหน่วยที่วางตัวไม่เป็นกลาง หรือทำให้การเลือกตั้งไม่มีความบริสุทธิ์ยุติธรรม
ผบช.ก.กล่าวอีกว่า ส่วน ข้อ 4.ให้ตำรวจในสังกัดทุกหน่วยสืบสวนเกี่ยวกับการขนเงินสด หรือขนอาวุธในช่วงนี้ตลอดไปจนถึงก่อนการเลือกตั้ง หากพบการกระทำความผิดในจับกุมดำเนินคดีทันที และรายงานความคืบหน้าของการสืบสวนอย่างต่อเนื่อง และ 5.ให้สืบสวนจับกุมมือปืนรับจ้างทั้งมือปืนในประเทศ และมือปืนที่มาจากต่างประเทศ เนื่องจากปัจจุบันสืบสวนพบว่ามีกลุ่มมือปืนที่มาจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามารับงานในเมืองไทยด้วย จากการนั้นก็จะหลบหนีออกนอกประเทศ ทำให้การสืบสวนจับกุมเป็นไปด้วยความยากลำบาก
“มาตรการทั้งหมดนั้นเน้นย้ำให้นายตำรวจระดับ ผู้บังคับการทุกนาย ลงพื้นที่ด้วยตัวเองเพื่อกวดขันตำรวจในสังกัดอย่างจริงจังเพราะเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโอกาสที่ทุกคนจะได้ช่วยชาติอีกครั้งหนึ่ง จึงย้ำให้ตำรวจทุกคนใน กองบัญชาการสอบสวนกลางต้องเป็นกลางซึ่งเป็นนโยบายที่ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.เน้นย้ำตลอด เพราะตำรวจจะมีศักดิ์ศรีก็ต่อเมื่อวางตัวเป็นกลางเท่านั้น” ผบช.ก.กล่าว
วันนี้ (11 พ.ค.) เมื่อเวลา 16.00 น.ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) ชั้น 20 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยในการเลือกตั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศรส.ลต.ตร.) ประชุมผู้เกี่ยวข้องใน ศรส.ลต.ตร.ทุกด้าน เพื่อเปิด ศรส.ลต.ตร.โดยประชุมทางไกลกับทุกกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค(บช.ภ.) ที่เป็นฝ่ายปฏิบัติการด้วย หลังจากพระราชกฤษีกายุบสภา ในวันที่ 10 พฤษภาคม และกำหนดวันเลือกในวันที่ 3 กรกฎาคม
ทั้งนี้ ที่ประชุมมีการรายงานว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีแนวโน้มที่จะเกิดความรุนแรง โดยมีการแข่งขันทางการเมืองที่เข้มข้น โดย ศรส.ลต.ตร.สั่งการให้ทุกพื้นที่จัดชุดเฉพาะกิจติดตามเฝ้าระวังการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งขึ้นมา 1 ชุด รวมทั้งระดมกวาดล้างมือปืน อาวุธสงคราม อาชญากรรม เนื่องจากการข่าวยังพบแข่งขันสูง ขณะเดียวกัน ผบ.ตร.ยังตั้งศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและการสื่อสาร โดยมอบหมายให้รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รองผบช.ก.) มาดูแล และใช้กำลังของ บช.ก.ในการปฏิบัติ ภายหลังจาก กกต.เป็นห่วงเรื่องการหาเสียงโดยมิชอบ ทางเว็บไซต์ และวิทยุโทรคมนาคม โดยเฉพาะในช่วงคืนหมาหอน และวันเลือกตั้งที่กฎหมายห้ามเด็ดขาด
ด้าน พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) กล่าวว่า ได้เรียกประชุมนายตำรวจระดับ รอง ผบช. และ ผบก.ในสังกัดให้เตรียมความพร้อมรับการเลือกตั้งโดยออกมาตรการ หรือกฎเหล็ก 5 ข้อให้ตำรวจปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ประกอบด้วย 1.มอบหมายให้ตำรวจทุกนายวางตัวเป็นกลางอย่าเอนเอียงเข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดโดยเด็ดขาด รวมทั้งให้ระมัดระวังหลีกเลี่ยงสัญลักษณ์ทางการเมืองของแต่ละฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกายหรือการแสดงออก จะต้องวางตัวให้เหมาะสม ซึ่งครอบคลุมไปถึงครอบครัวด้วย เนื่องจากตำรวจเป็นอาชีพพิเศษจึงต้องระมัดระวังมากกว่าอาชีพอื่น
พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ กล่าวต่อว่า ข้อ 2.ได้เน้นย้ำให้ตำรวจทุกภาคส่วนร่วมกันให้ความสำคัญในการสืบสวนจับกุมการซื้อสิทธิ์ขายเสียง การกระทำผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง รวมถึงการกระทำใดๆ ที่เป็นปรปักษ์ต่อการเลือกตั้ง 3.มอบหมายให้ พล.ต.ต.สุรชัย ควรเดชะคุปต์ ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (ผบก.ปปป.) สืบสวนจับกุมข้าราชการทุกหน่วยที่วางตัวไม่เป็นกลาง หรือทำให้การเลือกตั้งไม่มีความบริสุทธิ์ยุติธรรม
ผบช.ก.กล่าวอีกว่า ส่วน ข้อ 4.ให้ตำรวจในสังกัดทุกหน่วยสืบสวนเกี่ยวกับการขนเงินสด หรือขนอาวุธในช่วงนี้ตลอดไปจนถึงก่อนการเลือกตั้ง หากพบการกระทำความผิดในจับกุมดำเนินคดีทันที และรายงานความคืบหน้าของการสืบสวนอย่างต่อเนื่อง และ 5.ให้สืบสวนจับกุมมือปืนรับจ้างทั้งมือปืนในประเทศ และมือปืนที่มาจากต่างประเทศ เนื่องจากปัจจุบันสืบสวนพบว่ามีกลุ่มมือปืนที่มาจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามารับงานในเมืองไทยด้วย จากการนั้นก็จะหลบหนีออกนอกประเทศ ทำให้การสืบสวนจับกุมเป็นไปด้วยความยากลำบาก
“มาตรการทั้งหมดนั้นเน้นย้ำให้นายตำรวจระดับ ผู้บังคับการทุกนาย ลงพื้นที่ด้วยตัวเองเพื่อกวดขันตำรวจในสังกัดอย่างจริงจังเพราะเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโอกาสที่ทุกคนจะได้ช่วยชาติอีกครั้งหนึ่ง จึงย้ำให้ตำรวจทุกคนใน กองบัญชาการสอบสวนกลางต้องเป็นกลางซึ่งเป็นนโยบายที่ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.เน้นย้ำตลอด เพราะตำรวจจะมีศักดิ์ศรีก็ต่อเมื่อวางตัวเป็นกลางเท่านั้น” ผบช.ก.กล่าว