xs
xsm
sm
md
lg

คุก 2 ปี “5 การ์ดพันธมิตรฯ” ยึดรถเมล์พาไปทำเนียบ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

(แฟ้มภาพ)
ศาลพิพากษาจำคุก “การ์ดพันธมิตรฯ 5 คน” คดีพกอาวุธยึดรถเมล์สาย 53 บังคับให้พาไปที่ชุมนุมทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 24 พ.ย.51 คนละ 3 ปี ปรับ 100 บาท สารภาพลดโทษเหลือ 2 ปี ปรับคนละ 66 บาท โดยไม่รอลงอาญา จำเลยที่ 1 โดนเพิ่มมีวิทยุสื่อสาร ปรับ 2,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 3 เสียชีวิตระหว่างพิจารณาให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบ


วันนี้ (10 พ.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา เป็นโจทก์ฟ้องนายธีระเดช วรรณา, นายชัยวัฒน์ ทับทอง, นายธานี อาจสว่าง, นายสมชาย ทองเกียรติ, นายพงษ์พันธ์ กาจันทร์ และนายสมชัย หงสา ทั้งหมดเป็นการ์ดพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จำเลยที่ 1-6 ในความผิดฐานร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยว ข่มขืนใจผู้อื่นโดยใช้กำลัง, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนและวัตถุระเบิด และพกพาอาวุธเข้าไปในเมือง หมู่บ้านโดยไม่มีเหตุอันควร และความผิดตาม พ.ร.บ.วิทยุโทรคมนาคม

โดยตามฟ้องโจทก์สรุปว่าเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2551 จำเลยทั้งหกร่วมกันพกอาวุธปืน, ระเบิดแสวงเครื่อง (ระเบิดปิงปอง) ท่อน้ำเป็นเหล็กกลมตัดปลายแหลมยาว, ไม้กระบองท่อนกลม, หนังสติ๊ก, มีดคัตเตอร์ และเครื่องรับส่งวิทยุชนิดมือถือ นำติดตัวขึ้นไปบนรถโดยสารประจำทางขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ครีมแดง สาย 53 เทเวศร์-รอบเมือง ขู่เข็ญพนักงานขับรถ และพนักงานเก็บค่าโดยสาร ผู้เสียหาย เพื่อให้นำรถไปส่งที่บริเวณที่ชุมนุมเวทีปราศรัยของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งอยู่นอกเส้นทางเดินรถ จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ แต่จำเลยที่ 1 รับสารภาพความผิดฐานพกเครื่องวิทยุสื่อสาร ระหว่างการพิจารณานายธานี จำเลยที่ 3 ถึงแก่ความตาย ศาลจึงให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ

ศาลพิเคราะห์คำฟ้องประกอบคำเบิกความที่ทั้งสองฝ่ายนำสืบต่อสู้กันแล้วเห็นว่าฝ่ายโจทก์นำพยานพนักงานขับรถโดยสารและพนักงานเก็บเงินค่าโดยสาร ซึ่งเป็นประจักษ์พยานเบิกความยืนยันว่าจำเลยทั้ง 6 คน ซึ่งแต่งชุดดำ มีสัญลักษณ์เป็นการ์ดพันธมิตรฯ บุกขึ้นมาบนรถโดยสาร ไล่ผู้โดยสารลง แล้วบังคับให้พนักงานขับรถโดยสารขับรถไปยังทำเนียบรัฐบาล แต่ถูกปฏิเสธ พวกจำเลยจึงไปขับรถเอง แต่ยังควบคุมพยานทั้งสองไว้ไม่ยอมให้ลงจากรถ ดังนั้นศาลเห็นว่าความผิดฐานข่มขืนใจ เมื่อผู้ถูกกระทำรู้สึกกลัวว่าจะได้รับอันตรายทางร่างกายหรือจิตใจก็ทำให้ความผิดสำเร็จแล้ว นอกจากนี้โจทก์ยังนำพยานที่เป็นเจ้าหน้าที่เบิกความถึงขั้นตอนจับกุมและอาวุธมีด-ไม้ สำหรับความผิดฐานร่วมกันพวกพาอาวุธปืนนั้น โจทก์ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่าพวกจำเลยรู้เห็นว่าจำเลยที่ 3 ที่ (เสียชีวิต) มีอาวุธปืนไว้ในกระเป๋าสะพายหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้พวกจำเลย เช่นเดียวกับความผิดฐานครอบครองวัตถุระเบิดซึ่งพยานให้การเพียงว่าพบบนรถประจำทางเท่านั้น

พิพากษาว่าจำเลยที่ 1-2 และ 4-6 มีความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมในความผิดฐานข่มขืนใจผู้อื่นฯ อันเป็นบทหนักสุด ลงโทษจำคุก 3 ปี ฐานพกพาอาวุธเข้าไปในเมืองฯ ลงโทษปรับ 100 บาท คำให้การชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยเป็นเวลา 2 ปี ปรับ 66 บาท โดยไม่รอลงอาญา นอกจากนี้ จำเลยที่ 1 ยังมีความผิดตาม พ.ร.บ.วิทยุโทรคมนาคม กรณีพกพาเครื่องวิทยุสื่อสารโดยไม่ได้รับอนุญาต อีก 1 กระทง ลงโทษปรับ 4,000 บาท คำรับสารภาพเป็นประโยชน์ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ปรับ 2,000 บาท

หลังฟังคำพิพากษาจำเลยทั้ง 5 คน ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดคนละ 200,000 บาท ขอประกันตัวระหว่างอุทธรณ์คดี ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว
กำลังโหลดความคิดเห็น