พนักงานเซเว่นฯ จับตัวยายวัย 65 ปี ส่งตำรวจดำเนินคดีหลังเข้าไปขโมยร่มพับภายในร้าน ยายเจตนารับตั้งใจขโมยร่มจริง อ้างบ้านรวยมีเงินเป็นล้าน และเป็นคนชอบสะสมร่ม ขณะที่ผู้จัดการ บอก ยายเจตนามาซื้อของเป็นประจำ เวลาถูกจับได้ก็มักอ้างทำเป็นหลงๆ ลืมๆ ด้าน ตร.เผย คดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว ไม่สามารถยอมความได้ เตรียมนำตัวส่งศาลฝากขังพรุ่งนี้
วันนี้ (9 พ.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น.ร.ต.อ.วิชิต จันทร์หอม พนักงานสอบสวน (สบ1) สน.ท่าข้าม ได้รับแจ้งจากพนักงานในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น หน้าการเคหะแห่งชาติ โครงการ 3 ถนนพระราม 2 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม.ว่า ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์เอาไว้ได้ หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สายตรวจ สน.ท่าข้าม
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบว่า พนักงานภายในร้านเซเว่น ช่วยกันควบคุมตัวผู้ต้องหาเอาไว้ได้ทราบชื่อต่อมาคือ นางเจตนา แจ่มใส อายุ 65 ปี พร้อมด้วยของกลางเป็นร่วมพับขนาดเล็กราคา 159 บาท จำนวน 1 อัน และนิตยสาร 1 เล่ม อยู่ภายในถุง โดยมี น.ส.สุจีลา ดาวเรือง อายุ 44 ปี ผู้จัดการร้าน ยืนรอให้การว่า ปกติแล้ว นางเจตนา จะมาซื้อของที่ร้านเป็นประจำ และชอบขโมยของ เมื่อถูกจับได้ก็ทำเป็นบอกว่าหลงๆ ลืมๆ และยอมคืนของ บางครั้งก็ยอมจ่ายเงิน ซึ่งพนักงานเห็นว่าเป็นคนแก่ จึงไม่อยากเอาเรื่อง เพียงแค่ตักเตือน
น.ส.สุจีลา กล่าวอีกว่า กระทั่งเมื่อช่วงเช้า นางเจตนา ได้มาที่ร้านพร้อมกับถือถุงมา 1 ใบ ตนจึงบอกให้พนักงานในร้านจับตาดูให้ดี ขณะที่ นางเจตนา เดินไปบริเวณที่เก็บร่ม ตนสังเกตเห็นนางเจตนา หยิบร่มขึ้นมา และแกะซองที่ห่อหุ้มออก ก่อนจะขยำร่มให้ยับ และใส่ในถุงที่ถือมา จากนั้นได้เดินมาที่เคาน์เตอร์จ่ายเงิน แต่ นางเจตนา หยิบนิตยสารมาจ่ายเพียงแค่ 1 เล่ม และหนังสือพิมพ์อีก 2 เล่ม ตนจึงบอกให้พนักงานควบคุมตัวเอาไว้ เนื่องจากนางเจตนาไม่ยอมจ่ายเงินค่าสินค้าอีก 1 อย่าง ซึ่งนางเจตนาได้อ้างกับพนักงาน ว่า แก่แล้วหลงๆ ลืมๆ แต่ตนเห็นว่า นางเจตนา ตั้งใจขโมยสินค้า จึงแจ้งตำรวจให้มาควบคุมตัวไปที่โรงพัก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีดังกล่าวพนักงานเซเว่น ได้แจ้งว่า ผู้ต้องหาต้องจ่ายเงินค่าชดใช้ค่าเสียหาย 20 เท่า ของราคาสินค้า ซึ่งรวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 3,180 บาท แต่เรื่องได้ถึงโรงพัก และมีการแจ้งความดำเนินคดีแล้ว จึงไม่สามารถยอมความกันได้ ต่อมาเรื่องที่เกิดขึ้นรู้ไปถึงหูของบรรดาแม่บ้านตำรวจ ทำให้มีการรวบรวมเงินมาให้กับนางเจตนา แต่เมื่อกลุ่มแม่บ้านนำเงินมาช่วยเหลือ ทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่าไม่สามารถทำได้ เนื่องจากเป็นคดีอาญา และไม่ได้มีการเจรจาตกลงกันตั้งแต่ในเกิดเหตุ ประกอบกับ นางเจตนา ก็ไม่ยอมรับการช่วยเหลือ โดยบอกว่า ที่บ้านมีเงินไม่ต้องการให้ใครมาช่วย กระทั่งเจ้าหน้าที่ต้องควบคุมตัวเข้าห้องขัง แต่นางเจตนา ไม่ยอม อ้างว่า ไม่อยากกินข้าวแดง ทางตำรวจจึงไปซื้อข้าวมันไก่มาให้
จากการสอบสวน นางเจตนา ให้การว่า ตนตั้งใจที่จะขโมยร่มจริง เนื่องจากเป็นคนชอบสะสมร่มอย่างมาก ที่บ้านพักมีร่มเก็บไว้จำนวนมากมีทุกสีทุกแบบ แต่ตนก็เป็นคนหลงๆ ลืมๆ บางครั้งซื้อของก็ไม่ได้จ่ายเงิน บางครั้งจ่ายเงินแล้วแต่ก็ไม่ได้เอาของกลับมา แต่ครั้งนี้ตนตั้งใจที่จะขโมย ซึ่งตนได้เจรจากับพนักงานตั้งแต่ที่ร้านแล้วว่าจะชดใช้ค่าเสียหายให้ เพราะที่บ้านมีเงินตนมีเงินเก็บเป็นล้าน แต่พนักงานไม่ยอม
ด้าน พ.ต.อ.ยุคลเดช ตันสกุล ผกก.สน.ท่าข้าม เปิดเผยว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ จึงแจ้งข้อหาลักทรัพย์ ซึ่งคดีดังกล่าวเป็นคดีอาญาแผ่นดินไม่สามารถยอมความได้ แต่ถ้าหากมีการเจรจากันตั้งแต่ในที่เกิดเหตุก็ถือว่าจบกันไป แต่ตอนนี้เรื่องได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว ทั้งนี้ เบื้องต้นทราบว่า นางเจตนา พักอยู่ที่โกดังในซอยสะแกงาม 18 เพียงลำพัง และมีคนงานอยู่ไม่กี่คน โดย นางเจตนา ทำหน้าที่เป็นคนเฝ้าโกดัง เมื่อติดต่อไปยังน้องชายของนางเจตนาก็ได้รับคำตอบว่าให้ดำเนินคดีไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งในวันพรุ่งนี้จะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังที่ศาลอาญาธนบุรีต่อไป