สังคมยุติธรรม วันนี้ ขอนำเสนอ 2 ความมั่นใจของ 2 ผู้นำ ที่คนแรก คือ นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ส่วนคนหลังคือ นายกรัฐมนตรีคนที่ 23 นักโทษชายหนีคดี ที่ทั้ง 2 ความมั่นใจ ของ 2 บุคคล ถือได้ว่าเป็นสัญญาณอันตรายอาจนำไปสู่ความวุ่นวาย ในบ้านเมือง หลังการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น เพื่อสนองตัณหาพรรคร่วมรัฐบาล"มาร์ค"ที่ต้องการให้มันเกิดขึ้นจริง!
ฝ่ายแรกความมั่นใจของ"นายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ"นายกรัฐมนตรี ที่เขามีความมั่นใจสูงทีเดียวว่า หลังการเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัติย์จะชนะการเลือกตั้งและเขาจะได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีบริหารบ้านเมืองอีกครั้ง ถึงขั้นเคยพูดกับสื่อว่า"สื่อมวลชนอาจจะต้องทนเหนื่อยหน่อย อย่างน้อยจะต้องเจออีกเดือนกว่าๆกับบวกอีกไม่เกิน 4 ปี"
ฝ่ายหลังความมั่นใจของอดีตนายกรัฐมนตรีนักโทษชายหนีคดี"ทักษิณ ชินวัตร"ครั้งเขาได้ วิดีโอลิงก์มายังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อสดุดีวีรชรเสื้อแดง เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2554 เวลา 20.30 น.โดย ทักษิณ พูดมั่นใจว่า"พวกเราต้องการประชาธิปไตยและความเป็นธรรม อยากให้ทุกฝ่ายมาร่วมกันสร้างกติกาเป็นกลาง ถ้าเลือกตั้งคราวนี้ กรรมการไม่เป็นธรรม มีการโกงการเลือกตั้ง ผู้ที่กระทำจะเสียใจไปตลอดชีวิต บ้านเมืองเราจะตกต่ำไปอีกมากมาย พร้อมกับทิ้งท้ายว่า วีรชนของเราต้องไม่ตายฟรี วีรชนของเราต้องไม่บาดเจ็บฟรี ผมจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ในการเยียวยาบุคคลเหล่านั้น ที่บริสุทธิ์เรียกร้องประชาธิปไตยให้ประเทศ และคงกลับไปเจอกันเร็วๆนี้ที่ประเทศไทย"
จาก 2 ความมั่นใจของ "ผู้นำฝ่ายอำมาตย์" กับ "ผู้นำฝ่ายไพร่"หากไปถอดสหัส คำพูดของ 2 บุคคล จึงหนีไม้พ้นที่ประเทศไทยจะเกิดความวุ่นวายอีกครั้ง หลังการเลือกตั้ง
เพราะหากไปดูประกาศรับรองปฎิญญา ที่คนเสื้อแดงให้สัตยาบันร่วมกัน เมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมา พบว่าในข้อ 4 และ 5 เนื้อหาถือว่าไม่ธรรมดา กล่าวคือ ข้อ 4. รณรงค์สนับสนุนพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยที่ต่อต้านระบบอำมาตย์ และเคลื่อนไหวตรวจสอบการเลือกตั้งให้เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม ข้อ 5.สนับสนุนพรรคการเมืองที่ได้รับคะแนนเสียงอันดับหนึ่งอย่างถูกต้องให้จัดตั้งรัฐบาล และต่อต้านอำนาจนอกระบบที่แทรกแซงผลการเลือกตั้งทุกกรณี
โดยมี "นายจตุพร พรหมพันธุ์" ส.ส.เพื่อไทย เป็นตัวปูดประเด็นปูพรหม การทุจริตเลือกตั้งครั้งใหญ่ ด้วยการกล่าวหา กองทัพจัดชุดเกาะติดลงไปปฎิบัติหน้าที่แทรกแซงการเลือกตั้ง
ทำให้ประเด็นปูดข่าวของ "จตุพร พรหมพันธุ์"...นายกฯมาร์ค ได้ตีความไว้ล่วงหน้าว่า นายจตุพร ปูดข่าวดังกล่าวมาเพื่อ มีการเตรียมแผนไว้ล่วงหน้า ด้วยการปั่นกระแสโพลว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้ง ด้วยคะแนนเสียงจำนวนมาก และพยายามสร้างภาพว่าการเลือกตั้งไม่สุจริต เมื่อพรรคเพื่อไทยแพ้เลือกตั้ง จะได้ใช้เป็นข้ออ้างในการสร้างความวุ่นวาย
ดังนั้น กรรมของประเทศไทย หากท้ายสุดมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นจริง ตามวาระที่รัฐบาล"มาร์ค"กำหนด!
ผลแรก!!! พรรคประชาธิปัติย์ ชนะการเลือกตั้ง และได้จัดตั้งรัฐบาล
คำถามตามมาว่า แล้วการบริหารประเทศของรัฐบาลใหม่ ที่มีพรรคประชาธิปัติย์เป็นแกนนำ บ้านเมืองจะอยู่อย่างปกติสุขหรือไม่? ในเมื่อ พรรคเพื่อไทย ที่แพ้การเลือกตั้ง เขาไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งและเชื่อว่ามีการทุจริตมาตั้งแต่ต้น โดยเฉพาะ หัวหน้าม็อบที่ชื่อ"ทักษิณ ชินวัตร"ที่ประกาศไว้ว่า ถ้าเลือกตั้งคราวนี้ กรรมการไม่เป็นธรรม มีการโกงการเลือกตั้ง ผู้ที่กระทำจะเสียใจไปตลอดชีวิต บ้านเมืองเราจะตกต่ำไปอีกมากมาย
ผลสอง!!! พรรคเพื่อไทย ชนะการเลือกตั้ง และได้จัดตั้งรัฐบาล
คำถามตามมาคือ ประเทศไทยจะอยู่อย่างไร ในเมื่อมีการนิรโทษกรรมเกิดขึ้นจริง รับตัว "ชน.ทักษิณ ชินวัตร"กลับมาเป็นใหญ่ในประเทศไทยอีกครั้ง ระบบอำมาตย์จะถูกทำลายหรือไม่? การตามเช็กบิลแก้แค้นศัตรูทางการเมือง จะเกิดตามมาหรือไม่?
ดังนั้น ประเทศไทย สมควรแล้วหรือ ที่จะให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในสถานการณ์ปรองดองปาหี่เช่นนี้?โดย "อภิสิทธิ์ และ ทักษิณ" เขาได้จับประชาชนคนไทยเป็นตัวประกัน เพื่อกลับสู่อำนาจ
ฝ่ายแรกความมั่นใจของ"นายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ"นายกรัฐมนตรี ที่เขามีความมั่นใจสูงทีเดียวว่า หลังการเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัติย์จะชนะการเลือกตั้งและเขาจะได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีบริหารบ้านเมืองอีกครั้ง ถึงขั้นเคยพูดกับสื่อว่า"สื่อมวลชนอาจจะต้องทนเหนื่อยหน่อย อย่างน้อยจะต้องเจออีกเดือนกว่าๆกับบวกอีกไม่เกิน 4 ปี"
ฝ่ายหลังความมั่นใจของอดีตนายกรัฐมนตรีนักโทษชายหนีคดี"ทักษิณ ชินวัตร"ครั้งเขาได้ วิดีโอลิงก์มายังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อสดุดีวีรชรเสื้อแดง เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2554 เวลา 20.30 น.โดย ทักษิณ พูดมั่นใจว่า"พวกเราต้องการประชาธิปไตยและความเป็นธรรม อยากให้ทุกฝ่ายมาร่วมกันสร้างกติกาเป็นกลาง ถ้าเลือกตั้งคราวนี้ กรรมการไม่เป็นธรรม มีการโกงการเลือกตั้ง ผู้ที่กระทำจะเสียใจไปตลอดชีวิต บ้านเมืองเราจะตกต่ำไปอีกมากมาย พร้อมกับทิ้งท้ายว่า วีรชนของเราต้องไม่ตายฟรี วีรชนของเราต้องไม่บาดเจ็บฟรี ผมจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ในการเยียวยาบุคคลเหล่านั้น ที่บริสุทธิ์เรียกร้องประชาธิปไตยให้ประเทศ และคงกลับไปเจอกันเร็วๆนี้ที่ประเทศไทย"
จาก 2 ความมั่นใจของ "ผู้นำฝ่ายอำมาตย์" กับ "ผู้นำฝ่ายไพร่"หากไปถอดสหัส คำพูดของ 2 บุคคล จึงหนีไม้พ้นที่ประเทศไทยจะเกิดความวุ่นวายอีกครั้ง หลังการเลือกตั้ง
เพราะหากไปดูประกาศรับรองปฎิญญา ที่คนเสื้อแดงให้สัตยาบันร่วมกัน เมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมา พบว่าในข้อ 4 และ 5 เนื้อหาถือว่าไม่ธรรมดา กล่าวคือ ข้อ 4. รณรงค์สนับสนุนพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยที่ต่อต้านระบบอำมาตย์ และเคลื่อนไหวตรวจสอบการเลือกตั้งให้เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม ข้อ 5.สนับสนุนพรรคการเมืองที่ได้รับคะแนนเสียงอันดับหนึ่งอย่างถูกต้องให้จัดตั้งรัฐบาล และต่อต้านอำนาจนอกระบบที่แทรกแซงผลการเลือกตั้งทุกกรณี
โดยมี "นายจตุพร พรหมพันธุ์" ส.ส.เพื่อไทย เป็นตัวปูดประเด็นปูพรหม การทุจริตเลือกตั้งครั้งใหญ่ ด้วยการกล่าวหา กองทัพจัดชุดเกาะติดลงไปปฎิบัติหน้าที่แทรกแซงการเลือกตั้ง
ทำให้ประเด็นปูดข่าวของ "จตุพร พรหมพันธุ์"...นายกฯมาร์ค ได้ตีความไว้ล่วงหน้าว่า นายจตุพร ปูดข่าวดังกล่าวมาเพื่อ มีการเตรียมแผนไว้ล่วงหน้า ด้วยการปั่นกระแสโพลว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้ง ด้วยคะแนนเสียงจำนวนมาก และพยายามสร้างภาพว่าการเลือกตั้งไม่สุจริต เมื่อพรรคเพื่อไทยแพ้เลือกตั้ง จะได้ใช้เป็นข้ออ้างในการสร้างความวุ่นวาย
ดังนั้น กรรมของประเทศไทย หากท้ายสุดมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นจริง ตามวาระที่รัฐบาล"มาร์ค"กำหนด!
ผลแรก!!! พรรคประชาธิปัติย์ ชนะการเลือกตั้ง และได้จัดตั้งรัฐบาล
คำถามตามมาว่า แล้วการบริหารประเทศของรัฐบาลใหม่ ที่มีพรรคประชาธิปัติย์เป็นแกนนำ บ้านเมืองจะอยู่อย่างปกติสุขหรือไม่? ในเมื่อ พรรคเพื่อไทย ที่แพ้การเลือกตั้ง เขาไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งและเชื่อว่ามีการทุจริตมาตั้งแต่ต้น โดยเฉพาะ หัวหน้าม็อบที่ชื่อ"ทักษิณ ชินวัตร"ที่ประกาศไว้ว่า ถ้าเลือกตั้งคราวนี้ กรรมการไม่เป็นธรรม มีการโกงการเลือกตั้ง ผู้ที่กระทำจะเสียใจไปตลอดชีวิต บ้านเมืองเราจะตกต่ำไปอีกมากมาย
ผลสอง!!! พรรคเพื่อไทย ชนะการเลือกตั้ง และได้จัดตั้งรัฐบาล
คำถามตามมาคือ ประเทศไทยจะอยู่อย่างไร ในเมื่อมีการนิรโทษกรรมเกิดขึ้นจริง รับตัว "ชน.ทักษิณ ชินวัตร"กลับมาเป็นใหญ่ในประเทศไทยอีกครั้ง ระบบอำมาตย์จะถูกทำลายหรือไม่? การตามเช็กบิลแก้แค้นศัตรูทางการเมือง จะเกิดตามมาหรือไม่?
ดังนั้น ประเทศไทย สมควรแล้วหรือ ที่จะให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในสถานการณ์ปรองดองปาหี่เช่นนี้?โดย "อภิสิทธิ์ และ ทักษิณ" เขาได้จับประชาชนคนไทยเป็นตัวประกัน เพื่อกลับสู่อำนาจ