นักวิชาการอิสระ วอน ปชช.ร่วมใจโหวตโน คัดค้านการเลือกตั้งที่ไม่เป็นธรรม มั่นใจฐานเสียงภาคใต้-กทม.หักปีก รบ.ไก่อ่อนปรองดองพรรคอั้งยี่ปล่อยโจกแดงเผาเมือง เผยเลือกตั้งใหม่ส่อเหลว มั่นใจมีสิทธิเกิดสุญญากาศทางเมืองรอบใหม่แน่ ถึงเวลาคืนอำนาจพระราชอำนาจให้ในหลวง
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "รวมพลัง ปกป้องแผ่นดิน" การเสวนา "ราชอาณาจักรไทยกำลังจะเสียดินแดน"
วันนี้ (28 มี.ค.) ที่สะพานมัฆวานรังสรค์ นายปราโมทย์ นาครทรรพ นักวิชาการอิสระ ได้กล่าวบนเวทีเสวนาราชอาณาจักรไทย กำลังจะเสียดินแดน โดยได้กล่าวย้อนไปเหตุการณ์การทำรัฐประหารเมื่อปี 2549 ในสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และได้มีการแต่งตั้ง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ไม่ได้ทำหน้าที่ให้สมบูรณ์แบบ เป็นเพียงรัฐบาลแค่ขัดตาทัพ เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งให้เร็วที่สุด ทั้งที่อำนาจและรากฐานของข้าราชการในระบอบทักษิณ ที่ได้วางเอาไว้กว่า 5 ปี ยังเหนียวแน่น
และเมื่อจัดให้มีการเลือกตั้ง หลังรัฐบาลสุรยุทธ์ นอมินีทักษิณก็กลับมาจริงๆ ทั้งในยุคของนายสมัคร สุนทรเวช และ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่า มีความพยายามแก้ไขกฎหมายเพื่อออกนิรโทษกรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ จนเกิดโศกนาฏกรรม มีการซ่องสุมกำลัง และจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์ตลอดมา
“วันนี้มาถึงรัฐบาลอภิสิทธิ์ กลายเป็นรัฐบาลไก่อ่อน ก็กลับไปปรองดองกับกลุ่มคนเสื้อแดง โดยปล่อยตัวผู้ก่อการร้าย ที่ก่อเหตุเผาบ้านเมืองออกมาเป็นอิสระ เพื่อเดินหน้าจัดการเลือกตั้ง และเชื่อว่า พรรคอั้งยี่ ที่มีความพร้อมด้านกระสุนดินดำ-ซ่องสุมกำลังพล และวางแผนด้านการข่าวมากกว่าที่รัฐบาล ปชป.ประเมินไว้ จะชนะการเลือกตั้งและกลับเข้ามาจัดตั้งรัฐบาล เพราะมีประสบการณ์ และกองกำลังที่เข้มแข็งมากกว่าเดิม เมื่อนั้นการเมืองก็จะกลับเข้าสู่วิกฤตมากกว่ายุค “นายสมัคร และนายสมชาย อย่างแน่นอน” นายปราโมทย์ กล่าวและว่า
ดังนั้น การมีส่วนร่วมของภาคประชาชน จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการเมืองในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ แม้จำเป็นจะต้องใช้มาตรการทั้งปัจจัยด้านบวกและลบควบคู่กันไป แต่ถือว่าเป็นสิทธิตามระบอบประชาธิปไตยทั้งสิ้น และเรียกร้องให้ประชาชนร่วมใจกันใช้สิทธิโหวตโน เพื่อคัดค้านการเลือกตั้ง ที่ไม่ชอบธรรมอีกครั้ง โดยเชื่อว่า ปชช.ในพื้นที่ ภาคใต้-และ กทม.จะร่วมโหวตโน เพราะรับไม่ได้รับพฤติกรรมของพรรคประชาธิปัตย์ที่ไปร่วมปรองดองกับพรรคอั้งยี่
นายปราโมทย์ กล่าวทิ้งท้ายว่า แต่ลึกๆ แล้ว เชื่อว่า การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นไม่ได้ด้วยซ้ำไป เพราะกระแสการต่อต้านหนาหูมาก ก็เพราะนักการเมืองในสภาเลวทราม ไม่ได้ทำหน้าที่เพื่อรัษาผลประโยชน์ของชาติ แต่ล้วนเป็นแก๊งปล้นชาติ “หากการเมืองถึงคราวจำเป็นต้องเว้นวรรค เพื่อการก้าวกระโดด แต่ไม่ใช่การถอยหลังเข้าคลอง เราต้องร่วมกันสร้างให้เกิดสุญญากาศทางการเมือง เพื่อคืนพระราชอำนาจให้พระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อเข้ามาดำเนินการตามระบอบประชาธิปไตยอย่างที่ควรจะเป็น แต่เราคงไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้ เพราะจะเป็นการชี้โพรงให้กระรอก