"หลังการเลือกตั้งทั่วไป หากพรรคเพื่อไทย ชนะได้เสียงเป็นอันดับ 1 จะประสาน นายบรรหาร ศิลปอาชา เพื่อขอให้มาร่วมจัดตั้งรัฐบาล 2 พรรค และหากพรรคเพื่อไทย ไว้วางใจตน ก็จะไปชวนนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ให้เข้ามาร่วมมือกันอีก แต่ถ้าแพ้พรรคประชาธิปัตย์ ก็จะไม่หน้าด้านไปตั้งรัฐบาลแข่งแน่นอน อย่างไรก็ตาม หากชนะเลือกตั้งแล้วไม่มีใครเป็นนายกฯ ตนก็พร้อมจะเป็นนายกฯ แค่เพียง 6 เดือน เพื่อทำเรื่องนิรโทษกรรมพา พ.ต.ท.ทักษิณ กลับไทย แต่หากไม่ได้เป็นนายกฯ ก็จะนั่งเป็นรองนายกฯ ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย"
นั่นคือ คำประกาศพร้อมเป็นนายกฯ 6 เดือน เพื่อทำเรื่องนิรโทษ พาอดีตนายกฯ ทักษิณ กลับบ้าน ที่เจ้าของฉายา"เป็ดเหลิม"ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ได้พูดไว้เมื่อวันที่ 2 ส.ค.2553
วันนี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ได้ลาออกจาก ส.ส.แต่ยังไม่ลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย ซึ่งหากเขาลาออก แล้วใครที่ไหนละ! จะมาพา"นช.ทักษิณ ชินวัตร"กลับบ้านเก่า
ชื่อของ"ทักษิณ ชินวัตร"อดีตนายกรัฐมนตรี ถือว่ากลับมาอยู่ในหัวใจ อยู่ในอ้อมกอด ของพลพรรคเพื่อไทย และคนรักทักษิณ อีกครัง หลังจาก"นายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ"นายกรัฐมนตรี ให้คำมั่นสัญญาว่า จะยุบสภาสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคม 2554 และหากพรรคเพื่อไทย ชนะการเลือกตั้ง ได้เป็นรัฐบาล เหตุการณ์นิรโทษกรรม ให้กับ"นช.ทักษิณ ชินวัตร"คงเกิดขึ้นล้านเปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ตาม เพื่อย้ำเตือนความทรงจำ จึงขอไปย้อนรอยดูโทษทัณฑ์ของ"นช.ทักษิณ"ว่ามีอะไรบ้าง รวมทั้งผลพวง จากที่เขาได้รับโทษ ว่าเกิดจะไรตามมา และเรื่องทั้งหมด วันนี้ มันไปถึงไหนแล้ว
**โทษคุก 2 ปี หมายจับ 5 คดี**
เริ่มจากโทษของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ได้จากหน่วยงานรัฐ และถือว่าพูดถึงเรื่องของ พ.ต.ท.ทักษิณ ล่าสุด ก็คือกรณี ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)ในขณะนั้น
ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ ศอฉ.ได้แถลงหลัง
ประชุมพิจารณาถึงการนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย โดย ศอฉ.ได้ตรวจสอบพบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีหมายจับจำนวน 5 คดี ประกอบด้วย 1.คดีทุจริตที่ดินรัชดา ซึ่งศาลพิพากษาให้จำคุก 2 ปี โดยไม่มีการรอลงอาญา 2.คดีทุจริตจัดซื้อกล้ายาง 3.คดีหวยบนดิน 4.คดีให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์)ปล่อยกู้ให้ประเทศพม่า และ 5.คดีก่อการร้าย
โดย ศอฉ.วันนั้น มีแนวทางติดตามตัวอดีตนายกรัฐมนตรีมาดำเนินคดี โดยจะรวมทั้ง 5 คดีเข้าด้วยกัน ซึ่ง กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) อัยการสูงสุด และกระทรวงการต่างประเทศ จะทำงานร่วมกันในการเชื่อมโยงคดีเข้าด้วยกัน เบื้องต้น ศอฉ.เห็นว่า หากมีการดำเนินการในเรื่องนี้ จะมีความคืบหน้าในการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดีมากขึ้น
จากนั้น นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ,นายอิทธิพร บุญประคอง อธิบดีกรมสนธิสัญญาระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ,นายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด และพ.ต.อ.สินาด อาจหาญวงศ์ ผู้กำกับการพิเศษ ฝ่ายตำรวจสากล กองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมหารือถึงแนวทางการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังศาลอาญาอนุมัติหมายจับในข้อหาก่อการร้าย
โดยนายธาริต เปิดเผยภายหลังการหารือนานกว่า 1 ชั่วโมง ว่าขั้นตอนจากนี้ทั้ง 3 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะไปดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงาน โดยกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะทำหนังสือระบุถึงรายละเอียดหมายจับของ พ.ต.ท.ทักษิณ แจ้งไปยังสมาชิก 187 ประเทศทั่วโลก ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศ จะทำหนังสือเวียนแจ้งไปยังประเทศสมาชิกเพื่อขอความร่วมมือ ส่วนสำนักงานอัยการสูงสุด จะเป็นดำเนินการตามขั้นตอนการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งกระบวนการทั้งหมดไม่สามารถกำหนดกรอบเวลาในการทำงานได้ เนื่องจากมีรายละเอียดเกี่ยวกับการแปลภาษา ที่ต้องใช้เวลา พร้อมยืนยันว่าจะดำเนินการให้เร็วที่สุด
จากวันนั้น ถึงวันนี้ วันที่คนรักทักษิณ กำลังถวิลหาทักษิณ กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยอีกครั้ง การติดตามตัว"นช.ทักษิณ"กลับไม่ไปถึงไหน และทักษิณ ก็ยังเสวยสุขอยู่ต่างแดน
**ประกาศจับ"ทักษิณ***
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 14 ส.ค.2551 กองทะเบียนประวัติอาชญากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ออกประกาศกองทะเบียนประวัติอาชญากร เรื่อง สืบจับผู้กระทำความผิด ฉบับที่ 353/2551 โดยประกาศดังกล่าวระบุว่า ด้วยได้รับหมายจับและตำหนิรูปพรรณผู้กระทำผิดจากศาล และพนักงานสอบสวนของหน่วยงานต่างๆ เพื่อออกประกาศสืบจับ ดังต่อไปนี้
1.ชื่อ พันตำรวจโททักษิณ ชื่อสกุล ชินวัตร ชื่ออื่น - ชื่อสกุลอื่น - ชื่อภาษาอังกฤษ - เลขประจำตัวประชาชน 3-1006-01824-83-4 เลขหนังสือเดินทาง - ว/ด/ป เกิด 26 ก.ค. 2492 เพศ ชาย เชื้อชาติ ไทย สัญชาติ ไทย อาชีพ นักธุรกิจ ที่อยู่ เลขที่ 472 ซ.จรัญสนิทวงศ์ 69 ถ.จรัญสนิทวงศ์ ตำบล/แขวง บางพลัด อำเภอ/เขต บางพลัด จังหวัด กรุงเทพมหานคร ชื่อบิดา นายบุญเลิศ ชื่อมารดา นางยินดี ชื่อภรรยา/สามี คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ส่วนสูง 173 ซ.ม. น้ำหนัก - กก. รูปร่าง สันทัด ผิว ขาว ผม- ตา กลม ตำหนิ/ลายสัก ลักษณะพิการ - ลักษณะพิการ/ลักษณะอันน่าสังเกต -
หมายจับเลขที่ 2/2551 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เลขคดีดำ 1/2550 เลขคดีแดง 1/2550 วันที่ออกหมาย 13 ส.ค. 2551 ผู้ออกหมาย นายทองหล่อ โฉมงาม ข้อหา เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐดำเนินกิจการเป็นคู่สัญญา หรือมีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐฯ,ปฏิบัติหรือละเว้นฯ,มาตรา 4,100 และ 122 ตามเลขที่คดี - ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พนักงานผู้รับผิดชอบ - ว/อ/ป ที่เกิดเหตุ 11 ส.ค. 2551 เวลา - น. ถึง 11 ส.ค. 2551 เวลา - น. ภายในอายุความ 15 ปี วันขาดอายุความ 12 ส.ค. 2566
**คำประนามของประชาชน**
ผลจากที่เขาได้กระทำความผิดและหลบหนีโทษจำคุก ทำให้"ทักษิณ ชินวัตร"ถูกประชาชนก่นด่าตามมามากมาย โดยเฉพาะความเห็นที่ผ่านเว็บไซด์ ต่างๆอาทิ...
"ผู้นี้กระทำ ร้ายแรงยิ่งกว่า มือปืนรับจ้าง ร้ายแรงยิ่งกว่าคนขายยาบ้าซึ่งถูกจำคุกตลอดชีวิต หรือโดนประหารชีวิต"
"เขาพยายามฆ่าประเทศชาติซึ่งมีประชากร 60 ล้านกว่าคน ด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อประโยชน์ของตนและพ้องพ้อง เพียงไม่กี่คน"
"สิ่ง ต่างๆที่เขาทำ ซึ่งท่านตุลาการรัฐธรรมนูญผู้กล้าหาญได้ชี้แจงให้ชาวไทยได้รับรู้ถึงความเลว ของผู้ที่ไม่รู้จัก "พอ" หลายๆเรื่อง เป็นเรื่องที่ไม่สมควรได้รับการให้อภัย"
**"ถอดยศ"ก็ไปไม่ถึงไหน**
มีนายตำรวจอีก 1 นาย ที่เรื่องการเสนอให้มีการถอดยศยังคงคาอยู่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แม้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะมีคำพิพากษาออมาแล้วก็ ตาม นั่นคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เรื่องดังกล่าวถูกโยนไปมา ตั้งแต่ต้นเรื่อง กฤษฎีกา นายกรัฐมนตรี และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เมื่อปี 2552 ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา พิจารณาที่ระบุว่าเมื่อ "พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก ไม่ว่าเป็นคำพิพากษาของศาลใด ย่อมอยู่ในหลักเกณฑ์ตามระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยการถอดยศตำรวจ พ.ศ.2547 ให้ถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณได้ รวมไปถึงการเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พ.ศ.2548" จึงสามารถดำเนินถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปได้เลย แต่ปรากฏว่า เมื่อเรื่องถูกส่งกลับมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)แล้ว ตร.ยังคงส่งเรื่องให้ฝ่ายกฎหมายไปพิจารณาอีกครั้ง
เข้าใจดีว่า เรื่องการถอดยศ"นช.แม้ว" คนที่เดินเรื่องคงกระอักกระอ่วนใจ เพราะรู้ดีว่า ทั้งบารมีและอำนาจเงินของ"นช.แม้ว" ยังคงมีอิทธิพลสูงอยู่ในยุทธจักรโล่เงิน ทั้งคนที่ยังครองอำนาจบางสายงาน ยังคงเป็นเด็กในคาถาของ"น.ช.แม้ว"อยู่ อีกประเด็น หาก"น.ช.แม้ว"ถูกถอดยศ บรรดาฐานเสียงระดับรากหญ้า ที่ถูกปลุกระดมกรอกหูทุกเช้าเย็นว่า "น.ช.แม้วถูกกลั่นแกล้ง" ก็อาจจะกลายเป็นบัวพ้นใต้น้ำมาได้บ้างไม่มากก็น้อย ด้วยอาจคิดว่า หากไม่ผิดจริง คงไม่ถึงกับถูกถอดยศเป็นมั่นแน่ ดังนั้น กระบวนการที่แฝงตัวเป็น"องครักษ์พิทักษ์แม้ว" ในเรื่องนี้ จึงต้องสกัดกั้นอย่างเต็มกำลังสุดความสามารถ ที่จะไม่ให้เกิดการถอดยศ"พ.ต.ท."ให้เหลือเพียง"นายทักษิณ ชินวัตร"เป็นแน่
ดังนั้น หากพรรคเพื่อไทย ชนะการเลือกตั้ง ได้เป็นรัฐบาล การนิรโทษกรรมให้กับ"นช.ทักษิณ ชินวัตร"เจ้าของพรรคตัวจริง จะต้องเกิดตามมาแน่นอน และหากเป็นเช่นนั้นจริง ก็ต้องถือว่า เป็นความล้มเหลวของกระบวนการยุติธรรมไทยอย่างแท้จริง เพราะคนต้องโทษติดคุก แต่กลับไม่ต้องรับโทษ แต่หากพรรคเพื่อไทย เป็นรัฐบาล และนำ"นช.ทักษิณ"กลับมาติดคุกที่เมืองไทย ประชาชนคนไทย ก็พร้อมที่จะยินดีต้อนรับครับ!