ศุลกากรตรวจยึดงาช้างแอฟริกา 247 กิ่ง ถูกส่งมาจากเคนยา มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท โดยสำแดงเท็จเป็นปลาแมคคาเรลแช่แข็งใส่ตู้คอนเทนเนอร์มา แต่เมื่อเอกซเรย์พบว่าตรงกลางเป็นงาช้างทั้งหมด เผยงาช้างทั้งหมดที่ได้มา ต้องฆ่าช้างป่าแอฟริกาถึง 120 ตัว
วันนี้ (1 เม.ย.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่บริเวณหน้าส่วนกลาง กรมศุลกากร คลองเตย นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมศุลกากร นายเสรี ไทยจงรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักนักสืบสวนปราบปราม แถลงผลการจับกุมงาช้างจากแอฟริกา จำนวน 247 กิ่ง น้ำหนัก 20 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท
นายประสงค์เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 30 มีนาคม เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรงานสืบสวนปราบปราม 4 ฝ่ายสืบสวนปราบปรามที่ 1 ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ตรวจสอบสินค้าของบริษัท พี.เจ.โฟรเซ็น ซึ่งสำแดงสินค้าเป็นปลาแมคคาเรลแช่แข็ง หรือปลาทูแขก น้ำหนัก 12,000 กิโลกรัม นำเข้ามาจากประเทศเคนยา แต่เมื่อทำการตรวจสอบด้วยเครื่องเอกซเรย์พบว่าบริเวณกลางตู้คอนเทนเนอร์มีงาช้างแอฟริกาซุกซ่อนอยู่ในถุงพลาสติกสีเทาและสีดำจำนวนมาก ซึ่งงาช้างดังกล่าวเป็นของต้องห้ามต้องจำกัดในการนำเข้า ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 และอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES)
นายประสงค์กล่าวอีกว่า งาช้างแอฟริกาดังกล่าวมีต้นทางนำเข้ามาจากประเทศเคนยา โดยผู้นำเข้าได้สำแดงชนิดสินค้าเป็นปลาแมคคาเรลแช่แข็งบังหน้าเพื่อขนส่งผ่านมายังประเทศไทยมีปลายทางอยู่ที่มหาชัย แต่ปลายทางที่แท้จริงอาจจะส่งออกไปยังแถบประเทศยุโรป และอเมริกา หรือไม่ก็อาจจนำมาทำเป็นเครื่องราง และของประดับตกแต่ง ส่งขายอยู่ในประเทศไทย ทั้งนี้งาช้างจำนวนดังกล่าวเท่ากับช้างจำนวน 120 ตัว และมีอายุไม่ต่ำกว่า 50 ปี อีกทั้งการตัดงาช้างในลักษณะนี้ไม่ใช่การเลื่อย แต่เป็นการฆ่าช้างแล้วตัดเอางาออกมาเพราะยังมีซากชิ้นเนื้อของช้างติดอยู่ ถือเป็นการกระทำที่โหดร้ายและน่าสลดเป็นอย่างยิ่ง
“สำหรับบริษัทดังกล่าว จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าได้ปิดบริษัทหลบหนีไปแล้ว ไม่สามารถติดต่อได้ อย่างไรก็ตาม ทางกรมศุลกากรจะเร่งตรวจสอบการนำเข้าและส่งออกสินค้าต่างๆ อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้าสินค้าต้องห้ามต้องจำกัด ส่วนของกลางงาช้างที่ตรวจยึดได้จะต้องนำส่งให่กรมอุทยานฯ ต่อไป” นายประสงค์กล่าว
วันนี้ (1 เม.ย.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่บริเวณหน้าส่วนกลาง กรมศุลกากร คลองเตย นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมศุลกากร นายเสรี ไทยจงรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักนักสืบสวนปราบปราม แถลงผลการจับกุมงาช้างจากแอฟริกา จำนวน 247 กิ่ง น้ำหนัก 20 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท
นายประสงค์เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 30 มีนาคม เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรงานสืบสวนปราบปราม 4 ฝ่ายสืบสวนปราบปรามที่ 1 ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ตรวจสอบสินค้าของบริษัท พี.เจ.โฟรเซ็น ซึ่งสำแดงสินค้าเป็นปลาแมคคาเรลแช่แข็ง หรือปลาทูแขก น้ำหนัก 12,000 กิโลกรัม นำเข้ามาจากประเทศเคนยา แต่เมื่อทำการตรวจสอบด้วยเครื่องเอกซเรย์พบว่าบริเวณกลางตู้คอนเทนเนอร์มีงาช้างแอฟริกาซุกซ่อนอยู่ในถุงพลาสติกสีเทาและสีดำจำนวนมาก ซึ่งงาช้างดังกล่าวเป็นของต้องห้ามต้องจำกัดในการนำเข้า ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 และอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES)
นายประสงค์กล่าวอีกว่า งาช้างแอฟริกาดังกล่าวมีต้นทางนำเข้ามาจากประเทศเคนยา โดยผู้นำเข้าได้สำแดงชนิดสินค้าเป็นปลาแมคคาเรลแช่แข็งบังหน้าเพื่อขนส่งผ่านมายังประเทศไทยมีปลายทางอยู่ที่มหาชัย แต่ปลายทางที่แท้จริงอาจจะส่งออกไปยังแถบประเทศยุโรป และอเมริกา หรือไม่ก็อาจจนำมาทำเป็นเครื่องราง และของประดับตกแต่ง ส่งขายอยู่ในประเทศไทย ทั้งนี้งาช้างจำนวนดังกล่าวเท่ากับช้างจำนวน 120 ตัว และมีอายุไม่ต่ำกว่า 50 ปี อีกทั้งการตัดงาช้างในลักษณะนี้ไม่ใช่การเลื่อย แต่เป็นการฆ่าช้างแล้วตัดเอางาออกมาเพราะยังมีซากชิ้นเนื้อของช้างติดอยู่ ถือเป็นการกระทำที่โหดร้ายและน่าสลดเป็นอย่างยิ่ง
“สำหรับบริษัทดังกล่าว จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าได้ปิดบริษัทหลบหนีไปแล้ว ไม่สามารถติดต่อได้ อย่างไรก็ตาม ทางกรมศุลกากรจะเร่งตรวจสอบการนำเข้าและส่งออกสินค้าต่างๆ อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้าสินค้าต้องห้ามต้องจำกัด ส่วนของกลางงาช้างที่ตรวจยึดได้จะต้องนำส่งให่กรมอุทยานฯ ต่อไป” นายประสงค์กล่าว