ตำรวจทราบแล้ว ศพถูกฆ่ายัดกล่อง เป็นนักธุรกิจชาวมาเลเซีย มีภรรยาเป็นชาวอินโดนีเซีย แต่ยังไม่พบต้นเหตุของปมสังหาร รวมทั้งการสอบปากคำภรรยาผู้ตาย อาจยังมีอะไรปกปิดอยู่ เบื้องต้นตั้งปมขัดแย้งส่วนตัว หรือเรื่องธุรกิจ ที่มีการติดต่อประสานกับเพื่อนผู้ตายในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
วันนี้ (31 มี.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่ห้องประชุมปารุสกวัน 1 กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รองผบช.น. พร้อมพล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รองผบช.น. พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รองผบก.น.5 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางนา และ สน.ราษฎร์บูรณะ เรียกประชุมนายตำรวจเพื่อเร่งรัดการสืบสวนสอบสวนคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
พล.ต.ต.สุเมธ กล่าวก่อนเข้าประชุม ว่า คดีพบศพชายถูกฆาตกรรมยัดใส่กล่องกระดาษ ทิ้งในกองขยะย่านบางนานั้น จากการตรวจสอบสัญชาติทราบว่าผู้ตายเป็นชาวมาเลเซีย และมีภรรยาเป็นชาวอินโดนีเชีย เดินทางเข้ามายังประเทศไทยแล้วพักโรงแรมในพื้นที่ สน.หัวหมาก ย่านรามคำแหง 81 มีหลักฐานว่าผู้ตายเดินทางเข้าประเทศไทยหลายครั้ง โดยมักมาติดต่อเรื่องธุรกิจ และจากการสอบถามภรรยาผู้ตายยังให้รายละเอียดไม่ชัดเจนอาจมีการปกปิดข้อมูลกับตำรวจอยู่
พล.ต.ต.สุเมธ กล่าวอีกว่า คดีมีความคืบหน้าพอสมควร ขณะนี้ตำรวจกำลังอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าผู้ตายได้ติดต่อกับใคร หรือไม่ เบื้องต้นจากการสอบถามภรรยาทราบว่า ผู้ตายทำธุรกิจส่วนตัว จากการตรวจสอบผู้ตายมีการติดต่อประสานงานกับเพื่อนทาง 3 จังหวัดชายแดนใต้ ส่วนรถกระบะต้องสงสัยตำรวจกำลังตรวจสอบอยู่ว่าเกี่ยวข้องกันหรือไม่ ส่วนประเด็นการฆาตกรรมอาจเป็นไม่ได้หลายอย่าง เช่น ความขัดแย้งส่วนตัว ธุรกิจส่วนตัว เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ตายชื่อ Mr.Ramli Bin Otlunan อายุ 58 ปี สัญชาติมาเลเซีย โดยผู้ตายได้เดินทางเข้าประเทศไทยล่าสุดเมื่อวันที่ 26 มี.ค.54 เวลาประมาณ 07.00-08.00 น.และหายไปเมื่อวันที่ 27 มี.ค.54 เวลาประมาณ 22.00 น.จากที่พักโรงแรมแอนดา ย่านรามคำแหง กับชายไทยชื่อเล่นว่า “ยู” เพื่อไปรับประทานอาหารย่านรามคำแหง 61
พล.ต.ต.สุเมธ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าคดีปล้นทองท้องที่ สน.ราษฎร์บูรณะ มีคดีค้างเก่าเปรียญเทียบพฤติการณ์คนร้ายกับคดีนี้ ว่า วันนี้ได้เชิญสารวัตรสืบสวน สน.พหลโยธิน มา เนื่องจากเมื่อปี 2553 ช่วงปลายปีมีคนร้าย 1 คน ใช้อาวุธปืนปล้นร้านทองพื้นที่ สน.พหลโยธิน และยิงผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บ คนร้ายใช้มือซ้ายถือปืน จึงนำข้อมูลมาเทียบกันว่าเป็นคนร้ายรายเดียวกันหรือไม่
“ส่วนคดีปล้นทองท้องที่ราษฎร์บูรณะ หลังจากพบรถจักรยานยนต์และหมวกกันน็อกของคนร้ายที่นำไปจอดทิ้งพื้นที่ สภ.พระประแดง จึงให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานไปเก็บลายนิ้วมือแฝงอย่างละเอียด เบื้องต้นทราบตัวผู้ต้องสงสัยแล้วแต่ขอเวลาเพื่อความชัดเจน ส่วนหมายจับยังไม่มีการออก เพราะพยานหลักฐานไม่เพียงพอต้องรอรวบรวมก่อน นอกจากนี้ ยังมีพลเมืองดีช่วยแจ้งเบาะแสของคนร้ายด้วย ส่วนรางวัลนำจับ 1 แสนบาทยังเหมือนเดิม” รองผบช.น. กล่าว
วันนี้ (31 มี.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่ห้องประชุมปารุสกวัน 1 กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รองผบช.น. พร้อมพล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รองผบช.น. พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รองผบก.น.5 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางนา และ สน.ราษฎร์บูรณะ เรียกประชุมนายตำรวจเพื่อเร่งรัดการสืบสวนสอบสวนคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
พล.ต.ต.สุเมธ กล่าวก่อนเข้าประชุม ว่า คดีพบศพชายถูกฆาตกรรมยัดใส่กล่องกระดาษ ทิ้งในกองขยะย่านบางนานั้น จากการตรวจสอบสัญชาติทราบว่าผู้ตายเป็นชาวมาเลเซีย และมีภรรยาเป็นชาวอินโดนีเชีย เดินทางเข้ามายังประเทศไทยแล้วพักโรงแรมในพื้นที่ สน.หัวหมาก ย่านรามคำแหง 81 มีหลักฐานว่าผู้ตายเดินทางเข้าประเทศไทยหลายครั้ง โดยมักมาติดต่อเรื่องธุรกิจ และจากการสอบถามภรรยาผู้ตายยังให้รายละเอียดไม่ชัดเจนอาจมีการปกปิดข้อมูลกับตำรวจอยู่
พล.ต.ต.สุเมธ กล่าวอีกว่า คดีมีความคืบหน้าพอสมควร ขณะนี้ตำรวจกำลังอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าผู้ตายได้ติดต่อกับใคร หรือไม่ เบื้องต้นจากการสอบถามภรรยาทราบว่า ผู้ตายทำธุรกิจส่วนตัว จากการตรวจสอบผู้ตายมีการติดต่อประสานงานกับเพื่อนทาง 3 จังหวัดชายแดนใต้ ส่วนรถกระบะต้องสงสัยตำรวจกำลังตรวจสอบอยู่ว่าเกี่ยวข้องกันหรือไม่ ส่วนประเด็นการฆาตกรรมอาจเป็นไม่ได้หลายอย่าง เช่น ความขัดแย้งส่วนตัว ธุรกิจส่วนตัว เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ตายชื่อ Mr.Ramli Bin Otlunan อายุ 58 ปี สัญชาติมาเลเซีย โดยผู้ตายได้เดินทางเข้าประเทศไทยล่าสุดเมื่อวันที่ 26 มี.ค.54 เวลาประมาณ 07.00-08.00 น.และหายไปเมื่อวันที่ 27 มี.ค.54 เวลาประมาณ 22.00 น.จากที่พักโรงแรมแอนดา ย่านรามคำแหง กับชายไทยชื่อเล่นว่า “ยู” เพื่อไปรับประทานอาหารย่านรามคำแหง 61
พล.ต.ต.สุเมธ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าคดีปล้นทองท้องที่ สน.ราษฎร์บูรณะ มีคดีค้างเก่าเปรียญเทียบพฤติการณ์คนร้ายกับคดีนี้ ว่า วันนี้ได้เชิญสารวัตรสืบสวน สน.พหลโยธิน มา เนื่องจากเมื่อปี 2553 ช่วงปลายปีมีคนร้าย 1 คน ใช้อาวุธปืนปล้นร้านทองพื้นที่ สน.พหลโยธิน และยิงผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บ คนร้ายใช้มือซ้ายถือปืน จึงนำข้อมูลมาเทียบกันว่าเป็นคนร้ายรายเดียวกันหรือไม่
“ส่วนคดีปล้นทองท้องที่ราษฎร์บูรณะ หลังจากพบรถจักรยานยนต์และหมวกกันน็อกของคนร้ายที่นำไปจอดทิ้งพื้นที่ สภ.พระประแดง จึงให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานไปเก็บลายนิ้วมือแฝงอย่างละเอียด เบื้องต้นทราบตัวผู้ต้องสงสัยแล้วแต่ขอเวลาเพื่อความชัดเจน ส่วนหมายจับยังไม่มีการออก เพราะพยานหลักฐานไม่เพียงพอต้องรอรวบรวมก่อน นอกจากนี้ ยังมีพลเมืองดีช่วยแจ้งเบาะแสของคนร้ายด้วย ส่วนรางวัลนำจับ 1 แสนบาทยังเหมือนเดิม” รองผบช.น. กล่าว
