ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้ความสนใจคดีฆาตกรรมฆ่ายัดกล่องกระดาษ นำไปทิ้งในกองขยะ เบื้องต้นยังไม่รู้เป็นใครมาจากไหน แต่พุ่งเป้าไปที่ชาวต่างชาติ โดยเฉพาะมาเลเซีย และอินโดนีเซีย หรือจีน สั่งสายสืบโรงพัก และศูนย์สืบนครบาลควานหาเบาะแส เชื่อไม่นานได้ความกระจ่าง
วันนี้ (30 มี.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น.ที่ สน.บางนา พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น.เรียกประชุมนายตำรวจที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามความคืบหน้าในการคลี่คลายคดี ศพชายถูกฆาตกรรมยัดใส่กล่องกระดาษ ทิ้งในกองขยะย่านบางนา โดยมี พ.ต.อ.คมศักดิ์ สุมังเกษตร ผกก.สน.บางนา พ.ต.ท.ต่อเกียรติ พรหมบุตร รองผกก.สส.สน.บางนา พ.ต.ท.นฤดล พุ่มพวง สว.สส.สน.บางนา ร่วมประชุมโดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที
พล.ต.ท.จักรทิพย์ กล่าวภายหลังการประชุม ว่า ที่เดินทางมาร่วมประชุมเพื่อเร่งรัดในการสืบสวนสอบสวนคดีนี้ และแบ่งหน้าที่ในการทำคดี ซึ่งไม่เพียงเฉพาะฝ่ายสืบสวนที่ต้องติดตามคดีเท่านั้น แต่ได้มอบหมายให้สายตรวจลงพื้นที่ เพื่อช่วยหาเบาะแสทั้งผู้ตาย และผู้ร้าย โดยเน้นการตรวจสอบตามหอพัก อพาร์ตเมนต์ เป็นหลัก โดยจากการสอบพยานในที่เกิดเหตุ พบว่า ให้การที่เป็นประโยชน์ในการหาเบาะแสคนร้าย โดยมีผู้พบเห็นรถต้องสงสัยเป็นรถกระบะโตโยต้า ไมตี้เอ็กซ์ สีน้ำเงินเข้ม ขับเข้ามาบริเวณที่เกิดเหตุเวลาประมาณตี 3-4 ในวันที่พบศพ และยังมีชายฉกรรจ์ 3 คน นั่งกระบะด้านหลัง เปิดสัญญาณไฟฉุกเฉินเข้าไปในกองขยะ เหมือนเอาอะไรมาทิ้ง แต่พยานไม่ได้สนใจรายละเอียด เนื่องจากคิดว่าเข้ามาทิ้งขยะตามปกติ จึงได้สั่งการให้ไปสอบถามพยานเพิ่มเติมและตรวจกล้องวงจรปิดด้วย
พล.ต.ท.จักรทิพย์ กล่าวอีกว่า ส่วนเบาะแสอื่นๆ เช่น เสื้อผ้าที่ผู้ตายสวมใส่นั้น ให้ไปตรวจสอบเพิ่ม เนื่องจากเสื้อของผู้ตายมีไหมพรมเย็บติดอยู่ที่ป้ายยี่ห้อที่ปกด้านหลัง คาดว่า จะเป็นเสื้อที่ส่งร้านซักรีด รวมทั้งบุหรี่ที่พบในตัวผู้ตาย พบว่า มีที่จำหน่ายเฉพาะกลุ่ม โดยมีแหล่งจำหน่ายบริเวณหน้า ม.รามคำแหง 1-2 และแหวนที่ผู้ตายสวมใส่ มีอักษรภาษาจีน 2 ตัว ก็ให้ไปตรวจสอบว่ามีความหมายอย่างไร สามารถใช้ระบุความเป็นมาของผู้ตายได้หรือไม่ ทั้งนี้ ในช่วงบ่ายจะได้ผลตรวจดีเอ็นเอจากกองพิสูจน์หลักฐาน จะส่งให้สถานทูตมาเลเซีย กับอินโดนีเซีย ว่าเป็นคนของประเทศเหล่านี้หรือไม่ เนื่องจากพบว่าไฟแช็กของผู้ตายผลิตในประเทศมาเลเซีย และบุหรี่ผลิตในประเทศอินโดนีเซีย สำหรับประเด็นการสืบสวนยังคงมุ่งเน้น 3 ประเด็น คือ เรื่องชู้สาว เรื่องสวนตัว และขัดแย้งทางธุรกิจ
ขณะที่ พ.ต.อ.คมศักดิ์ เปิดเผยว่า หลังพบศพดังกล่าว พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ รองผบช.น.ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในคดี ประกอบด้วย พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น.พร้อมตน และพนักงานสืบสวนสอบสวน สน.บางนา เพื่อแบ่งงานหน้าที่รับผิดชอบในการติดตามคดี โดยเป้าหมายหลักในขณะนี้ มุ่งหาว่าผู้ตายเป็นใคร มาจากไหน โดยฝ่ายสืบสวน สน.บางนา รับผิดชอบการสืบหา โดยนำรูปผู้ตายไปสอบถามตามหอพัก คอนโดมิเนียมในรอบที่เกิดเหตุรัศมี 2 กม.เพื่อสืบหาว่าเป็นใคร เพราะคาดว่าผู้ตายน่าจะอาศัยอยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ เพราะการเคลื่อนย้ายศพไม่น่าจะทำได้อย่างโจ่งแจ้ง รวมทั้งสืบหาแหล่งที่มาของกล่องที่ใส่ศพ และถุงดำ ว่า ผลิตมาจากที่ใด เพื่อเป็นเบาะแสในการติดตามคนร้าย สำหรับการตรวจสอบสภาพศพเบื้องต้น พบว่า ผู้ตายมีลักษณะคล้ายชาวจีน สูงประมาณ 160 เซนติเมตร ส่วนสาเหตุการฆาตกรรม สันนิษฐานเบื้องต้นว่า น่าจะเกิดจากเหตุเฉพาะหน้าระหว่างกลุ่มคนร้ายกับผู้ตาย
พ.ต.อ.คมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนศูนย์สืบสวน ผบช.น.ได้รับหน้าที่ในการประสานข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สตม.เพื่อตรวจสอบรูปพรรณสัณฐานผู้ตายว่ามาจากที่ใด และกองพิสูจน์หลักฐานเพื่อขอผลตรวจดีเอ็นเอ และลายพิมพ์นิ้วมือ ว่า มีอยู่ในแฟ้มประวัติอาชญากรว่าเคยมีประวัติต้องคดีภายในราชอาณาจักรหรือไม่ รวมทั้งดูผลดีเอ็นเอ ว่า สามารถระบุได้หรือไม่ว่าเป็นชาวเอเชียในแถบใด ประเทศใด เพื่อระบุตัวผู้ตายต่อไป
วันนี้ (30 มี.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น.ที่ สน.บางนา พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น.เรียกประชุมนายตำรวจที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามความคืบหน้าในการคลี่คลายคดี ศพชายถูกฆาตกรรมยัดใส่กล่องกระดาษ ทิ้งในกองขยะย่านบางนา โดยมี พ.ต.อ.คมศักดิ์ สุมังเกษตร ผกก.สน.บางนา พ.ต.ท.ต่อเกียรติ พรหมบุตร รองผกก.สส.สน.บางนา พ.ต.ท.นฤดล พุ่มพวง สว.สส.สน.บางนา ร่วมประชุมโดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที
พล.ต.ท.จักรทิพย์ กล่าวภายหลังการประชุม ว่า ที่เดินทางมาร่วมประชุมเพื่อเร่งรัดในการสืบสวนสอบสวนคดีนี้ และแบ่งหน้าที่ในการทำคดี ซึ่งไม่เพียงเฉพาะฝ่ายสืบสวนที่ต้องติดตามคดีเท่านั้น แต่ได้มอบหมายให้สายตรวจลงพื้นที่ เพื่อช่วยหาเบาะแสทั้งผู้ตาย และผู้ร้าย โดยเน้นการตรวจสอบตามหอพัก อพาร์ตเมนต์ เป็นหลัก โดยจากการสอบพยานในที่เกิดเหตุ พบว่า ให้การที่เป็นประโยชน์ในการหาเบาะแสคนร้าย โดยมีผู้พบเห็นรถต้องสงสัยเป็นรถกระบะโตโยต้า ไมตี้เอ็กซ์ สีน้ำเงินเข้ม ขับเข้ามาบริเวณที่เกิดเหตุเวลาประมาณตี 3-4 ในวันที่พบศพ และยังมีชายฉกรรจ์ 3 คน นั่งกระบะด้านหลัง เปิดสัญญาณไฟฉุกเฉินเข้าไปในกองขยะ เหมือนเอาอะไรมาทิ้ง แต่พยานไม่ได้สนใจรายละเอียด เนื่องจากคิดว่าเข้ามาทิ้งขยะตามปกติ จึงได้สั่งการให้ไปสอบถามพยานเพิ่มเติมและตรวจกล้องวงจรปิดด้วย
พล.ต.ท.จักรทิพย์ กล่าวอีกว่า ส่วนเบาะแสอื่นๆ เช่น เสื้อผ้าที่ผู้ตายสวมใส่นั้น ให้ไปตรวจสอบเพิ่ม เนื่องจากเสื้อของผู้ตายมีไหมพรมเย็บติดอยู่ที่ป้ายยี่ห้อที่ปกด้านหลัง คาดว่า จะเป็นเสื้อที่ส่งร้านซักรีด รวมทั้งบุหรี่ที่พบในตัวผู้ตาย พบว่า มีที่จำหน่ายเฉพาะกลุ่ม โดยมีแหล่งจำหน่ายบริเวณหน้า ม.รามคำแหง 1-2 และแหวนที่ผู้ตายสวมใส่ มีอักษรภาษาจีน 2 ตัว ก็ให้ไปตรวจสอบว่ามีความหมายอย่างไร สามารถใช้ระบุความเป็นมาของผู้ตายได้หรือไม่ ทั้งนี้ ในช่วงบ่ายจะได้ผลตรวจดีเอ็นเอจากกองพิสูจน์หลักฐาน จะส่งให้สถานทูตมาเลเซีย กับอินโดนีเซีย ว่าเป็นคนของประเทศเหล่านี้หรือไม่ เนื่องจากพบว่าไฟแช็กของผู้ตายผลิตในประเทศมาเลเซีย และบุหรี่ผลิตในประเทศอินโดนีเซีย สำหรับประเด็นการสืบสวนยังคงมุ่งเน้น 3 ประเด็น คือ เรื่องชู้สาว เรื่องสวนตัว และขัดแย้งทางธุรกิจ
ขณะที่ พ.ต.อ.คมศักดิ์ เปิดเผยว่า หลังพบศพดังกล่าว พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ รองผบช.น.ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในคดี ประกอบด้วย พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น.พร้อมตน และพนักงานสืบสวนสอบสวน สน.บางนา เพื่อแบ่งงานหน้าที่รับผิดชอบในการติดตามคดี โดยเป้าหมายหลักในขณะนี้ มุ่งหาว่าผู้ตายเป็นใคร มาจากไหน โดยฝ่ายสืบสวน สน.บางนา รับผิดชอบการสืบหา โดยนำรูปผู้ตายไปสอบถามตามหอพัก คอนโดมิเนียมในรอบที่เกิดเหตุรัศมี 2 กม.เพื่อสืบหาว่าเป็นใคร เพราะคาดว่าผู้ตายน่าจะอาศัยอยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ เพราะการเคลื่อนย้ายศพไม่น่าจะทำได้อย่างโจ่งแจ้ง รวมทั้งสืบหาแหล่งที่มาของกล่องที่ใส่ศพ และถุงดำ ว่า ผลิตมาจากที่ใด เพื่อเป็นเบาะแสในการติดตามคนร้าย สำหรับการตรวจสอบสภาพศพเบื้องต้น พบว่า ผู้ตายมีลักษณะคล้ายชาวจีน สูงประมาณ 160 เซนติเมตร ส่วนสาเหตุการฆาตกรรม สันนิษฐานเบื้องต้นว่า น่าจะเกิดจากเหตุเฉพาะหน้าระหว่างกลุ่มคนร้ายกับผู้ตาย
พ.ต.อ.คมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนศูนย์สืบสวน ผบช.น.ได้รับหน้าที่ในการประสานข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สตม.เพื่อตรวจสอบรูปพรรณสัณฐานผู้ตายว่ามาจากที่ใด และกองพิสูจน์หลักฐานเพื่อขอผลตรวจดีเอ็นเอ และลายพิมพ์นิ้วมือ ว่า มีอยู่ในแฟ้มประวัติอาชญากรว่าเคยมีประวัติต้องคดีภายในราชอาณาจักรหรือไม่ รวมทั้งดูผลดีเอ็นเอ ว่า สามารถระบุได้หรือไม่ว่าเป็นชาวเอเชียในแถบใด ประเทศใด เพื่อระบุตัวผู้ตายต่อไป
