“ประวุฒิ” ปฏิเสธกล่าวหาพันธมิตรฯ ให้น้ำดื่มเจ้าหน้าที่จนท้องเสีย แต่สาเหตุตำรวจ 39 นายท้องเสีย จากข้าวผัดปูบูด คาดทำไว้นานและตากแดด ทำให้อาหารเป็นพิษ เตรียมเสนอ ครม.ขอขยายเวลาใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง อีก 15-30 วัน ใน 7 เขตเดิม ก่อนหมดอายุ 23 มี.ค.และยังคงเตรียมกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยในวันพรุ่งนี้ (19 มี.ค.) ม็อบแดงเคลื่อนไหว
วันนี้ (18 มี.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส.แถลงผลการประชุม ศอ.รส.ว่า พรุ่งนี้ (19 มี.ค.) จะมีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งนัดรวมตัวกันเวลา 13.00 น.ที่แยกราชประสงค์ และเคลื่อนตัวไปที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยใช้เส้นทางเดิม คือ จากแยกราชประสงค์ มุ่งหน้าแยกประตูน้ำ เลี้ยวซ้ายไปตาม ถ.เพชรบุรี เข้า ถ.หลานหลวง มุ่งหน้าสะพานผ่านฟ้า และเข้าถ.ราชดำเนิน ไปรวมตัวกันที่ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สำหรับการใช้กำลังตำรวจดูแลความปลอดภัย จำนวน 23 กองร้อย ดูแลความปลอดภัยบริเวณรัฐสภา และ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จำนวน 5 กองร้อย และทำเนียบรัฐบาล 10 กองร้อย และ จำนวน 3 กองร้อย จะดูแลตลอดเส้นทางการเคลื่อนขบวน จึงประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าว หรือสอบถามได้ที่สายด่วน 1197
พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวต่อว่า ศอ.รส.คาดว่า วันพรุ่งนี้ (19 มี.ค.) หรือ คืนนี้ อาจมีการลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาล จึงตรึงกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้ที่บริเวณรัฐสภาด้วย หากเสร็จภารกิจเมื่อไหร่จะถอนกำลังมาดูแลพื้นที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยต่อไป
พล.ต.ต.ประวุฒิ ยังชี้แจงกรณีที่พิธีกรของกลุ่มพันธมิตรฯ ได้กล่าวหาว่า ตนไปบอกว่า พันธมิตรฯ เป็นคนนำน้ำดื่มให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนทำให้ท้องเสีย ว่า ตนไม่เคยพูดข้อความกล่าวหาพันธมิตรฯแต่อย่างใด และสำหรับสาเหตุที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 39 นาย ท้องเสียเกิดจากข้าวผัดปู ซึ่งคาดว่าเป็นอาหารที่ทำไว้นานและตากแดดไว้ทำให้อาหารเป็นพิษ
โฆษก ศอ.รส.ยังกล่าวถึงกระแสข่าวว่า ควรจะมีการนำพระราชกำหนดในสถานการณ์ฉุกเฉินมาใช้ในการดูแลการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า ทาง ศอ.รส.ยังไม่มีแนวคิดนั้น เนื่องจากไม่มีสถานการณ์ใดที่บ่งบอกได้ว่ามีสถานการณ์ที่ฉุกเฉิน ซึ่งจะยังคงใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงต่อไป โดยที่ประชุมเตรียมขยายเวลาใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงไปอีก 15-30 วัน ใน 7 เขตเดิม และบ้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยจะเสนอ ครม.ในวันที่ 22 มี.ค.นี้ ก่อนที่จะหมดอายุในวันที่ 23 มี.ค.โดยยังไม่มีการขยายพื้นที่ความมั่นคงเพิ่มไปยังบ้านบุคคลสำคัญท่านใด
เมื่อถามว่า ทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มพันธมิตรฯ และกลุ่มประชาชนไทยหัวใจรักชาติได้ พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า ที่จริงแล้ว พ.ร.บ.ความมั่นคงเป็นมาตรการป้องกันปราบปราม เช่น เราใช้การปรามไม่ให้ไปชุมนุมที่หน้ารัฐสภา และทำเนียบรัฐบาล และมาตรการห้ามเข้าพื้นที่ เหมือนเป็นการควบคุม ซึ่งอาจดูเหมือนว่าตำรวจไม่ได้ทำอะไร แต่จริงๆ แล้วเราเน้นการป้องกันได้กลุ่มผู้ชุมนุมทำผิดกฎหมายเราก็สามารถนำกฎหมายอื่นมาบังคับใช้ได้อีก จึงไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย
เมื่อถามว่า กลุ่มประชาชนไทยหัวใจรักชาติ มีมติแล้วว่า ถ้ารัฐบาลไม่ช่วย นายวีระ สมความคิด ที่ถูกคุมขังอยู่ประเทศกัมพูชา ก็จะไม่ยอมออกจากพื้นที่ พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดูมติของแกนนำคนอื่นด้วย แต่ถ้าหากไม่ออกจากพื้นที่ เจ้าหน้าที่จะมีมาตรการอื่นๆ ตามมา ซึ่งมาตรการต่อไปคงไม่สามารถบอกทางสื่อมวลชนได้ เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมจะมีการป้องกันทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานลำบากมากขึ้น
ถามอีกว่า จะยังคงให้ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 เจรจาต่อไปใช่หรือไม่ โฆษก ศอ.รส.กล่าวว่า ยังมีการเจรจาอยู่ และอาจเปลี่ยนคนเจรจา รวมถึงมีสภาพบังคับอย่างอื่นด้วย เนื่องจากทุกวันนี้ผู้ชุมนุมยังคงทำความผิดอยู่ทุกวัน
เมื่อถามอีกว่า มีการต่อรองไม่ให้มีการสั่งฟ้องข้อหาก่อการร้าย กับแกนนำพันธมิตรฯ เพื่อยกเลิกกับการชุมนุมครั้งนี้หรือไม่ โฆษก ศอ.รส.กล่าวว่า สองเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกัน