ผบ.ตร. แถลงโชว์จับแก๊งโจรกรรมพระพุทธรูปโบราณ ยึดคืนหลวงพ่อเชียงแสน พระพุทธรูปสมัยล้านนาอายุกว่า 500 ปี ที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมศิลปากร และพระพุทธรูปอีกกว่า 50 รายการ สารภาพเคยลักพระจาก 7 วัดดังทั่วประเทศ เผยแก๊งนี้เป็นขบวนการใหญ่มีเครือข่ายทั่วประเทศ ทำตามใบสั่งส่งขายในและนอก คนร้ายมีคดีติดตัวกว่า 40 คดี ตำรวจเร่งตามจับหัวหน้าแก๊งที่ยังหลบหนีอยู่
วันนี้ (18 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.เดชาวัต รามสมภพ ผบช.ภ.3 พล.ต.ต.ประยนต์ ลาเสือ ผบก.สส.ภ.3 และนายอนันต์ ชูโชติ ผอ.สำนักพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ แถลงการจับกุมแก๊งโจรกรรมพระพุทธรูปโบราณ ประกอบด้วย นายอดิศร หรือ สิงห์ ใจมา อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7 ม.5 ต.บางพลี อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา และนายปราโมทย์ หรือโมทย์ ชินรินทร์ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 100 ซ.พระยามนธาตุ แยก 35 แขวงและเขตบางบอน กทม. พร้อมของกลางพระพุทธรูปสำริด ปางมารวิชัย ศิลปะล้านนา อายุกว่า 500 ปี ซึ่งถูกโจรกรรมจากวัดมะกอกศรีมาราม ต.รอบเมือง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี พระพุทธรูป 6 รายการ ที่ถูกโจรกรรมจากพิพิธภัณฑ์วัดบัว อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา และเชิงเทียน เรือสุพรรณหงส์ ที่ถูกโจรกรรมจากวัดโคกสว่าง อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดมาอีก 45 รายการ
พล.ต.อ.วิเชียรกล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับการประสานจาก กรมศิลปากรให้ติดตามหลวงพ่อเชียงแสน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสำริด ปางมารวิชัย ศิลปะล้านนา อายุกว่า 500 ปี ซึ่งถูกคนร้ายโจรกรรมจากวัดมะกอกศรีมาราม ต.รอบเมือง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 2554 จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ท.เดชาวัต รามสมภพ ผบช.ภ.3 เร่งจัดชุดสืบสวนติดตามจับกุมตัวคนร้าย และติดตามพระพุทธรูปดังกล่าวกลับคืน กระทั่งเมื่อวันที่ 9 มี.ค.54 พล.ต.ต.ประยนต์ ลาเสือ ผบก.สส.ภ.3 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ภาณุ บุรณศิริ รองผบก.สส.ภ.3 ได้นำกำลังเข้าจับกุมตัวนายอดิศร และนายปราโมทย์ ได้ที่ร้านเช่าพระแห่งหนึ่งย่าน จ.นนทบุรี
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับนายชยพล หรือต๋อง วงศ์ใหญ่ นายพนม มีถาวร และน.ส.แอน บุญไชย ที่อยู่ระหว่างหลบหนี ร่วมกันโจรกรรมพระของกลางจริง และยังเคยร่วมกันโจรกรรมพระพุทธรูปจากวัดต่างๆ รวม 7 วัด คือ 1.เมื่อวันที่ 15 ม.ค.54 วัดมะออกศรีมาราม อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี 2.วันที่ 5 พ.ย.53 พิพิธภัณฑ์วัดบัว อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา 3.เมื่อปี 2552 วัดไม่ทราบชื่อใน จ.ขอนแก่น 4.เมื่อวันที่ 8 พ.ย.53 วัดกัลปพฤกษ์ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร 5.เมื่อวันที่ 27 พ.ย.53 วัดปทุมวัน อ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา 6.เมื่อวันที่ 16 ม.ค.54 วัดสัมปทาน อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม 7.เมื่อเดือน มี.ค.54 วัดชัยชนะวิหาร ,วัดโนนจาน อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ
ด้าน นายอนันต์กล่าวว่า หลังจากนี้จะได้ไปตรวจสอบพระพุทธรูปของกลาง โดยเฉพาะหลวงพ่อเชียงแสน ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมศิลปากร จากการตรวจสอบพบว่ามีร่องรอยชำรุดที่พระเนตร ส่วนของทองที่หุ้มองค์พระก็ถูกลอกออกไป สำหรับพระพุทธรูปองค์นี้เป็นพระพุทธรูปสมัยล้านนา สร้างในราวพุทธศตวรรษที่ 20-23 อายุกว่า 500 ปี ไม่สามารถประเมินค่าได้ และเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้าน ซึ่งที่ผ่านมาทางวัดก็ได้เก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี มีการล็อคกุญแจถึง 3 ชั้น แต่ก็ยังถูกคนร้ายโจรกรรมไปได้ ซึ่งหลังจากรับพระพุทธรูปกลับไปยังวัดจะได้กำชับให้มีการวางมาตรการรักษาความปลอดภัยให้รัดกุม และระมัดระวังให้มากกว่านี้ นอกจากนี้จะได้ขึ้นทะเบียนพระพุทธรูปองค์อื่นๆ หากมีการสูญหายจะได้มีข้อมูลในการติดตามกลับคืนได้
ด้าน พล.ต.ต.ประยนต์กล่าวว่า สำหรับคนร้ายแก๊งนี้เป็นขบวนการใหญ่ มีเครือข่ายทั่วประเทศ โดยพฤติการณ์จะทำทีไปทำบุญที่วัดต่างๆ เพื่อดูลาดเลา ก่อนลงมือโจรกรรม ซึ่งบางครั้งก็มีการโจรกรรมตามใบสั่ง โดยพระพุทธรูปที่โจรกรรมมาได้จะมีการส่งจำหน่ายทั้งในประเทศ และต่างประเทศ จากการตรวจสอบประวัติคนร้ายแก๊งนี้มีคดีติดตัวกว่า 40 คดี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคดีลักทรัพย์ หลังจากนี้จะเร่งสืบสวนติดตามผู้ที่ร่วมขบวนการที่ยังหลบหนีอยู่ โดยเฉพาะนายชยพล หรือต๋อง วงศ์ใหญ่ หัวหน้าแก๊ง ส่วนของกลางพระพุทธรูปปางต่างๆ ที่ตำรวจยึดได้ และยังไม่มีผู้มาแสดงตัวเป็นเจ้าของ ทางตำรวจก็จะประกาศตามหาเจ้าของและที่มาต่อไป ทั้งนี้ ประชาชนทั่วไปสามารถตรวจได้ที่เว็บไซต์ www.ppr3.go.th
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการแถลงข่าว พล.ต.อ.วิเชียรได้ส่งมอบหลวงพ่อเชียงแสนให้แก่นายธนิตย์ ฤทธิเจริญ ไวยาวัจกร วัดมะกอกศรีมาราม เพื่อนำกลับไปประดิษฐานไว้ที่วัด ขณะเดียวกัน นายธนิตย์ได้มอบช่อดอกไม้ให้แก่ พล.ต.อ.วิเชียร เพื่อขอบคุณตำรวจที่สามารถติดตามพระพุทธรูปกลับคืนมาได้
วันนี้ (18 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.เดชาวัต รามสมภพ ผบช.ภ.3 พล.ต.ต.ประยนต์ ลาเสือ ผบก.สส.ภ.3 และนายอนันต์ ชูโชติ ผอ.สำนักพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ แถลงการจับกุมแก๊งโจรกรรมพระพุทธรูปโบราณ ประกอบด้วย นายอดิศร หรือ สิงห์ ใจมา อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7 ม.5 ต.บางพลี อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา และนายปราโมทย์ หรือโมทย์ ชินรินทร์ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 100 ซ.พระยามนธาตุ แยก 35 แขวงและเขตบางบอน กทม. พร้อมของกลางพระพุทธรูปสำริด ปางมารวิชัย ศิลปะล้านนา อายุกว่า 500 ปี ซึ่งถูกโจรกรรมจากวัดมะกอกศรีมาราม ต.รอบเมือง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี พระพุทธรูป 6 รายการ ที่ถูกโจรกรรมจากพิพิธภัณฑ์วัดบัว อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา และเชิงเทียน เรือสุพรรณหงส์ ที่ถูกโจรกรรมจากวัดโคกสว่าง อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดมาอีก 45 รายการ
พล.ต.อ.วิเชียรกล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับการประสานจาก กรมศิลปากรให้ติดตามหลวงพ่อเชียงแสน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสำริด ปางมารวิชัย ศิลปะล้านนา อายุกว่า 500 ปี ซึ่งถูกคนร้ายโจรกรรมจากวัดมะกอกศรีมาราม ต.รอบเมือง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 2554 จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ท.เดชาวัต รามสมภพ ผบช.ภ.3 เร่งจัดชุดสืบสวนติดตามจับกุมตัวคนร้าย และติดตามพระพุทธรูปดังกล่าวกลับคืน กระทั่งเมื่อวันที่ 9 มี.ค.54 พล.ต.ต.ประยนต์ ลาเสือ ผบก.สส.ภ.3 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ภาณุ บุรณศิริ รองผบก.สส.ภ.3 ได้นำกำลังเข้าจับกุมตัวนายอดิศร และนายปราโมทย์ ได้ที่ร้านเช่าพระแห่งหนึ่งย่าน จ.นนทบุรี
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับนายชยพล หรือต๋อง วงศ์ใหญ่ นายพนม มีถาวร และน.ส.แอน บุญไชย ที่อยู่ระหว่างหลบหนี ร่วมกันโจรกรรมพระของกลางจริง และยังเคยร่วมกันโจรกรรมพระพุทธรูปจากวัดต่างๆ รวม 7 วัด คือ 1.เมื่อวันที่ 15 ม.ค.54 วัดมะออกศรีมาราม อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี 2.วันที่ 5 พ.ย.53 พิพิธภัณฑ์วัดบัว อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา 3.เมื่อปี 2552 วัดไม่ทราบชื่อใน จ.ขอนแก่น 4.เมื่อวันที่ 8 พ.ย.53 วัดกัลปพฤกษ์ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร 5.เมื่อวันที่ 27 พ.ย.53 วัดปทุมวัน อ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา 6.เมื่อวันที่ 16 ม.ค.54 วัดสัมปทาน อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม 7.เมื่อเดือน มี.ค.54 วัดชัยชนะวิหาร ,วัดโนนจาน อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ
ด้าน นายอนันต์กล่าวว่า หลังจากนี้จะได้ไปตรวจสอบพระพุทธรูปของกลาง โดยเฉพาะหลวงพ่อเชียงแสน ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมศิลปากร จากการตรวจสอบพบว่ามีร่องรอยชำรุดที่พระเนตร ส่วนของทองที่หุ้มองค์พระก็ถูกลอกออกไป สำหรับพระพุทธรูปองค์นี้เป็นพระพุทธรูปสมัยล้านนา สร้างในราวพุทธศตวรรษที่ 20-23 อายุกว่า 500 ปี ไม่สามารถประเมินค่าได้ และเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้าน ซึ่งที่ผ่านมาทางวัดก็ได้เก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี มีการล็อคกุญแจถึง 3 ชั้น แต่ก็ยังถูกคนร้ายโจรกรรมไปได้ ซึ่งหลังจากรับพระพุทธรูปกลับไปยังวัดจะได้กำชับให้มีการวางมาตรการรักษาความปลอดภัยให้รัดกุม และระมัดระวังให้มากกว่านี้ นอกจากนี้จะได้ขึ้นทะเบียนพระพุทธรูปองค์อื่นๆ หากมีการสูญหายจะได้มีข้อมูลในการติดตามกลับคืนได้
ด้าน พล.ต.ต.ประยนต์กล่าวว่า สำหรับคนร้ายแก๊งนี้เป็นขบวนการใหญ่ มีเครือข่ายทั่วประเทศ โดยพฤติการณ์จะทำทีไปทำบุญที่วัดต่างๆ เพื่อดูลาดเลา ก่อนลงมือโจรกรรม ซึ่งบางครั้งก็มีการโจรกรรมตามใบสั่ง โดยพระพุทธรูปที่โจรกรรมมาได้จะมีการส่งจำหน่ายทั้งในประเทศ และต่างประเทศ จากการตรวจสอบประวัติคนร้ายแก๊งนี้มีคดีติดตัวกว่า 40 คดี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคดีลักทรัพย์ หลังจากนี้จะเร่งสืบสวนติดตามผู้ที่ร่วมขบวนการที่ยังหลบหนีอยู่ โดยเฉพาะนายชยพล หรือต๋อง วงศ์ใหญ่ หัวหน้าแก๊ง ส่วนของกลางพระพุทธรูปปางต่างๆ ที่ตำรวจยึดได้ และยังไม่มีผู้มาแสดงตัวเป็นเจ้าของ ทางตำรวจก็จะประกาศตามหาเจ้าของและที่มาต่อไป ทั้งนี้ ประชาชนทั่วไปสามารถตรวจได้ที่เว็บไซต์ www.ppr3.go.th
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการแถลงข่าว พล.ต.อ.วิเชียรได้ส่งมอบหลวงพ่อเชียงแสนให้แก่นายธนิตย์ ฤทธิเจริญ ไวยาวัจกร วัดมะกอกศรีมาราม เพื่อนำกลับไปประดิษฐานไว้ที่วัด ขณะเดียวกัน นายธนิตย์ได้มอบช่อดอกไม้ให้แก่ พล.ต.อ.วิเชียร เพื่อขอบคุณตำรวจที่สามารถติดตามพระพุทธรูปกลับคืนมาได้
