อิสรภาพของ 7 แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ประกอบด้วย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นพ.เหวง โตจิราการ, นายก่อแก้ว พิกุลทอง, นายนิสิต สินธุไพร, นายขวัญชัย ไพรพนา, นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย และนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก จำเลยในคดีก่อการร้ายอันสืบเนื่องจากเหตุการณ์วุ่นวาย ปล้นสะดม เผาบ้านเผาเมือง เมื่อเดือนพฤษภาคม 2553
ศาลอาญา มีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัวเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เหมือนเป็นการส่งสัญญาณปลดโซ่ตรวน-เปิดประตูเรือนจำ เพราะหลังจากนั้นขบวนการยื่นประกันกลุ่มแกนนำและแนวร่วม นปช.ที่ร่วมก่อการร้ายก็ขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง
ชั่วโมงนี้ พูดได้ว่าศาลอาญา “หัวกระไดไม่แห้ง” เพราะทีมทนายความ นปช.เรียงหน้ากันหอบหลักทรัพย์นับแสนนับล้านเดินขึ้นบันไดศาลยื่นขอประกันตัวกลุ่มแนวร่วมที่ยังอยู่ในคุกจนกลายเป็นเรื่องสนุก จากที่เคยยื่นประกันแสนยากเย็นกลายเป็นเรื่องง่ายดาย แนวร่วมแดงหลายรายทยอยกันถูกปล่อยตัวตามแกนนำออกจากคุก
ส่วนทางฟากฝั่งของรัฐบาลที่เคยเป็นคู่กรณีกับคนเสื้อแดง ก็เปลี่ยนแปลงท่าที ท่องแต่คาถาสมานฉันท์ ถึงขั้นส่งคนระดับรองนายกรัฐมนตรีอย่าง “พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์” ไปเป็นพยานการันตีขอให้ศาลปล่อยตัวแกนนำ นปช. ขอเพียงให้บ้านเมืองเดินสู่การเลือกตั้งอย่างสงบ ไม่สนว่ากลุ่มคนเหล่านี้เคยมีพฤติการณ์อย่างไร
เหตุผลสำคัญที่ เสธ.หนั่น อ้างต่อศาล คือ กลุ่มแกนนำเหล่านี้ล้วนแต่เป็นพวกที่ไม่นิยมความรุนแรง เมื่อบ้านเมืองสงบสุขก็ควรได้รับโอกาสออกมาสู้คดีนอกคุกเพื่อความสมานฉันท์
แต่ล่าสุดเมื่อศาลสั่งให้ประกันตัวกลุ่มแนวร่วมแดง ซึ่งมีรายชื่อของ “นายสุรชัย หรือหรั่ง เทวรัตน์” จำเลยที่ 17 ในคดีก่อการร้าย ก็ทำให้หลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่าศาลใช้มาตรฐานอะไรในการสั่งประกัน
เป็นที่ทราบกันดีว่าชายคนนี้ไม่มีแนวคิดสมานฉันท์ หากยังจำกันได้ในวันที่ถูกจับกุมหนุ่มวัยเบญจเพส ลูกน้องคนสนิท พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก คนนี้เคยรับสารภาพต่อหน้านายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่าเขาเกี่ยวข้องกับการใช้ความรุนแรงของคนเสื้อแดงในหลายเหตุการณ์ รวมทั้งการใช้อาวุธร้ายแรงยิงใส่เจ้าหน้าที่ทหารที่บริเวณสี่แยกคอกวัว เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 จนเป็นเหตุให้ พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม รอง เสธ.พล.ร.2 รอ และทหารอีก 4 นาย เสียชีวิต
คำสั่งปล่อยตัว นายสรุชัย หรือ หรั่ง เทวรัตน์ อาจทำให้สังคมตั้งข้อสงสัย ไม่นานก็คงลืมกันไปเพราะคนไทยลืมง่าย แต่สำหรับผู้ที่ต้องสูญเสียสามีไปจากการกระทำของจำเลยรายนี้ คงไม่มีวันลืม
คุณนิชา หิรัญบูรณะ (ธุวธรรม) ภรรยา พ.อ.ร่มเกล้า เปิดใจกับ ASTVผู้จัดการ ถึงเรื่องนี้ว่า ในฐานะของคนที่ต้องสูญเสียสามี ยอมรับว่ารู้สึกกลัวหากจำเลยที่ได้รับการประกันตัว เขาเป็นคนที่ใช้อาวุธร้ายแรงทำร้ายประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐจริง และยังอดหวั่นใจไม่ได้ว่าเขาจะกลับไปก่อเหตุร้ายซ้ำซากทำให้เกิดความรุนแรงในบ้านเมืองขึ้นอีก เพราะส่วนตัวไม่อยากจะให้เกิดความสูญเสียขึ้นอีกแล้วไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใด สีใด เพราะทุกคนเป็นคนไทยเหมือนกัน นอกจากนี้ยังหวั่นว่าการปล่อยตัวครั้งนี้จะเป็นการเปิดโอกาสให้คนผิดหลบหนีคดี
คุณนิชาบอกว่า เมื่อครั้งที่ดีเอสไอจับกุมตัวนายสุรชัยมาแถลงข่าว หนำซ้ำเจ้าตัวยังรับสารภาพด้วยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความรุนแรงโดยเฉพาะที่สี่แยกคอกวัว ตอนนั้นตนเองค่อนข้างมั่นใจว่ากฎหมายจะลงโทษคนผิดได้อย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้สถานการณ์บ้านเมืองเปลี่ยนไป เมื่อศาลมีคำสั่งให้ประกันตัวจำเลยก็ถือเป็นดุลพินิจของศาล ต้องให้ความเคารพ แม้จะมีความแคลงใจอยู่บ้างเพราะตัวจำเลยเองก็เคยรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อความรุนแรงในหลายเหตุการณ์ แต่ตนก็ยังเชื่อมั่นว่ากระบวนการยุติธรรมยังคงเป็นที่พึ่งของประชาชน และคงไม่ไปเรียกร้องอะไรเพราะเชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นพนักงานสอบสวนดีเอสไอ พนักงานอัยการ รวมทั้งผู้พิพากษาต่างก็ทำหน้าที่ของตัวอย่างเคร่งครัดอยู่แล้ว
“ดิฉันยึดถือพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ว่าทุกคนมีหน้าที่และต้องปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เพื่อความเจริญมั่นคงแก่ประเทศชาติ ดิฉันเป็นข้าราชการก็มุ่งมั่นปฏิบัติงานในหน้าที่ให้ดีที่สุด และเชื่อมั่นว่าข้าราชการทุกคน รวมทั้งผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมต่างก็ปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ จึงทำให้ยังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมอยู่”
คุณนิชายังฝากถึงแกนนำ นปช.ว่า ที่ผ่านมา นปช.เรียกร้องความยุติธรรมให้ผู้ที่ถูกคุมขัง และผู้เสียชีวิต 91 ศพ จากเหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้น แต่ตนอยากจะบอกว่า ใน 91 ศพนั้น ไม่ได้มีเพียงแนวร่วม นปช. แต่ยังมีเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ รวมทั้งประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ต้องมาเสียชีวิตจากการทำหน้าที่ปกป้องระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และรักษาความสงบของประเทศชาติ อีกทั้งจากรายงานการสอบสวนหลายคดีกลับพบว่าเกิดจากการใช้ความรุนแรงของฝ่าย นปช.ด้วย
ดังนั้น หากจะเรียกร้องอิสรภาพให้ใคร อยากให้คิดด้วยว่ายังมีภรรยาทหาร ครอบครัวผู้เสียชีวิตที่ต้องอดทนอดกลั้นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นกัน
ศาลอาญา มีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัวเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เหมือนเป็นการส่งสัญญาณปลดโซ่ตรวน-เปิดประตูเรือนจำ เพราะหลังจากนั้นขบวนการยื่นประกันกลุ่มแกนนำและแนวร่วม นปช.ที่ร่วมก่อการร้ายก็ขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง
ชั่วโมงนี้ พูดได้ว่าศาลอาญา “หัวกระไดไม่แห้ง” เพราะทีมทนายความ นปช.เรียงหน้ากันหอบหลักทรัพย์นับแสนนับล้านเดินขึ้นบันไดศาลยื่นขอประกันตัวกลุ่มแนวร่วมที่ยังอยู่ในคุกจนกลายเป็นเรื่องสนุก จากที่เคยยื่นประกันแสนยากเย็นกลายเป็นเรื่องง่ายดาย แนวร่วมแดงหลายรายทยอยกันถูกปล่อยตัวตามแกนนำออกจากคุก
ส่วนทางฟากฝั่งของรัฐบาลที่เคยเป็นคู่กรณีกับคนเสื้อแดง ก็เปลี่ยนแปลงท่าที ท่องแต่คาถาสมานฉันท์ ถึงขั้นส่งคนระดับรองนายกรัฐมนตรีอย่าง “พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์” ไปเป็นพยานการันตีขอให้ศาลปล่อยตัวแกนนำ นปช. ขอเพียงให้บ้านเมืองเดินสู่การเลือกตั้งอย่างสงบ ไม่สนว่ากลุ่มคนเหล่านี้เคยมีพฤติการณ์อย่างไร
เหตุผลสำคัญที่ เสธ.หนั่น อ้างต่อศาล คือ กลุ่มแกนนำเหล่านี้ล้วนแต่เป็นพวกที่ไม่นิยมความรุนแรง เมื่อบ้านเมืองสงบสุขก็ควรได้รับโอกาสออกมาสู้คดีนอกคุกเพื่อความสมานฉันท์
แต่ล่าสุดเมื่อศาลสั่งให้ประกันตัวกลุ่มแนวร่วมแดง ซึ่งมีรายชื่อของ “นายสุรชัย หรือหรั่ง เทวรัตน์” จำเลยที่ 17 ในคดีก่อการร้าย ก็ทำให้หลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่าศาลใช้มาตรฐานอะไรในการสั่งประกัน
เป็นที่ทราบกันดีว่าชายคนนี้ไม่มีแนวคิดสมานฉันท์ หากยังจำกันได้ในวันที่ถูกจับกุมหนุ่มวัยเบญจเพส ลูกน้องคนสนิท พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก คนนี้เคยรับสารภาพต่อหน้านายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่าเขาเกี่ยวข้องกับการใช้ความรุนแรงของคนเสื้อแดงในหลายเหตุการณ์ รวมทั้งการใช้อาวุธร้ายแรงยิงใส่เจ้าหน้าที่ทหารที่บริเวณสี่แยกคอกวัว เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 จนเป็นเหตุให้ พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม รอง เสธ.พล.ร.2 รอ และทหารอีก 4 นาย เสียชีวิต
คำสั่งปล่อยตัว นายสรุชัย หรือ หรั่ง เทวรัตน์ อาจทำให้สังคมตั้งข้อสงสัย ไม่นานก็คงลืมกันไปเพราะคนไทยลืมง่าย แต่สำหรับผู้ที่ต้องสูญเสียสามีไปจากการกระทำของจำเลยรายนี้ คงไม่มีวันลืม
คุณนิชา หิรัญบูรณะ (ธุวธรรม) ภรรยา พ.อ.ร่มเกล้า เปิดใจกับ ASTVผู้จัดการ ถึงเรื่องนี้ว่า ในฐานะของคนที่ต้องสูญเสียสามี ยอมรับว่ารู้สึกกลัวหากจำเลยที่ได้รับการประกันตัว เขาเป็นคนที่ใช้อาวุธร้ายแรงทำร้ายประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐจริง และยังอดหวั่นใจไม่ได้ว่าเขาจะกลับไปก่อเหตุร้ายซ้ำซากทำให้เกิดความรุนแรงในบ้านเมืองขึ้นอีก เพราะส่วนตัวไม่อยากจะให้เกิดความสูญเสียขึ้นอีกแล้วไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใด สีใด เพราะทุกคนเป็นคนไทยเหมือนกัน นอกจากนี้ยังหวั่นว่าการปล่อยตัวครั้งนี้จะเป็นการเปิดโอกาสให้คนผิดหลบหนีคดี
คุณนิชาบอกว่า เมื่อครั้งที่ดีเอสไอจับกุมตัวนายสุรชัยมาแถลงข่าว หนำซ้ำเจ้าตัวยังรับสารภาพด้วยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความรุนแรงโดยเฉพาะที่สี่แยกคอกวัว ตอนนั้นตนเองค่อนข้างมั่นใจว่ากฎหมายจะลงโทษคนผิดได้อย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้สถานการณ์บ้านเมืองเปลี่ยนไป เมื่อศาลมีคำสั่งให้ประกันตัวจำเลยก็ถือเป็นดุลพินิจของศาล ต้องให้ความเคารพ แม้จะมีความแคลงใจอยู่บ้างเพราะตัวจำเลยเองก็เคยรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อความรุนแรงในหลายเหตุการณ์ แต่ตนก็ยังเชื่อมั่นว่ากระบวนการยุติธรรมยังคงเป็นที่พึ่งของประชาชน และคงไม่ไปเรียกร้องอะไรเพราะเชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นพนักงานสอบสวนดีเอสไอ พนักงานอัยการ รวมทั้งผู้พิพากษาต่างก็ทำหน้าที่ของตัวอย่างเคร่งครัดอยู่แล้ว
“ดิฉันยึดถือพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ว่าทุกคนมีหน้าที่และต้องปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เพื่อความเจริญมั่นคงแก่ประเทศชาติ ดิฉันเป็นข้าราชการก็มุ่งมั่นปฏิบัติงานในหน้าที่ให้ดีที่สุด และเชื่อมั่นว่าข้าราชการทุกคน รวมทั้งผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมต่างก็ปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ จึงทำให้ยังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมอยู่”
คุณนิชายังฝากถึงแกนนำ นปช.ว่า ที่ผ่านมา นปช.เรียกร้องความยุติธรรมให้ผู้ที่ถูกคุมขัง และผู้เสียชีวิต 91 ศพ จากเหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้น แต่ตนอยากจะบอกว่า ใน 91 ศพนั้น ไม่ได้มีเพียงแนวร่วม นปช. แต่ยังมีเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ รวมทั้งประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ต้องมาเสียชีวิตจากการทำหน้าที่ปกป้องระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และรักษาความสงบของประเทศชาติ อีกทั้งจากรายงานการสอบสวนหลายคดีกลับพบว่าเกิดจากการใช้ความรุนแรงของฝ่าย นปช.ด้วย
ดังนั้น หากจะเรียกร้องอิสรภาพให้ใคร อยากให้คิดด้วยว่ายังมีภรรยาทหาร ครอบครัวผู้เสียชีวิตที่ต้องอดทนอดกลั้นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นกัน