“ธาริต” โต้ ส.ส.ยันดีเอสไอทำคดีล้มเจ้าต่อเนื่อง เผย ศาลได้อนุมัติออกหมายจับคนทำผิดเพิ่มอีก 5 ราย อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเตรียมขอออกหมายจับอีกหลายราย
วันนี้ (28 ก.พ.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้อภิปรายในสภา เมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา ในวาระการพิจารณารายงานแสดงผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยเนื้อหาบางตอนกล่าวพาดพิง หรือโจมตีการปฏิบัติงานของดีเอสไอ เกี่ยวกับการดำเนินคดีพิเศษที่ 101/2553 ซึ่งเป็นคดีความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรฯ หรือ “คดีล้มเจ้า” ว่า ดำเนินคดีด้วยความล่าช้า และไม่มีความคืบหน้า อาจทำให้ประชาชนโดยทั่วไปเกิดความสับสน หรือเข้าใจในเรื่องดังกล่าวคลาดเคลื่อน ไปจากข้อเท็จจริง จนเป็นเหตุให้ดีเอสไอได้รับความเสียหาย ว่า หลังจากที่ กคพ.ได้มีมติครั้งที่ 4/2553 ลงวันที่ 3 พฤษภาคม 2553 เห็นชอบให้การกระทำความผิดทางอาญาเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรฯ กรณีกล่าวหาว่ากลุ่มบุคคลกระทำการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญาเป็นคดีพิเศษ ตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2) ดีเอสไอได้สืบสวนสอบสวนเรื่องดังกล่าวนี้มาโดยตลอด ทั้งการตรวจสอบข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต ข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวข้อง หรืออาจสนับสนุนการกระทำความผิด ข้อมูลการติดต่อสื่อสารทางโทรศัพท์ของกลุ่มบุคคลเป้าหมายที่เป็นผู้กระทำผิด การตรวจสอบความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงของบุคคลที่กระทำผิดในรูปแบบการปราศรัย วิทยุชุมชน การโฟนอินเข้ามายังบริเวณที่มีการชุมชนทางการเมือง ซึ่งสามารถยืนยันได้ว่า มีกลุ่มบุคคล กระทำความผิด โดยมีแผนประทุษกรรมเป็นเครือข่ายในรูปแบบต่างๆ เช่น เครือข่ายทางอินเทอร์เน็ต เครือข่ายทางวิทยุชุมชน เครือข่ายทางสื่อสิ่งพิมพ์ เครือข่ายเกี่ยวกับการเดินสายปราศรัยในสถานที่ต่างๆ รวมทั้งยังมีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพฤติการณ์ และการกระทำของบุคคลในฐานความผิดดังกล่าวต่างกรรมต่างวาระกัน
นายธาริต กล่าวต่อไปว่า ดีเอสไอได้ดำเนินคดีเฉพาะรายกับผู้กระทำผิดเพิ่มเติมนอกเหนือจากการดำเนินคดีพิเศษ ที่ 101/2553 รวมทั้งสิ้นอีกจำนวน 17 คดี ซึ่งศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับผู้กระทำผิดไว้แล้ว จำนวน 5 ราย และอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับอีกหลายราย
นอกจากนี้ จากการสืบสวนขยายผล ยังพบว่ามีกลุ่มบุคคลนอกเหนือจากกลุ่มบุคคลจำนวน 39 รายชื่อที่ ศอฉ. ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษไว้ได้กระทำความผิดในลักษณะเป็นเครือข่ายทางระบบอินเทอร์เน็ตด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นกัน