ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - พ่อเมืองเชียงใหม่สั่งตั้งชุดเฉพาะกิจปราบช้างเร่ร่อน เร่งทำหนังสือแจ้งผู้นำท้องถิ่นทุกพื้นที่ แจ้งเบาะแสทันทีหากพบเห็นคนนำช้างออกหากิน-พักนอนช่วงกลางวัน ก่อนประสานสถาบันคชบาลลำปางช่วยขนย้าย
นายสุรชัย จงรักษ์ ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า เพื่อให้การแก้ไขปัญหาการนำช้างจากต่างจังหวัดมาเดินเร่ร่อนหารายได้ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นการทารุณกรรมช้าง สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว ส่งผลถึงภาพลักษณ์ในทางลบของเชียงใหม่ด้วย โดยหม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้แต่งตั้งชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาช้างเร่ร่อนขึ้น โดยมีปลัดจังหวัดเป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการ และมีผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเชียงใหม่ เป็นเลขานุการ เพื่อดำเนินการตรวจปราบปรามจับกุมการกระทำผิด กรณีมีการนำช้างมาเดินเร่ร่อนหารายได้ในเชียงใหม่
ปลัดจังหวัดเชียงใหม่กล่าวอีกว่า ซึ่งชุดปฏิบัติการได้หารือกันแล้ว ได้ข้อสรุปถึงแนวทางปฏิบัติว่า ภาคกลางวันจังหวัดจะทำหนังสือถึงนายอำเภอทุกอำเภอ แจ้งให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ถือปฏิบัติ กรณีมีการนำช้างไปพักค้างในพื้นที่ให้แจ้งนายอำเภอทราบ จากนั้นให้อำเภอรายงานจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อดำเนินการต่อไป
ส่วนภาคกลางคืน หากพบเห็นการนำช้างมาเร่ร่อนในพื้นที่เขตอำเภอเมืองเชียงใหม่ ให้แจ้งที่โทรศัพท์สายด่วน 199 หรือ 191 จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่จะประสานแจ้งเทศบาลนครเชียงใหม่ เจ้าของพื้นที่ทราบเหตุ และประสานชุดปฏิบัติการฯ ระดมพลร่วมปฏิบัติการ รวมถึงแจ้งสถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ จ.ลำปาง นำรถบรรทุกมาขนย้ายช้างไปพักค้างที่สถาบันคชบาลแห่งชาติ ตามกรอบอำนาจตามกฎหมายต่อไป
นอกจากนั้นได้จัดเตรียมสถานที่พักค้างสำรองกรณีที่สถาบันคชบาลแห่งชาติอยู่ระหว่างการเดินทางไว้ที่ บริเวณด้านหลังสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดเชียงใหม่ สวนหลวง ร.9 และ บริเวณโรงพักแม่ปิง
ด้านการประชาสัมพันธ์ ให้มีการประชาสัมพันธ์หมายเลขโทรศัพท์ที่สามารถแจ้งเบาะแสกรณีพบเห็นการนำช้างมาเร่ร่อน ผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ท้องถิ่น และจัดทำสติ๊กเกอร์ติดตามร้านอาหารทั่วเมืองเชียงใหม่ เพื่อให้ประชาชนผู้พบเห็นสามารถแจ้งเบาะแสได้อย่างรวดเร็วต่อไป
ปลัดจังหวัดเชียงใหม่กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อให้การแก้ไขปัญหาการนำช้างมาเร่ร่อนหารายได้ในจังหวัดเชียงใหม่เป็นไปด้วยความรวดเร็ว และหมดไปในที่สุด จึงขอความร่วมมือทุกภาคส่วนที่พบเห็นการนำช้างมาเร่ร่อนหารายได้ แจ้งเบาะแสได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 191, 199 ตลอด 24 ชั่วโมง
นายสุรชัย จงรักษ์ ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า เพื่อให้การแก้ไขปัญหาการนำช้างจากต่างจังหวัดมาเดินเร่ร่อนหารายได้ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นการทารุณกรรมช้าง สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว ส่งผลถึงภาพลักษณ์ในทางลบของเชียงใหม่ด้วย โดยหม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้แต่งตั้งชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาช้างเร่ร่อนขึ้น โดยมีปลัดจังหวัดเป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการ และมีผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเชียงใหม่ เป็นเลขานุการ เพื่อดำเนินการตรวจปราบปรามจับกุมการกระทำผิด กรณีมีการนำช้างมาเดินเร่ร่อนหารายได้ในเชียงใหม่
ปลัดจังหวัดเชียงใหม่กล่าวอีกว่า ซึ่งชุดปฏิบัติการได้หารือกันแล้ว ได้ข้อสรุปถึงแนวทางปฏิบัติว่า ภาคกลางวันจังหวัดจะทำหนังสือถึงนายอำเภอทุกอำเภอ แจ้งให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ถือปฏิบัติ กรณีมีการนำช้างไปพักค้างในพื้นที่ให้แจ้งนายอำเภอทราบ จากนั้นให้อำเภอรายงานจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อดำเนินการต่อไป
ส่วนภาคกลางคืน หากพบเห็นการนำช้างมาเร่ร่อนในพื้นที่เขตอำเภอเมืองเชียงใหม่ ให้แจ้งที่โทรศัพท์สายด่วน 199 หรือ 191 จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่จะประสานแจ้งเทศบาลนครเชียงใหม่ เจ้าของพื้นที่ทราบเหตุ และประสานชุดปฏิบัติการฯ ระดมพลร่วมปฏิบัติการ รวมถึงแจ้งสถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ จ.ลำปาง นำรถบรรทุกมาขนย้ายช้างไปพักค้างที่สถาบันคชบาลแห่งชาติ ตามกรอบอำนาจตามกฎหมายต่อไป
นอกจากนั้นได้จัดเตรียมสถานที่พักค้างสำรองกรณีที่สถาบันคชบาลแห่งชาติอยู่ระหว่างการเดินทางไว้ที่ บริเวณด้านหลังสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดเชียงใหม่ สวนหลวง ร.9 และ บริเวณโรงพักแม่ปิง
ด้านการประชาสัมพันธ์ ให้มีการประชาสัมพันธ์หมายเลขโทรศัพท์ที่สามารถแจ้งเบาะแสกรณีพบเห็นการนำช้างมาเร่ร่อน ผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ท้องถิ่น และจัดทำสติ๊กเกอร์ติดตามร้านอาหารทั่วเมืองเชียงใหม่ เพื่อให้ประชาชนผู้พบเห็นสามารถแจ้งเบาะแสได้อย่างรวดเร็วต่อไป
ปลัดจังหวัดเชียงใหม่กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อให้การแก้ไขปัญหาการนำช้างมาเร่ร่อนหารายได้ในจังหวัดเชียงใหม่เป็นไปด้วยความรวดเร็ว และหมดไปในที่สุด จึงขอความร่วมมือทุกภาคส่วนที่พบเห็นการนำช้างมาเร่ร่อนหารายได้ แจ้งเบาะแสได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 191, 199 ตลอด 24 ชั่วโมง