ทีมสืบสวน บก.น.5 ร่วมกับชุดสืบสวนสน.วัดพระยาไกร สอบปากคำลูกสาวเสี่ยกาแฟ “ลาวิต้า” เจาะลึกข้อมูลหาเบาะแสมือยิงพ่อเสียชีวิต โดยมีรายงานว่าเป็นถึงอดีต กต.ตร.ของหลายโรงพัก และมีความสนิทสนมกับผู้ตายนับถือกันเป็นน้องบุญธรรม แต่ระยะหลังมีความขัดแย้งปมธุรกิจกาแฟกับผู้ตาย
วันนี้ (24 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีคนร้ายก่อเหตุยิงนายสมชาย เหลืองตระกูล อายุ 57 ปี เจ้าของธุรกิจกาแฟสำเร็จรูป “ลาวิต้า” เสียชีวิตที่บริเวณสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ ใต้สะพานแขวน ถนนพระรามที่ 3 เมื่อช่วงเช้าวันที่ 22 ก.พ.ว่า มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.5 ร่วมกับฝ่ายสืบสวน สน.วัดพระยาไกร ร่วมกันสอบปากคำ น.ส.อมรรัตน์ เหลืองตระกูล ลูกสาวผู้ตาย และญาติผู้ตาย ในประเด็นที่ลูกสาวบอกว่าพอจะรู้ว่าคนที่ยิงเป็นใครและใหญ่มากจริงนั้นว่า ญาติผู้ตายได้พุ่งเป้าไปที่อดีตคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ (กต.ตร.) ของหลาย สน.คนหนึ่ง ซึ่งรู้จักและสนิทสนมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนาย โดยอดีต กต.ตร.ผู้นี้เคยสนิทสนมกับนายสมชาย เหลืองตระกูล ผู้ตายมากถึงขนาดว่า เคยประกาศไว้ว่านายสมชายถือว่าเป็นน้องบุญธรรมคนหนึ่ง แต่ตอนหลังมาขัดแย้งกันเรื่องปมธุรกิจกาแฟสำเร็จรูป
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมชายเคยเป็นอดีตที่ปรึกษา กต.ตร.สถานีตำรวจแห่งหนึ่ง และเป็นเลขาฯ ชมรมนักวิ่งแต้จิ๋ว และเคยทำงานที่โรงงานทอผ้าแห่งหนึ่ง แต่นายสมชายเป็นคนเก่งและมีฝีมือด้านธุรกิจ อดีต กต.ตร.ที่ว่านี้จึงได้จ้างให้นายสมชายลาออกจากโรงงานและมาทำธุรกิจเกี่ยวกับกาแฟของบริษัทเมื่อประมาณปี 2546 โดยให้ค่าจ้างเดือนละ 60,000 บาท ต่อมานายสมชายทำกิจการจนรุ่งเรืองจนกระทั่งปี 2551 จากที่เดิมเป็นเพียงลูกจ้างก็กลับกลายมาเป็นเจ้าของกิจการเอง รวมทั้งตอนหลังได้ขยายธุรกิจใหญ่โตไปต่างประเทศ และมีชาวสิงคโปร์มาร่วมงานด้วย จนกระทั่งระยะหลังมีความขัดแย้งกับอดีตเจ้าของเดิมอย่างรุนแรง และเคยมีการตกลงให้เจรจาจ่ายเงินกันครั้งหนึ่งเป็นเงินจำนวน 14 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงยังพุ่งเป้าไปที่ประเด็นขัดแย้งทางธุรกิจเป็นหลัก เนื่องจากยังไม่มีประเด็นอื่นๆ ที่เป็นชนวนเหตุที่ผู้ตายถูกมือปืนมาดักยิงเสียชีวิต
ตร.มุ่งปมขัดแย้งธุรกิจชนวนยิงเสี่ยกาแฟดับ
ตร.เร่งล่ามือยิงเสี่ยกาแฟ “ลาวีต้า” ตั้งปมธุรกิจ-ชู้สาว!
ดักกระหน่ำ .38 เจ้าของกาแฟ “ลาวีต้า” ดับใต้สะพานแขวน