ตร.ส่งทีมสืบ สน.วัดพระยาไกร ร่วมกับสืบ บก.น.5 ตรวจสอบกล้องวงจรปิด หาพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุคนร้ายยิงเจ้าของธุรกิจกาแฟ “ลาวีต้า” เพื่อหาเบาะแสเส้นทางคนร้ายใช้ก่อเหตุ พร้อมเช็กประวัติผู้ตายอย่างละเอียดทั้งส่วนตัวและธุรกิจ เชื่อคนร้ายน่าเป็นมือปืนรับจ้าง ตั้งธงเรื่องธุรกิจ-ชู้สาว
วันน้ (22 ก.พ.) พ.ต.อ.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รองผบก.น.5 เปิดเผถึงความคืบหน้าคดีคนร้ายก่อนเหตุยิงนายสมชาย เหลืองตระกูล อายุ 57 ปี เจ้าของธุรกิจกาแฟสำเร็จรูป “ลาวีต้า” เสียชีวิตที่บริเวณสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ ใต้สะพานแขวน ถนนพระรามที่ 3 ว่า หลังเกิดเหตุได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสน.วัดพระยาไกร และกก.สส.บก.น.5 เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ จากนั้นได้มาประชุมแบ่งงานให้ฝ่ายสืบสวน สน.วัดพระยาไกร ทำการตรวจสอบประวัติผู้ตายอย่างละเอียดทั้งเรื่องส่วนตัวและธุรกิจ ส่วนเจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.น.5 ให้ตรวจสอบเส้นทางที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ ทั้งจากกล้องวงจรปิดและพยานที่เห็นเหตุการณ์
พ.ต.อ.อิทธิพลกล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบบาดแผลของผู้ตายแล้วนั้น เชื่อว่าคนร้ายน่าจะเป็นมืออาชีพเหมือนมือปืนรับจ้าง ส่วนประเด็นเรื่องการสังหารนั้น เบื้องต้นได้ให้น้ำหนักไว้ที่ 2 ประเด็น คือ เรื่องธุรกิจ กับเรื่องชู้สาว โดยสาเหตุที่มองว่ามีเรื่องชู้สาวเข้ามาเกี่ยวข้องนั้น เนื่องจากวิถีกระสุนที่คนร้ายยิงนั้น เหมือนจงใจจะให้โดนอวัยวะเพศ ผิดกับนิสัยของมือปืนรับจ้างทั่วไปที่หวังจะเอาชีวิตอย่างเดียว เพราะจะยิงที่ศีรษะแล้วหลบหนีไปทันที อย่างไรก็ตาม ต้องขอเวลาเจ้าหน้าที่ทำงาน โดยในวันพรุ่งนี้ (22 ก.พ.) จะกลับมาประชุมร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง
ด้าน พ.ต.ท.กฤษณะ จันทร์ประเสริฐ พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.วัดพระยาไกร เจ้าของคดี กล่าวว่า หลังเกิดเหตุยังไม่ได้สอบปากคำภรรยากับลูกสาวของผู้ตายอย่างละเอียด เนื่องจากทั้งคู่ยังอยู่ในอาการเสียใจ ต้องรอให้ผ่านงานศพของผู้ตายไปก่อนจึงจะเรียกมาสอบปากคำอีกครั้ง เพื่อหาประเด็นที่อาจจะนำไปสู่การสังหาร
ดักกระหน่ำ .38 เจ้าของกาแฟ “ลาวีต้า” ดับใต้สะพานแขวน