เผยตำรวจกองปราบปรามเข้าทลายแก๊งโจรกรรมรถยนต์รายใหญ่ในเมืองกรุง โดยจับกุมได้พร้อมหัวหน้าแก๊ง เผยเป็นผลงานของ “หน่วยโรบินฮู้ด” ที่ใช้การสืบสวนสมัยใหม่ ตามแกะรอยและสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ยกแก๊ง เจ้าของรถเจอหน้าทนไม่ไหว ปรี่เข้าตบหัวหน้าแก๊งฉาดใหญ่
วันนี้ (17 ก.พ.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 14.00 น. พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป. พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ปิยะ เจริญสุข ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผกก.1 บก.ป. แถลงการจับกุมแก๊งโจรกรรมรถยนต์รายใหญ่ได้ผู้ต้องหา 5 ราย ประกอบด้วย นายอนันต์ อยู่เอม อายุ 31 ปี หัวหน้าแก๊ง, นายยงยุทธ เพชรทอง อายุ 26 ปี, นายสุบิน แก่นสาร อายุ 35 ปี, นายรัตนชัย สุจันทา อายุ 18 ปี และนายเอ็ม (นามสมมติ) อายุ 17 ปี
พล.ต.ต.สุพิศาลกล่าวว่า เจ้าหน้าที่นำหมายค้นศาลอาญา ที่ 14-16/2554 ลงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2554 เข้าตรวจค้น 3 จุด เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกัน โดยจุดแรกเข้าตรวจค้นโกดังไม่มีเลขที่ ถนนโชคชัย 4 ซอย 28 (พุทธรักษา) แขวงและเขตลาดพร้าว กทม.พบรถกระบะอีซูซุ สีดำ ไม่ติดป้ายทะเบียน และชิ้นส่วนรถยนต์จำนวนมาก พร้อมกันนั้นได้จับกุมนายยงยุทธ, นายสุบิน, นายรัตนชัย สุจันทา อายุ 18 ปี และนายเอ็ม แจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร
พล.ต.ต.สุพิศาลกล่าวต่อว่า จากนั้นได้เข้าตรวจค้นห้องพักเลขที่ 402 ชั้น 4 อพาร์ตเมนต์ไม่ทราบชื่อ ตั้งอยู่ภายในชุมชนบางปะอินโฮมทาวน์ หมู่ 2 เทศบาล ต.คลองจิก อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เข้าจับกุมนายอนันต์พร้อมของกลางอุปกรณ์ที่ใช้ในการโจกรรมรถยนต์หลายรายการ อาวุธปืนขนาด 9 มม.พร้อมเครื่องกระสุน และบัญชีเงินฝากธนาคารต่างๆ จำนวนหนึ่ง โดยแจ้งข้อหาครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และจุดสุดท้ายที่บ้านไม่ทราบเลขที่ ซอยรังสิต-นครนายก 46 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี พบป้ายทะเบียนรถยนต์ปลอมที่ถูกใช้สับเปลี่ยนกับป้ายของรถที่โจรกรรมมา โดยเจ้าหน้าที่ยึดป้ายทะเบียนปลอมไว้ได้ 4 อัน
ด้าน พ.ต.อ.ประสพโชคกล่าวว่า การตรวจค้นจับกุมครั้งนี้ดำเนินการตามข้อมูลการสืบสวนของหน่วยป้องกันและปราบปรามการโจรกรรมทรัพย์สิน หรือ “หน่วยโรบินฮู้ด” บก.ป.ซึ่งพบประวัติแก๊งโจรกรรมรถยนต์ของนายอนันต์ที่เคยต้องโทษและอยู่ระหว่างการประกันตัว ได้นำรถกระบะของกลางซึ่งเป็นรถต้องสงสัยที่ตรงกับที่มีการแจ้งหายไว้ที่ สน.โคกคราม เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จึงเฝ้าติดตามและตรวจสอบข้อมูลจนเป็นที่แน่ชัดว่ารถคันดังกล่าวเป็นรถที่นายมานะ เปลี่ยนศิลาพร อายุ 49 ปี เจ้าของรถได้แจ้งหายไว้จริง จึงรวบรวมหลักฐานขออนุมัติศาลเข้าตรวจค้นในครั้งนี้ซึ่งเป็นการใช้เทคนิคการสืบสวนสมัยใหม่ประสานข้อมูลกับเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ยึดรถของกลางก่อนสืบสวนจับกุมคนร้ายแก๊งโจรกรรมรายนี้
“จากการสืบสวนทราบว่า แก๊งดังกล่าวจะโจรกรรมรถมาขายให้กับอู่ใน กทม.และปริมณฑล ตามออเดอร์ ซึ่งบางครั้งก็จะสวมทะเบียนขายในประเทศ ส่งขายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน หรือแยกชิ้นส่วนไปขายต่อตามตลาดเชียงกง ซึ่งจะขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการต่อไป” พ.ต.อ.ประสพโชคกล่าว
สอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพ โดยนายอนันต์ หัวหน้าแก๊งให้การว่าลงมืองัดแงะบ้านพักผู้เสียหายเพื่อเข้าไปโจรกรรมรถกระบะของกลาง พร้อมกับกล่าวขอโทษนายมานะ ผู้เสียหายที่เดินทางมาตรวจสอบรถด้วยตนเอง
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัตินายอนันต์ พบว่ายังมีหมายจับติดตัวอยู่อีก 3 หมาย ได้แก่ หมายจับศาลจังหวัดพระโขนง ข้อหาพยายามลักทรัพย์, หมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี ข้อหาลักทรัพย์ และหมายจับศาลจังหวัดปทุมธานี ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด ทั้งนี้ ชุดจับกุมได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปากคลองรังสิต จ.ปทุมธานี ดำเนินคดี
ขณะที่ นายมานะกล่าวว่า มีอาชีพค้าขายซึ่งจะนำรถออกไปบรรทุกสิ่งของทุกวัน ปกติที่บ้านมีรถใช้งานทั้งหมด 4 คัน โดยรถกระบะคันที่ถูกโจรกรรมนี้ไม่มีประกันภัย แต่ก็เป็นรถคันที่เก่าที่สุดก็ไม่คิดว่าจะถูกโจรกรรมจึงไม่ระวังและไม่ได้ล็อกรถเพราะคิดว่าจอดไว้ในบ้านน่าจะปลอดภัย แต่หลังจากถูกโจรกรรมไป ก็รีบแจ้งความที่ สน.โคกคราม และแจ้งข้อมูลให้แก่หลายหน่วยงานเพื่อช่วยติดตาม โดยกรณีของตนนับว่าโชคดีที่ได้รถคืนมาอย่างรวดเร็ว หลังจากรถหายไปเพียง 2 วันเท่านั้น หลังจากนี้ก็คงจะไม่ประมาทและคอยดูแลรถให้มากยิ่งขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่แถลงข่าว นายมานะได้ปรี่เข้าไปตบหน้านายอนันต์ ผู้ต้องหาอย่างรุนแรงหนึ่งครั้ง ทำให้ พล.ต.ต.สุพิศาล ซึ่งยืนอยู่ใกล้ได้เข้าไปห้ามปรามและว่ากล่าวตักเตือน นายมานะให้สงบสติอารมณ์ พร้อมทั้งนำตัวนายมานะ ผู้เสียหายเลือดร้อนส่งพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกาย ปรับเป็นเงิน 100 บาทต่อไป
วันนี้ (17 ก.พ.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 14.00 น. พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป. พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ปิยะ เจริญสุข ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผกก.1 บก.ป. แถลงการจับกุมแก๊งโจรกรรมรถยนต์รายใหญ่ได้ผู้ต้องหา 5 ราย ประกอบด้วย นายอนันต์ อยู่เอม อายุ 31 ปี หัวหน้าแก๊ง, นายยงยุทธ เพชรทอง อายุ 26 ปี, นายสุบิน แก่นสาร อายุ 35 ปี, นายรัตนชัย สุจันทา อายุ 18 ปี และนายเอ็ม (นามสมมติ) อายุ 17 ปี
พล.ต.ต.สุพิศาลกล่าวว่า เจ้าหน้าที่นำหมายค้นศาลอาญา ที่ 14-16/2554 ลงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2554 เข้าตรวจค้น 3 จุด เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกัน โดยจุดแรกเข้าตรวจค้นโกดังไม่มีเลขที่ ถนนโชคชัย 4 ซอย 28 (พุทธรักษา) แขวงและเขตลาดพร้าว กทม.พบรถกระบะอีซูซุ สีดำ ไม่ติดป้ายทะเบียน และชิ้นส่วนรถยนต์จำนวนมาก พร้อมกันนั้นได้จับกุมนายยงยุทธ, นายสุบิน, นายรัตนชัย สุจันทา อายุ 18 ปี และนายเอ็ม แจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร
พล.ต.ต.สุพิศาลกล่าวต่อว่า จากนั้นได้เข้าตรวจค้นห้องพักเลขที่ 402 ชั้น 4 อพาร์ตเมนต์ไม่ทราบชื่อ ตั้งอยู่ภายในชุมชนบางปะอินโฮมทาวน์ หมู่ 2 เทศบาล ต.คลองจิก อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เข้าจับกุมนายอนันต์พร้อมของกลางอุปกรณ์ที่ใช้ในการโจกรรมรถยนต์หลายรายการ อาวุธปืนขนาด 9 มม.พร้อมเครื่องกระสุน และบัญชีเงินฝากธนาคารต่างๆ จำนวนหนึ่ง โดยแจ้งข้อหาครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และจุดสุดท้ายที่บ้านไม่ทราบเลขที่ ซอยรังสิต-นครนายก 46 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี พบป้ายทะเบียนรถยนต์ปลอมที่ถูกใช้สับเปลี่ยนกับป้ายของรถที่โจรกรรมมา โดยเจ้าหน้าที่ยึดป้ายทะเบียนปลอมไว้ได้ 4 อัน
ด้าน พ.ต.อ.ประสพโชคกล่าวว่า การตรวจค้นจับกุมครั้งนี้ดำเนินการตามข้อมูลการสืบสวนของหน่วยป้องกันและปราบปรามการโจรกรรมทรัพย์สิน หรือ “หน่วยโรบินฮู้ด” บก.ป.ซึ่งพบประวัติแก๊งโจรกรรมรถยนต์ของนายอนันต์ที่เคยต้องโทษและอยู่ระหว่างการประกันตัว ได้นำรถกระบะของกลางซึ่งเป็นรถต้องสงสัยที่ตรงกับที่มีการแจ้งหายไว้ที่ สน.โคกคราม เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จึงเฝ้าติดตามและตรวจสอบข้อมูลจนเป็นที่แน่ชัดว่ารถคันดังกล่าวเป็นรถที่นายมานะ เปลี่ยนศิลาพร อายุ 49 ปี เจ้าของรถได้แจ้งหายไว้จริง จึงรวบรวมหลักฐานขออนุมัติศาลเข้าตรวจค้นในครั้งนี้ซึ่งเป็นการใช้เทคนิคการสืบสวนสมัยใหม่ประสานข้อมูลกับเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ยึดรถของกลางก่อนสืบสวนจับกุมคนร้ายแก๊งโจรกรรมรายนี้
“จากการสืบสวนทราบว่า แก๊งดังกล่าวจะโจรกรรมรถมาขายให้กับอู่ใน กทม.และปริมณฑล ตามออเดอร์ ซึ่งบางครั้งก็จะสวมทะเบียนขายในประเทศ ส่งขายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน หรือแยกชิ้นส่วนไปขายต่อตามตลาดเชียงกง ซึ่งจะขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการต่อไป” พ.ต.อ.ประสพโชคกล่าว
สอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพ โดยนายอนันต์ หัวหน้าแก๊งให้การว่าลงมืองัดแงะบ้านพักผู้เสียหายเพื่อเข้าไปโจรกรรมรถกระบะของกลาง พร้อมกับกล่าวขอโทษนายมานะ ผู้เสียหายที่เดินทางมาตรวจสอบรถด้วยตนเอง
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัตินายอนันต์ พบว่ายังมีหมายจับติดตัวอยู่อีก 3 หมาย ได้แก่ หมายจับศาลจังหวัดพระโขนง ข้อหาพยายามลักทรัพย์, หมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี ข้อหาลักทรัพย์ และหมายจับศาลจังหวัดปทุมธานี ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด ทั้งนี้ ชุดจับกุมได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปากคลองรังสิต จ.ปทุมธานี ดำเนินคดี
ขณะที่ นายมานะกล่าวว่า มีอาชีพค้าขายซึ่งจะนำรถออกไปบรรทุกสิ่งของทุกวัน ปกติที่บ้านมีรถใช้งานทั้งหมด 4 คัน โดยรถกระบะคันที่ถูกโจรกรรมนี้ไม่มีประกันภัย แต่ก็เป็นรถคันที่เก่าที่สุดก็ไม่คิดว่าจะถูกโจรกรรมจึงไม่ระวังและไม่ได้ล็อกรถเพราะคิดว่าจอดไว้ในบ้านน่าจะปลอดภัย แต่หลังจากถูกโจรกรรมไป ก็รีบแจ้งความที่ สน.โคกคราม และแจ้งข้อมูลให้แก่หลายหน่วยงานเพื่อช่วยติดตาม โดยกรณีของตนนับว่าโชคดีที่ได้รถคืนมาอย่างรวดเร็ว หลังจากรถหายไปเพียง 2 วันเท่านั้น หลังจากนี้ก็คงจะไม่ประมาทและคอยดูแลรถให้มากยิ่งขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่แถลงข่าว นายมานะได้ปรี่เข้าไปตบหน้านายอนันต์ ผู้ต้องหาอย่างรุนแรงหนึ่งครั้ง ทำให้ พล.ต.ต.สุพิศาล ซึ่งยืนอยู่ใกล้ได้เข้าไปห้ามปรามและว่ากล่าวตักเตือน นายมานะให้สงบสติอารมณ์ พร้อมทั้งนำตัวนายมานะ ผู้เสียหายเลือดร้อนส่งพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกาย ปรับเป็นเงิน 100 บาทต่อไป
