“สนธิ ลิ้มทองกุล” ขึ้นศาลคดี “ทักษิณ” ฟ้องหมิ่น เหตุคัดค้านและประณามการแก้ไข รธน.เพื่อล้างมลทินให้ตัวเองและพวกพ้อง โดย “สนธิ” และพวกปฏิเสธ พร้อมยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีลับหลัง ไม่ขอไกล่เกลี่ย ขณะที่ศาลอนุญาต และให้นำสืบพยาน 13 ปาก ซัด “จตุพร” โกหกใส่ร้ายเรื่องการทำรัฐประหาร ชี้ “ไอ้ตู่” หนักแผ่นดิน เสียชาติเกิด
คลิกที่นี่ เพื่อฟังนายสนธิ ลิ้มทองกุล ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (8 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลจังหวัดปทุมธานี นัดพร้อมคู่ความและสอบคำให้การในคดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มอบอำนาจให้ นายพิชา ป้อมค่าย เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสนธิ ลิ้มทองกุล, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์, นายพิภพ ธงไชย, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข, พล.ต.จำลอง ศรีเมือง, นายสุริยะใส กตะศิลา, บริษัท เอเอสทีวี (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท ไทยเดย์ ด็อทคอม จำกัด เป็นจำเลยที่ 1-8 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา จากกรณีเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2551 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 4/2551 คัดค้านและประณามการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อล้างมลทินให้กับตัวเองและพวกพ้อง ของคนในระบอบทักษิณ และเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2551 แกนนำพันธมิตรฯได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 5 /2551 ต่อต้านอาชญากรประชาธิปไตย เพื่อล้มล้างรัฐธรรมนูญในการฟอกความผิดให้ตนเอง โดยจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ พร้อมยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีลับหลัง และไม่ประสงค์จะนำคดีเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย
อย่างไรก็ตาม ศาลอนุญาตให้พิจารณาคดีลับหลัง และให้โจทก์นำพยานเข้าสืบจำนวน 4 ปาก และให้จำเลยนำพยานเข้าสืบจำนวน 13 ปาก โดย นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แจ้งต่อศาลไม่ประสงค์ใช้เอกสิทธิ์การเป็น ส.ส.คุ้มครอง โดยให้ศาลพิจารณาคดีตามกระบวนการ
ด้าน นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำ นปช.อ้างว่า ได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าวที่สำคัญ ว่า มีการวางแผนเรื่องรัฐประหาร โดยเป็นการพูดคุยของวงที่สี่ ที่บ้านของไฮโซเจ้าของเหมืองแร่ในจังหวัดภูเก็ตโดยมีการกล่าวอ้างชื่อนายสนธิด้วย ว่านายจตุพรโกหก โดยมีเจตนาใส่ร้ายและทำร้ายผู้อื่น พร้อมมองว่า นายจตุพร ไม่มีความรักชาติ หนักแผ่นดิน เสียชาติเกิด
นายสนธิ กล่าวยืนยันว่า ทุกวันนี้ไม่เคยออกนอกเส้นทาง มีเพียงแต่ทำงานและเดินทางกลับบ้านเท่านั้น
นอกจากนี้ นายสนธิ กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์นี้ ว่า เป็นเรื่องของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่เคลื่อนไหวเพียงเพราะต้องการช่วยพวกพ้องที่ถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำ
ขณะที่ พล.ต.จำลอง มองว่า การเตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้พิจารณาและขอความเห็นชอบตาม พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีความชอบธรรมในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อควบคุมการชุมนุม นั้น เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ และตำรวจมีอีกหลายวิธีที่จะขับไล่กลุ่มผู้ชุมนุมให้ออกจากพื้นที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ซึ่งหากตำรวจสามารถขับไล่ผู้ชุมนุมสำเร็จ ผู้ชุมนุมก็จะกลับมาชุมนุมใหม่อยู่ดี พร้อมย้ำว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯไม่มีการสะสมกำลังและอาวุธ
พล.ต.จำลอง กล่าวต่อไปว่า พันธมิตรฯ ไม่ได้ปฏิเสธประชาธิปไตย ตามที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ออกมาให้สัมภาษณ์ แต่รัฐบาลถือเป็นลูกจ้างชั่วคราวของประชาชนที่ต้องทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของประเทศไทย ซึ่งพันธมิตรฯเคยทำหนังสือไปยังรัฐบาลให้เร่งแก้ปัญหานานกว่า 1 ปี 3 เดือนแล้ว ก็ยังไม่มีท่าทีว่ารัฐบาลจะดำเนินการแต่อย่างใด
พล.ต.จำลอง กล่าวย้ำว่า ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์นี้ จะไปให้กำลังใจทหารหาญที่ทำหน้าที่รักษาดินแดน โดยจะเคลื่อนขบวนสัมภาระที่เก็บไว้ ไปมอบให้กับทหารใน อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยจะออกเดินทางในเวลา 09.00 น.ซึ่ง พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ หนึ่งในคณะกรรมการรวมพลังปกป้องแผ่นดิน ได้ทำหนังสือไปยังผู้บัญชาการทหารบก โดยให้ส่งตัวแทนมารับมอบสิ่งของดังกล่าวแล้ว
คลิกที่นี่ เพื่อฟังนายสนธิ ลิ้มทองกุล ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (8 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลจังหวัดปทุมธานี นัดพร้อมคู่ความและสอบคำให้การในคดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มอบอำนาจให้ นายพิชา ป้อมค่าย เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสนธิ ลิ้มทองกุล, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์, นายพิภพ ธงไชย, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข, พล.ต.จำลอง ศรีเมือง, นายสุริยะใส กตะศิลา, บริษัท เอเอสทีวี (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท ไทยเดย์ ด็อทคอม จำกัด เป็นจำเลยที่ 1-8 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา จากกรณีเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2551 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 4/2551 คัดค้านและประณามการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อล้างมลทินให้กับตัวเองและพวกพ้อง ของคนในระบอบทักษิณ และเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2551 แกนนำพันธมิตรฯได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 5 /2551 ต่อต้านอาชญากรประชาธิปไตย เพื่อล้มล้างรัฐธรรมนูญในการฟอกความผิดให้ตนเอง โดยจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ พร้อมยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีลับหลัง และไม่ประสงค์จะนำคดีเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย
อย่างไรก็ตาม ศาลอนุญาตให้พิจารณาคดีลับหลัง และให้โจทก์นำพยานเข้าสืบจำนวน 4 ปาก และให้จำเลยนำพยานเข้าสืบจำนวน 13 ปาก โดย นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แจ้งต่อศาลไม่ประสงค์ใช้เอกสิทธิ์การเป็น ส.ส.คุ้มครอง โดยให้ศาลพิจารณาคดีตามกระบวนการ
ด้าน นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำ นปช.อ้างว่า ได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าวที่สำคัญ ว่า มีการวางแผนเรื่องรัฐประหาร โดยเป็นการพูดคุยของวงที่สี่ ที่บ้านของไฮโซเจ้าของเหมืองแร่ในจังหวัดภูเก็ตโดยมีการกล่าวอ้างชื่อนายสนธิด้วย ว่านายจตุพรโกหก โดยมีเจตนาใส่ร้ายและทำร้ายผู้อื่น พร้อมมองว่า นายจตุพร ไม่มีความรักชาติ หนักแผ่นดิน เสียชาติเกิด
นายสนธิ กล่าวยืนยันว่า ทุกวันนี้ไม่เคยออกนอกเส้นทาง มีเพียงแต่ทำงานและเดินทางกลับบ้านเท่านั้น
นอกจากนี้ นายสนธิ กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์นี้ ว่า เป็นเรื่องของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่เคลื่อนไหวเพียงเพราะต้องการช่วยพวกพ้องที่ถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำ
ขณะที่ พล.ต.จำลอง มองว่า การเตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้พิจารณาและขอความเห็นชอบตาม พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีความชอบธรรมในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อควบคุมการชุมนุม นั้น เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ และตำรวจมีอีกหลายวิธีที่จะขับไล่กลุ่มผู้ชุมนุมให้ออกจากพื้นที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ซึ่งหากตำรวจสามารถขับไล่ผู้ชุมนุมสำเร็จ ผู้ชุมนุมก็จะกลับมาชุมนุมใหม่อยู่ดี พร้อมย้ำว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯไม่มีการสะสมกำลังและอาวุธ
พล.ต.จำลอง กล่าวต่อไปว่า พันธมิตรฯ ไม่ได้ปฏิเสธประชาธิปไตย ตามที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ออกมาให้สัมภาษณ์ แต่รัฐบาลถือเป็นลูกจ้างชั่วคราวของประชาชนที่ต้องทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของประเทศไทย ซึ่งพันธมิตรฯเคยทำหนังสือไปยังรัฐบาลให้เร่งแก้ปัญหานานกว่า 1 ปี 3 เดือนแล้ว ก็ยังไม่มีท่าทีว่ารัฐบาลจะดำเนินการแต่อย่างใด
พล.ต.จำลอง กล่าวย้ำว่า ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์นี้ จะไปให้กำลังใจทหารหาญที่ทำหน้าที่รักษาดินแดน โดยจะเคลื่อนขบวนสัมภาระที่เก็บไว้ ไปมอบให้กับทหารใน อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยจะออกเดินทางในเวลา 09.00 น.ซึ่ง พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ หนึ่งในคณะกรรมการรวมพลังปกป้องแผ่นดิน ได้ทำหนังสือไปยังผู้บัญชาการทหารบก โดยให้ส่งตัวแทนมารับมอบสิ่งของดังกล่าวแล้ว
