xs
xsm
sm
md
lg

อดีต ส.จ.เมืองชล ส่งทนายเลื่อนมอบตัวคดีโกงน้ำตาล!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

(แฟ้มภาพ)
อดีต ส.จ.ชลบุรี ส่งทนายขอเลื่อนเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบฯ ตามหมายเรียกคดีร่วมฉ้อโกง เกี่ยวกับการส่งมอบน้ำตาลทรายไม่ตรงตามสัญญาซื้อขาย อ้างต้องรอนักการเมืองใหญ่เซ็นอนุมัติก่อนปล่อยของได้ จนทำให้บริษัทที่หลงเชื่อเสียลูกค้า

วันนี้ (7 ก.พ.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่กองปราบปราม นายอภิชาติ นุกูลกิจ ทนายความรับมอบอำนาจจากนายสมศักดิ์ เนตรเนรมิตร อายุ 69 ปี อดีตสมาชิกสภาจังหวัด (ส.จ.) ชลบุรี เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ศิววงศ์ ดำรงสัจจ์ศิริ พนักงานสอบสวน (สบ 2) กก.1 บก.ป. เพื่อขอเลื่อนการเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ป. ตามหมายเรียกคดีร่วมกันฉ้อโกง โดยนำใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มามอบให้พนักงานสอบสวนไว้พิจารณา

โดยคดีนี้ สืบเนื่องจากเมื่อเดือนธันวาคม 2553 นายปิติพล ถิ่นพนม อายุ 46 ปี กรรมการบริษัท เอส เอส เวิลด์ อิมพอร์ต จำกัด อยู่บ้านเลขที่ 176/418 ซอยประชาอุทิศ 17 แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กทม. เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน บก.ป.ให้ดำเนินคดีกับนายสมศักดิ์ และพวก ประกอบด้วยนายสุทธิพันธ์ พรมแจ้ง อายุ 41 ปี และนายสมศักดิ์ ศักดิ์เกษมชัยกุล อายุ 65 ปี ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง หลังจากเมื่อเดือนสิงหาคม 2552 นายปิติพล ได้รับการติดต่อจากนายสมศักดิ์ อดีต ส.จ.ชลบุรี อ้างว่ามีน้ำตาลทรายขาวเป็นจำนวนมากภายในโกดัง โดยเป็นน้ำตาลทรายที่ผลิตเกินโควตาที่รัฐบาลกำหนด สามารถนำออกมาขายให้ได้ในราคาถูกต่ำกว่าราคาในท้องตลาด

จากนั้น นายสมศักดิ์ได้พานายปิติพลไปดูโกดังที่เก็บน้ำตาล 3 แห่งในพื้นที่ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ 2 แห่ง และที่โกดังใกล้ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี อีกแห่ง ทำให้นายปิติพล หลงเชื่อโดยเมื่อเดือนกันยายน 2552 จึงตกลงทำสัญญาซื้อขายน้ำตาลดังกล่าวรวม 2 ครั้ง โดยสัญญาแรกเป็นจำนวน 10,000 ตัน และสัญญาที่ 2 อีกจำนวน 2,500 ตัน คิดเป็นมูลค่าสินค้ารวม 198 ล้านบาท โดยนายปิติพล ต้องจ่ายเงินค่ามัดจำล่วงหน้า 10 เปอร์เซ็นต์ เป็นเงิน 19.8 ล้านบาท โดยสัญญาระบุว่ามีกำหนดส่งมอบสินค้าเสร็จสิ้นภายใน 30 วัน

ต่อมานายปิติพลได้ติดต่อขายน้ำตาลกับลูกค้าที่ประเทศสิงคโปร์ 1 ราย และมาเลเซีย 8 ราย ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2552 - กุมภาพันธ์ 2553 เพื่อเตรียมระบายน้ำตาลที่ติดต่อซื้อจากนายสมศักดิ์ นำไปส่งมอบลูกค้าทันทีที่ได้รับสินค้า แต่ภายหลังใกล้กำหนดการส่งมอบแล้วกลับยังไม่ได้รับมอบน้ำตาลดังกล่าว นายปิติพลจึงสอบถามไปยังนายสมศักดิ์ ซึ่งก็กล่าวอ้างว่าให้ไปรอรับสินค้าที่ปลายทางได้เลย เนื่องจากเตรียมจัดส่งทางเรือบรรทุก แต่แล้วก็ยังไม่มีการจัดส่ง ซึ่งเมื่อมีการทวงถามอีกหลายครั้ง นายสมศักดิ์ก็จะอ้างถึงปัญหาติดขัดต่างๆ ซึ่งทราบภายหลังว่ามีการจัดพิมพ์เอกสารให้ข้อความตกหล่นไป

อย่างไรก็ตาม นายปิติพลได้โทรศัพท์ไปหานายสมศักดิ์ และมีการนัดหมาย เพื่อเจรจาเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นที่บ้านพักในหมู่บ้านนภาลัย ย่านบางนา กทม. ซึ่งนายสมศักดิ์ยังคงยืนยันว่าไม่คิดจะฉ้อโกงและพยายามอธิบาย เพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจว่าขณะนี้ต้องรอให้นักการเมืองระดับชาติรายหนึ่งเซ็นอนุมัติเท่านั้นก็จะสามารถนำน้ำตาลออกจากโกดังไปส่งมอบได้ทันที แต่นายปิติพลก็มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเครดิตในการทำธุรกิจเนื่องจากเงินที่ใช้สั่งซื้อเป็นเงินหมุนที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยตลอดเวลาจึงตัดสินใจขอยกเลิกสัญญาซื้อขายครั้งแรกไปก่อน

ทั้งนี้ เมื่อมีการยกเลิกสัญญาซื้อขายครั้งแรกเมื่อเดือนธันวาคม 2553 นายสมศักดิ์ ยินยอมที่จะจ่ายเงินคืนจำนวน 15.8 ล้านบาท โดยออกเป็นเช็คแต่ภายหลังไม่สามารถนำไปขึ้นเงินได้ นายปิติพล จึงฟ้องร้องต่อศาลแขวงชลบุรี เพื่อดำเนินคดีต่อนายสมศักดิ์ โดยขณะนี้คดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีในชั้นศาล

ต่อมา นายปิติพลได้นำข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการถูกฉ้อโกงไปแลกเปลี่ยนกับกลุ่มนักธุรกิจในวงการนำเข้าและส่งออกจึงพบว่ามีนักธุรกิจอีกอย่างน้อย 5 ราย ที่ประสบปัญหาเดียวกันและมีการกระทำจากกลุ่มบุคคลกลุ่มเดียวกันอีกด้วย นายปิติพล จึงเข้าแจ้งความที่ บก.ป.ส่วนผู้เสียหายรายอื่นๆ มีการเข้าแจ้งความไว้ที่ สน.ห้วยขวาง และ สน.สุทธิสาร มาแล้วก่อนหน้านี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบข้อมูลของพนักงานสอบสวนยังพบว่ายังมีการร้องทุกข์จากกรณีการฉ้อโกงน้ำมันเครื่อง และน้ำมันเชื้อเพลิง โดยผู้เสียหายจะถูกหลอกลวงจากพฤติการณ์การกระทำความผิดที่คล้ายคลึงกันคือมีการพาผู้เสียหายไปดูคลังเก็บสินค้า เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ก่อนจะอ้างถึงความสนิทสนมกับนักการเมืองระดับชาติมีเส้นสายที่สามารถนำสินค้ามาขายได้ในราคาถูกสร้างความเสียหาย ซึ่งเท่าที่ตรวจสอบพบรวมแล้วเกือบ 300 ล้านบาท

ด้าน พ.ต.ท.ศิววงศ์กล่าวว่า สำหรับกรณีของนายสมศักดิ์นั้น พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกให้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาเป็นครั้งที่ 2 แต่นายสมศักดิ์อ้างเหตุผลว่าขณะนี้ป่วยต้องเข้ารับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาล จึงมอบอำนาจให้ทนายความนำใบรับรองแพทย์มาชี้แจงเหตุที่ไม่สามารถเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนตามนัดได้ อย่างไรก็ดี ตนได้นำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชา เพื่อพิจารณาถึงเหตุผลดังกล่าวแล้วว่าเห็นสมควรหรือไม่ ขณะที่ นายสุทธิพันธ์ พรมแจ้ง และนายสมศักดิ์ ศักดิ์เกษมชัยกุล มีการออกหมายเรียกเป็นครั้งแรก ซึ่งยังไม่ได้รับการติดต่อมาแต่อย่างใด
กำลังโหลดความคิดเห็น