บริษัทขนส่งของแจ้ง ตร. ตรวจสอบกระบะขนยาแก้ไอ ที่ได้รับว่าจ้างจากบริษัทย่านปทุมธานีให้นำไปส่งในภาคใต้ หลังสืบทราบมีการลักลอบขนส่งยาแก้ไอที่ไม่ได้รับอนุญาต ก่อน ตร.เข้าตรวจค้นพบยาแก้ไปจำนวน 5 พันขวด แถมไม่มีใบอนุญาตขนส่งสินค้า ตร.คุม 2 ผู้ต้องหาสอบแต่ให้การวกวน รับเพียงได้ค่าจ้างส่ง 3 พันบาท คาดส่งลงใต้เป็นส่วนผสมในการผลิตยา 4 คูณ 100
วันนี้ (7 ก.พ.) เมื่อเวลา 11.00 น. พ.ต.ท.กานต์นที ศรีนาทม สวป.สน.บางโพงพาง พร้อมด้วย ด.ต.โกศล ยมศรีเคน ผบ.หมู่ ป้องกันและปราบปราม สน.บางโพงพาง และเจ้าหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็วฝ่ายป้องกันปราบปราม สน.บางโพงพาง ได้รับแจ้งจากบริษัท อินเตอร์เอ็กซ์เพรส ซึ่งเป็นบริษัทขนส่ง ว่ามีการลักลอบขนส่งยาแก้ไอที่ไม่ได้รับอนุญาต และอาจจะนำไปใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตยา 4 คูณ 100 ส่งทาง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงนำกำลังไปตรวจสอบ
เมื่อไปถึงที่บริษัทดังกล่าวพบรถกระบะโตโยต้าวีโก้ สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน ผข 4791 นครราชสีมา จอดนิ่งอยู่ โดยท้ายกระบะมีลังกระดาษจำนวนนับ 10 ใบ วางเรียงกันอยู่ ซึ่งภายในบรรจุยาแก้ไอชื่อ “โคดานิล” จำนวน 5,000 ขวด มีนายศุภชัย มีศรี อายุ 19 ปี และคนขับอีก 1 คน ยังไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง เป็นผู้ขับขี่รถคันดังกล่าวมา เจ้าหน้าที่จึงยึดของกลางทั้งหมดเอาไว้ตรวจสอบ พร้อมกับนำตัวทั้ง 2 คนไปสอบสวนขยายผลเพื่อหาที่มาที่ไปของยาดังกล่าว
พ.ต.ท.กานต์นที เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากบริษัทอินเตอร์ฯ ว่าจะมีการขนส่งยาแก้ไอที่ไม่ได้รับอนุญาต จึงได้ไปตรวจสอบกระทั่งพบของกลางดังกล่าว เบื้องต้นทราบว่าก่อนหน้านี้บริษัทอินเตอร์ฯ ซึ่งเป็นบริษัทที่รับจ้างขนส่งสินค้า ได้รับว่าจ้างจากจากบริษัทแห่งหนึ่งย่านจังหวัดปทุมธานี ให้นำยาแก้ไอของกลางไปส่งทางภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดปัตตานี นราธิวาส และจังหวัดสงขลา โดยไม่รู้มาก่อนว่าเป็นยาที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือมีส่วนผสมของยาเสพติด เนื่องจากทุกครั้งที่ไปส่งของตามใบส่งสินค้าจะไม่มีปลายทางตามที่ระบุ มีเพียงคนกลุ่มหนึ่งมารับของไปเท่านั้น กระทั่งเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาบริษัทอินเตอร์ฯได้ให้ลูกน้องขับรถไปส่งของกลางตามใบสั่งที่ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่ทางภาคใต้จับกุม พร้อมกับบอกว่าเป็นยาที่มีส่วนผสมของสารโคเคอีน ซึ่งเป็นสารเสพติดประเภท 2
พ.ต.ท.กานต์นทีกล่าวอีกว่า กระทั่งในวันนี้ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน จะนำของกลางมาส่งอีกครั้ง จึงมีการแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบที่บริษัท ซึ่งจากการตรวจสอบเอกสารต่างๆ ก็พบว่ามีไม่มีใบอนุญาตในการขนส่งสินค้า และเมื่อโทรศัพท์ไปยังบริษัทต้นทางที่เป็นผู้ผลิตยาแก้ไอ กลับพบว่าไม่มีผู้รับสายและพบว่าไม่มีตัวตนจริง จึงคาดว่าน่าจะเป็นบริษัทปลอมที่ตั้งขึ้นมา ส่วนผู้ต้องหาทั้ง 2 คนที่เป็นผู้ขับรถขนของกลางก็ให้การวกไปวนมา ไม่สามารถระบุที่ตั้งของบริษัทได้ชัดเจน บอกเพียงแค่ว่ารับของกลางมาจากย่านคลอง 3 จ.ปทุมธานี และได้ค่าจ้างในการขนส่งเที่ยวละ 3 พันบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลอย่างละเอียดอีกครั้ง เบื้องต้นคาดว่าน่าจะเป็นยาแก้ไอที่นำส่งไปทาง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อไปเป็นส่วนผสมในการผลิตยา 4 คูณ 100 อย่างไรก็ตาม ได้แจ้งข้อหาจำหน่ายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาตแก่ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนเอาไว้ก่อน หากส่งตัวยาทั้งหมดไปตรวจสอบแล้วพบว่ามีส่วนผสมของยาเสพติดก็จะทำการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อไป