xs
xsm
sm
md
lg

“อชิรวิทย์” แสร้งของขึ้น! จวกนักการเมืองจุ้น-ตร.หงอโผแต่งตั้ง

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช (แฟ้มภาพ)
ว่าที่ ก.ตร.หมาดๆ “พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช” ของขึ้น จวกทั้งนักการเมือง ที่เข้ามาแทรกแซงการแต่งตั้งตำรวจ และตำรวจที่ยอมศิโรราบให้กับนักการเมือง ระบุ จะขอเป็นปากเสียงแทนตำรวจที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการแต่งตี้งระดับรอง ผบก.-สว.พร้อมฉะโฆษก ตร.ให้พูดความจริง ย้ำ หากได้เป็น ก.ตร.เต็มตัว เตรียมเปิดศึกในที่ประชุมแน่ แต่ครั้งนี้ มาร้องแรกแหกกระเฌอกับสื่อมวลชนและประชาชนให้ได้รับรู้ก่อน

วันนี้ (1 ก.พ.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช อดีต รองผบ.ตร. ในฐานะว่าที่ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ กล่าวถึงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจในตำแหน่งรอง ผบก.-สว.วาระประจำปี 2553 ว่า ก่อนหน้านี้ที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า หากตนมีอะไรก็ขอให้พูดคุยกันภายในที่ประชุม ก.ตร. แต่ระหว่างที่ยังไม่มีการโปรดเกล้าฯในตำแหน่ง ก.ตร.จึงขอมาพูดผ่านสื่อในเรื่องที่ควรจะพูดใน ก.ตร.

“ที่ผ่านมา แม้ผมจะออกมาเตือน ผบ.ตร.และ ผบช.ถึงเรื่องการแต่งตั้งโยกย้าย แต่ถึงตอนนี้ กลับยังมีโทรศัพท์เข้ามาร้องเรียนที่ผมวันละหลายร้อยครั้ง ถึงการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ ประกอบกับคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายนี้ ต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นตั้งแต่วันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา แต่กลับยังทำไม่แล้วเสร็จ ซึ่งตอนนี้มีบางกองบัญชาการที่ผมรับไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น บช.ในพื้นที่ภาคอีสาน โดยเฉพาะใน บช.ภ.4 เนื่องจากมีเรื่องร้องเรียนมากมาย ซึ่งในการประชุมพิจารณาแต่งตั้งโยกย้าย ก็มีการกล่าวอ้างว่า มีบัญชีฝากจาก ตร.และฝ่ายการเมืองเกือบทุกตำแหน่ง โดยผู้บัญชาการก็จะอ้างว่า ฝ่ายการเมืองและฝ่ายบริหารสั่งให้ตั้ง ทำให้การพิจารณาแต่งตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรมและไม่เป็นตามวัตถุประสงค์ ไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ” พล.ต.อ.อชิรวิทย์ กล่าว

พล.ต.อ.อชิรวิทย์ กล่าวว่า ขอยกตัวอย่างตำรวจบางคน ก่อนหน้านี้เป็นสารวัตรหัวหน้าสถานี ในสังกัดบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด ที่ได้รับรางวัลมาตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมา ได้รับการเสนอชื่อจากผบก.จว. ให้แต่งตั้งขึ้นตำแหน่งสารวัตรใหญ่หัวหน้าสถานี ซึ่งได้รับการยกฐานะ แต่รายชื่อกลับถูกตีตกในที่ประชุมบอร์ดคัดเลือก และไม่มีรายชื่อแม้ในตำแหน่งรองผกก.ด้วยซ้ำ ดังนั้น กรณีนี้ พล.ต.ท.สมพงษ์ คงเพชรศักดิ์ ผบช.ภ.4 ต้องตอบคำถามเรื่องนี้ให้ได้ว่า เหตุใดจึงมีการแต่งตั้งสารวัตรธรรมดาที่ไม่ใช่ตำแหน่งสารวัตรหัวหน้าสถานีมา ดำรงตำแหน่งรองผกก.ได้ ทั้งที่สารวัตรหัวหน้าสถานีคนดังกล่าวครองตำแหน่งมากว่า 7 ปีแล้วกลับตั้งขึ้นไม่ได้

พล.ต.อ.อชิรวิทย์ กล่าวอีกว่า ก.ตร.มีอำนาจที่จะกำกับดูแลและตรวจสอบการบริหารงานบุคคล หากเห็นความไม่ชอบมาพากลก็สามารถนำเรื่องเสนอเข้าที่ประชุมก.ตร.พิจารณาได้ แต่ตนยังไม่ได้เป็นก.ตร.โดยสมบูรณ์ จึงขอนำเรื่องดังกล่าวมาร้องเรียนต่อสื่อมวลชนและประชาชน ซึ่งหากตนมีอำนาจเต็มที่ก็จะทำเรื่องเสนอต่อที่ประชุม ก.ตร.และทำเรื่องเสนอนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานก.ตร.โดยตำแหน่ง และต้องฝากบอกนายสุเทพ ว่า ตนจะนำเรื่องเข้าที่ประชุม ก.ตร.แน่นอน

“นอกจากนี้ ขอฝากไปยัง ผบช.ภ.ทุกแห่งที่มีอำนาจตามพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 มาตรา 54 ถ้าหากมีการใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรม ลุแก่ โลภะ โมหะ โทสะ แต่งตั้งบุคคลากรข้ามขั้นตอน หรือก่อให้เกิดความแตกแยกในหน่วยงาน ตัว ผบช.และรอง ผบช.ที่เป็นบอร์ดกลั่นกรองต้องร่วมรับผิดชอบ วันนี้อยากให้ทุกฝ่ายไปดูกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่ฝ่ายการเมืองไม่สามารถแทรกแซงได้ และขอให้ไปดูตัวอย่างคนที่ไม่กลัว ประกอบกับเหตุใดผมออกมาเตือนตั้งแต่แรกแล้ว จึงไม่มีใครฟังและเกรงใจคนที่เป็นครูอาจารย์ ซึ่งได้รับเลือกเป็นก.ตร.ที่ออกมาเตือนหลายครั้ง แต่กลับไปกลัวอำนาจนอกระบบ ซึ่งการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายในการแต่งตั้งเช่นนี้ ทำให้องค์กรเสียหาย” พล.ต.อ.อชิรวิทย์ กล่าว

“ผมขอฝากไปยังโฆษก ตร.ด้วยว่า การเป็นโฆษกต้องพูดความจริง อย่างเรื่องแต่งตั้ง ผบ.ตร.ระบุว่า มีฝ่ายการเมืองกรุณาแนะนำมา แต่โฆษกกลับบอกว่า ไม่มีการแทรกแซงหรือตั๋วฝากมา ซึ่งไม่รู้ออกมาพูดเช่นนี้ได้อย่างไร การออกมาชี้แจงเรื่องที่ไม่เป็นจริงต่อสาธารณะชน จะส่งผลให้องค์กรเสียหาย ผมเป็นโฆษกมาก่อน จึงรู้ว่าควรทำอย่างไร เรื่องแต่งตั้งออกมาแบบนี้ แต่โฆษกกลับไม่พูดความจริง ผมฟังแล้วก็รู้สึกอาย อะไรที่ไม่ชัดก็ต้องมีศิลปะในการตอบ ไม่ใช่ปฏิเสธเลยว่าไม่มี ดังนั้น จึงอยากให้น้องรักที่เป็นลูกศิษย์พูดความจริงกับสังคมบ้าง วันนี้ถ้าบ้านเมืองเป็นแบบนี้เป็นตำรวจยังหวั่นไหว และทำงานที่ต้องกลัว อิทธิพลนอกระบบ และประชาชนจะอยู่อย่างไร จากนี้ตำรวจที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการแต่งตั้งสามารถร้องทุกข์ด้วยการ โทรศัพท์หรือส่งข้อความมาที่ผม หรือร้องเรียนผ่านเว็บไซต์ตำรวจทุกแห่ง ผมจะไปดึงข้อมูลมารวบรวมและเป็นคนกลางดำเนินการร้องเรียนให้อย่างเต็มที่” พล.ต.อ.อชิรวิทย์กล่าว

เมื่อถามว่า นอกจากเรื่องอำนาจนอกระบบที่เข้ามาแทรกแซง ยังมีเรื่องซื้อขายตำแหน่งด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.อชิรวิทย์ กล่าวว่า เป็นเรื่องไปยาลใหญ่ที่รู้กันอยู่ทั่วไป ก็ต้องพิสูจน์ว่าจริงหรือเท็จ ที่ชัดเจนคือที่ประชุมทุกบช. ทางผบช.ต้องตอบคำถามรองผบช.ทุกคนว่า ตร.และฝ่ายการเมืองสั่งมา ซึ่งตั๋วต่างๆ ไม่มีคนเซ็นนำส่ง แต่เป็นตั๋วมืดที่ให้มารับบัญชีไปและต้องดำเนินการตามนั้น ส่วนที่คำสั่งยังออกไม่ได้ เพราะทุกกองบัญชาการต้องส่งมาตรวจสอบว่าเป็นไปตามคำสั่งหรือไม่ เรื่องนี้ ผบก.กองทะเบียนพลสามารถตอบได้ ส่วนตั๋วนักการเมืองมาจากใครนั้น ก็ขอละไว้ในฐานที่เข้าใจ นักการเมืองที่ต้องการใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือ และเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการแต่งตั้งทั้งหมด ตนไม่ตำหนิฝ่ายการเมืองอย่างเดียว แต่ขอตำหนิฝ่ายตำรวจด้วย ที่นำตัวไปสยบกับฝ่ายการเมือง ตนบอกแล้วว่า ตราแผ่นดินที่สวมอยู่หน้าหมวก ทำไมต้องไปสิโรราบกับตักนักการเมือง

เมื่อถามว่า ที่ออกมาเช่นนี้ เพราะเด็กของ ก.ตร.เสียประโยชน์ใช่หรือไม่ พล.ต.อ.อชิรวิทย์ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์อะไรเลย ตนเป็นเพียงว่าที่ก.ตร.และกำลังทำตามหน้าที่ ตอนนี้แค่ซ้อมมือในการกำกับดูแลตรวจสอบ

“ทำไมคุณกลัวอำนาจนักการเมืองย้ายคุณหลุดจากตำแหน่ง แต่เหตุใดไม่กลัวว่า ต้องหลุดจากตำแหน่ง เพราะอำนาจของก.ตร.บ้าง พูดแบบไม่ต้องดัดจริต การแต่งตั้งโดยใช้ระบบอุปถัมภ์ร้อยละ 20 ก็พอรับได้ แต่อย่าถึงขั้นต้องใช้ระบบอุปถัมภ์ทั้งหมด ส่วนโผระดับรองผบก.-ส.ว. ส่วนตัวคิดว่า ต้องรื้อ เพราะอะไรที่ผิดก็ต้องมีการตรวจสอบให้ถูกต้อง ประกอบกับก่อนหน้านี้รัฐบาลออกมาระบุว่า จะไม่แทรกแซงการแต่งตั้งข้าราชการบุคลากรตำรวจตามรัฐธรรมนูญ แต่ตอนนี้เหตุใดตั๋วกับมีเต็มไปหมด และขอเตือนว่า หากแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจไม่ถูกต้อง ก็มีความผิดตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ มาตรา 54 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157” พล.ต.อ.อชิรวิทย์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น