ศาลยกฟ้อง “แซมดิน-ตายแน่” ฟ้อง “มาร์ค-เทือก-กษิต-บิ๊กป้อม” ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จ่อเข้าข้างเขมร ยอมรับคนไทยล้ำเขตแดน เหตุเพราะฟ้องผิดศาล ชี้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเท่านั้น ที่มีอำนาจพิพากษาได้
วันนี้ (1 ก.พ.) ที่ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลมีคำพิพากษายกฟ้องในคดีที่ ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ และ นายตายแน่ มุ่งมาจน กลุ่มสันติอโศก 2 ใน 7 คนไทยที่ถูกทางการกัมพูชาจับกุมเป็นโจทก์ฟ้อง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ร่วมกันกระทำการใดๆ เพื่อให้ราชอาณาจักรตกไปอยู่ใต้อธิปไตยของรัฐต่างประเทศ กรณีพิพาทเรื่องที่ดินชายแดนไทย-กัมพูชา
ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยในฐานะนายกรัฐมนตรี กระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเท่านั้น ที่มีอำนาจพิพากษาได้ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 275 วรรคหนึ่ง จึงให้ยกฟ้อง
สำหรับคดีนี้ โจทก์บรรยายฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.53 โจทก์กับพวกรวม 7 คน เดินทางไปตรวจสอบเขตแดนของราชอาณาจักรไทย เขตบ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ตามที่ราษฎรไทย ร้องเรียนว่า ชาวกัมพูชาจำนวนมากเข้ามารุกล้ำและยึดครองที่ทำกินของราษฎรไทยจนไม่สามารถเข้าไปทำกินได้ ขณะนั้นถูกทหารกัมพูชาติดอาวุธเข้าล้อมจับกุมในเขตบ้านหนองจานและถูกนำไปคุมขังภายใต้อำนาจศาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา กรุงพนมเปญ จนถึงวันที่ 22 ม.ค.54 จึงได้รับการปล่อยตัว โดยถูกดำเนินคดีข้อหาเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรผิดกฎหมาย ศาลประเทศกัมพูชาพิพากษาจำคุก 9 เดือนโทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ และปรับ 7,500 บาท ขณะที่จำเลยทั้งสี่ เป็นผู้แทนของราชอาณาจักรไทย มีหน้าที่ดูแลปกป้องดินแดน อธิปไตย แต่เมื่อทราบว่าโจทก์กับพวกถูกจับในเขตแดนไทย จำเลยทั้งสี่ก็ไม่ดำเนินกิจกรรมระหว่างประเทศกับกัมพูชา ไม่เรียกร้องให้มีการระงับข้อพิพาทด้วยสันติวิธี ตามข้อตกลงว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างไทยและกัมพูชา หรือMOU พ.ศ.2543
นอกจากจะไม่ดำเนินการเจรจา หรือเรียกร้องต่อรัฐบาลกัมพูชาแล้ว จำเลยทั้งสี่ยังให้สัมภาษณ์ยอมรับกับสื่อว่า โจทก์รุกล้ำเข้าไปในเขตแดนกัมพูชาถึง 1 กม.เศษ และการที่จำเลยทั้งสี่ปล่อยจนให้มีศาลกัมพูชาพิพากษาคดีว่าโจทก์เป็นคนเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย เป็นการยอมรับอำนาจอธิปไตยนอกเขตดินแดนของศาลกัมพูชาว่า มีอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนเหนือบ้านหนองจาน จำเลยทั้งสี่ให้สัมภาษณ์ว่า “ฝ่ายไทยต้องเคารพกระบวนการและขั้นตอนของศาลกัมพูชา” การกระทำของจำเลยจึงเป็นการร่วมกันละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเป็นการคบคิดกับนายฮุนเซน นายฮอร์นัมฮง และบุคคลอื่น กระทำการเพื่อประโยชน์ของราชอาณาจักรกัมพูชาด้วยความประสงค์ในทางที่เป็นปรปักษ์กับราชอาณาจักรไทย