xs
xsm
sm
md
lg

ชาวสระแก้วพบ “มาร์ค” อ้างเฉยสระยูเอ็นอยู่ในเขตเขมร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“มาร์ค” นัดพบชาวบ้านอ้างเป็นคนบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ยืนยันแทนเขมร สระน้ำยูเอ็นอยู่ในเขตกัมพูชา ส่วนชาวบ้านที่อ้างมีเอกสารสิทธิ ส.ค.1 นั้นเป็นพื้นที่คร่อมอยู่ระหว่างไทย-กัมพูชา ระบุที่ออกเอกสารสิทธิได้เพราะเจ้าหน้าที่ไม่ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ บอกที่ออกมาพูดเพราะกลัวเดือดร้อนหากต้องรบกับเขมร



ที่ทำเนียบรัฐบาล เช้าวันนี้ (30 ม.ค.) นายธารา ศิลาเวียง ชาวบ้านบ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ได้เข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีหลักเขตแดนบริเวณพื้นที่ทับซ้อนระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชา

นายธาราให้สัมภาษณ์หลังเข้าพบนายกรัฐมนตรีว่า สระน้ำยูเอ็นที่ขุดสมัยชาวกัมพูชาลี้ภัยสงครามนั้น เมื่อขีดเส้นตรงแล้วจะเป็นพื้นที่ของกัมพูชา ที่บอกว่าเป็นพื้นที่เอกสารสิทธินั้นก็จริง เมื่อก่อนชาวบ้านเข้าไปทำกินในพื้นที่คาบเกี่ยวกันระหว่างไทยกับเขมร ก่อนที่จะมีการสู้รบ พอเขมรแตกตอนปี 2518 ก็ถอยกลับมา และเอกสารสิทธิก็ออกไปถึงจดชายแดน แต่ก็ไม่รู้ชายแดนอยู่ตรงไหน พอมีปัญหาก็เลยเป็นการคาบเกี่ยวกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเข้าพบนายกรัฐมนตรีวันนี้เพื่อต้องการจะบอกว่าพื้นที่ปัญหานั้นเป็นของกัมพูชาใช่หรือไม่ นายธารากล่าวว่า ใช่ เพราะเขามีการทำเอกสารสิทธิพื้นที่คาบเกี่ยวกัน ซึ่งเลยเข้าไปถึงเขตกัมพูชาและสระน้ำจริงๆ แล้วเป็นของเขา ถ้าดูตามแผนที่ที่ขีดเส้นตรงจาก 46-47 สระน้ำจะอยู่ทางกัมพูชา เมื่อถามว่าชาวบ้านอีกกลุ่มอ้างว่าบ่อน้ำตรงนั้นเป็นขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) นายธารากล่าวว่า ไม่ใช่ เป็นของยูเอ็นจริง แต่อยู่ในฝั่งกัมพูชาตั้งแต่ช่วงสงคราม

ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่ากลุ่มชาวบ้านที่ออกมาระบุมีข้อมูลที่ไม่ถูกต้องใช่หรือไม่ นายธารากล่าวว่า ถูกต้องแต่เขาอยากได้พื้นที่คืน เขาก็ต้องพูดอย่างนั้น ในเมื่อเขาอยากได้ที่นาของเขาคืน เมื่อถามว่าแสดงว่าเป็นพื้นที่ของกัมพูชาที่เขาสามารถทำกินได้แต่เขาไม่มีสิทธิ นายธารากล่าวว่า ใช่ เมื่อก่อนนี้เป็นที่ที่เขาทำกินอยู่ แต่พอเขมรแตกยูเอ็นได้นำอาหารมาส่งและตั้งศูนย์อพยพขึ้นมา ก็เลยต่อเนื่องมาตั้งแต่ครั้งนั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่าหมายถึงว่าพื้นที่ที่เป็นเอกสารสิทธิเป็นพื้นที่ที่คร่อมอยู่ระหว่างไทยกับกัมพูชา นายธารากล่าวว่า ใช่ เมื่อถามต่อว่าแล้วเอกสารสิทธิออกได้อย่างไร นายธารากล่าวว่า ชาวบ้านได้แจ้งเข้ามาแต่ไม่ได้มีการไปลงพื้นที่ตรวจสอบจริง

ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าเอกสารครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) มีการแจ้งกับกำนันและผู้ใหญ่บ้าน นายธารากล่าวว่า ใช่ ในส่วนของชาวบ้านกลุ่มนี้ระบุว่าเขาสามารถเข้าไปทำกินในพื้นที่กว่า 30 ปีแล้ว เมื่อถามว่า เจ้าหน้าที่ได้มีการเข้าไปดูพื้นที่บ้างหรือไม่ นายธารากล่าวว่า เมื่อก่อนเข้าได้ แต่พอมีปัญหาก็ไม่สามารถเข้าได้ แต่ถ้าเขามีความรู้ก็สามารถอธิบายได้ว่าพื้นที่ที่ 7 คนถูกจับเป็นอย่างไร พื้นที่ที่มีปัญหาเป็นอย่างไร ก็คงจะไม่เกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นมา จะมีการจุดประเด็นอะไรก็แล้วแต่ แต่อย่าเอาคนบริเวณชายแดนมาเป็นตัวประกันว่าจะต้องบุกเขมรรุกเขมร เพราะสิ่งที่ผ่านมาเมื่อครั้งที่ตนต้องหลบลูกปืนตอนสู้รบกันไม่มีใครไปดูแลตน แต่พอตนอยู่อย่างสงบสุขสองประเทศไม่มีปัญหาต่อกันก็จะมาเอาที่คืน ซึ่งปัญหาชายแดนนั้นไม่จบง่ายๆ ต้องใช้วิธีสันติไม่ใช่เอากำลังเข้าไปสู้กัน

เมื่อถามว่า วันนี้ได้รับผลกระทบอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายธารากล่าวว่า ส่วนตัวของตนไม่เกี่ยวกับใครหากจะมาเอาพื้นที่คืน โดยนำตัวพวกตนเป็นตัวประกัน แล้วไม่มีความรู้จริงๆ ก็อย่าเอาไปพูด เพราะมีได้มีเสียทั้งสองประเทศใช้การเจรจาอย่างเดียว เมื่อถามว่าจะถูกกล่าวหาหรือไม่ว่ามองแต่ปัญหาเฉพาะหน้าไม่มองปัญหาของแผ่นดิน นายธารากล่าวว่า พูดตามความจริงแล้วคนที่อยู่ชายแดนเป็นคนที่รักชาติ ตนปกป้องกันมาสู้รบมาตลอด ลักษณะที่จะบอกว่าเห็นประโยชน์ส่วนตัวนั้นไม่จริง เพราะตนไม่ได้สุขสบายเหมือนคนในเมือง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่มีการอ้างว่าไม่สามารถทำกินในที่ดินของตนได้จนต้องอพยพออกไป นายธารากล่าวว่า เพราะเขากลัวการสู้รบ และในช่วงสู้รบเขาก็ยังอยู่และได้รับผลกระทบ เมื่อถามว่า เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นรัฐบาลให้ความช่วยเหลืออย่างไร นายธารากล่าวว่า ตนอยากจะให้รัฐบาลยึดแนวทางสันติ พูดคุยกันโดยสันติ ซึ่งนายกฯก็กำลังจะแก้ปัญหาให้ กำลังคุยในเรื่อง MOU 43 เมื่อถามว่า ได้มีการพูดคุยกับชาวบ้านอีกกลุ่มหรือไม่ในฐานะที่เป็นชาวบ้านด้วยกัน นายธารากล่าวว่า มีการคุยกัน ซึ่งเขาก็อยากได้ที่ของเขา แต่เมื่อยังไม่มีการปักปันเขตแดนที่ถูกต้องก็ต้องรอ เพราะเป็นปัญหาของรัฐบาลเราจะมาแก้เองก็ไม่ได้







กำลังโหลดความคิดเห็น