xs
xsm
sm
md
lg

ฟ้อง “มาร์ค-ชวน-สุขุมพันธุ์” เซ็น MOU 43 ทำไทยเสียดินแดนเขมร 4.6 ตร.กม.

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตรมว.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในสมัยนั้น,นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี,ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร อดีตรมช.ต่างประเทศ
แกนนำกลุ่มธรรมยาตราทวงคืนเขาพระวิหารและมณฑลบูรพา ยื่นฟ้อง “มาร์ค-ชวน-สุขุมพันธุ์” เซ็น MOU 2543 ทำไทยเสียเปรียบเขมร ต้องสูญเสียพื้นที่ในเขตไทยไปนับพันไร่ เบื้องต้นศาลรับคำฟ้องไว้เพื่อมีคำสั่งต่อไป

วันนี้ (27 ม.ค.) เมื่อเวลา 14.30 น. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายสมาน ศรีงาม แกนนำกลุ่มธรรมยาตรา ทวงคืนเขาพระวิหารและมณฑลบูรพา พร้อมนายสุนทร ชัยยา ทนายความ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร อดีต รมช.ต่างประเทศ นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีต รมว.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐาน ปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, กระทำผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 1 และมาตรา 3

คำฟ้องสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 5 มิ.ย.-9 พ.ย. 2543 จำเลยที่ 1 เป็น รมช.ต่างประเทศ จำเลยที่ 2 เป็นนายกรัฐมนตรี จำเลยที่ 3 เป็น รมว.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กระทำผิดหลักรัฐธรรมนูญ ปี 2550 มาตรา 3 โดยจำเลยได้ปฏิบัติราชการแผ่นดินโดยมิชอบ ไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม ขัดรัฐธรรมนูญ ปี พ.ศ. 2540 มาตรา 224 และประมวลกฎหมายอาญา ทำให้ประเทศชาติเสียหาย กล่าวคือได้ร่วมกันทำสัญญาบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชาว่า ด้วยการสำรวจการจัดทำเขตแดนทางบก ปี พ.ศ. 2543 มีสาระสำคัญว่าการสำรวจจัดทำหลักเขตแดนทางบก จะต้องทำโดยบรรดาเอกสารที่ผูกพันไทย-กัมพูชา ตามกฎหมายระหว่างประเทศ คือ อนุสัญญาฉบับวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1904 และ ฉบับวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1907 และแผนที่แสดงเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา มาตรา 1 : 200,000 ซึ่งจัดทำขึ้นโดยฝรั่งเศสเพียงฝ่ายเดียว อันเป็นการแบ่งแยกดินแดนออกจากประเทศไทยหรือการเปลี่ยนแปลงอาณาเขตอย่างชัดเจน

นอกจากนี้ จำเลยยังได้ทำหนังสือสัญญาที่มีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทย หรือเขตอำนาจแห่งรัฐ โดยไม่ผ่านรัฐสภา ส่งผลให้การทำสัญญาและบันทึกข้อตกลงหรือเอ็มโอยู 2543 ตกเป็นโมฆะ เพราะขัดรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 และ พ.ศ. 2550 ดังนั้น จำเลยทั้งสามจึงไม่สามารถนำบันทึกข้อตกลงหรือเอ็มโอยู ดังกล่าวไปใช้ประโยชน์อื่นใด หรือดำเนินการใดๆ ได้ทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อระหว่างวันที่ 1 ม.ค.52 -ปัจจุบันจำเลยที่ 3 ได้กระทำมิชอบ โดยใช้บันทึกข้อตกลงดังที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งตกเป็นโมฆะไปแล้ว นำไปใช้หรือสนับสนุน เพื่อบรรลุผลในการบังคับเปลี่ยนแปลงแนวเขตแดนของประเทศจากแบ่งตาม “สันปันน้ำ” แต่เพียงอย่างเดียว ก็เปลี่ยนเป็นแนวอื่นเช่น ตามแผนที่ 1 : 200,000 ที่ฝรั่งเศสทำฝ่ายเดียว นำมาใช้บังคับ ทำให้เขตแดนไทย มีปัญหา ต้องสูญเสียพื้นที่ในเขตไทยไปนับพันไร่ ในเขต 4.6 ตารางกิโลเมตร บริเวณเขาพระวิหารและนับแสนไร่ บริเวณติดชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม ขัดรัฐธรรมนูญและผลตกเป็นโมฆะ ท้ายคำฟ้องโจทก์ยังได้ยื่นเอกสารประกอบเช่น หนังสือสำคัญระหว่างประเทศ เอกสารเกี่ยวกับเอ็มโอยู 2543 ประกอบการพิจารณา เบื้องต้นศาลรับคำฟ้องไว้เพื่อมีคำสั่งต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น