“สุเทพ” นัดถก ก.ตร.พรุ่งนี้ วาระสำคัญเรื่องเพิ่มเงินเดือนตำรวจเลื่อนตำแหน่ง-ขอยกเว้นหลักเกณฑ์แต่งตั้งรอง ผบก.-สว.ประจำปี 2553 ข้ามหน่วยบางตำแหน่ง “อชิรวิทย์” ว่าที่ ก.ตร.แฉ มีโผฝากเด็ก คาดโทษผู้บัญชาการหน่วยรับผิดชอบ พร้อมปลุกตำรวจเป็นขบถ ต้านนักการเมืองแทรกแซง
วันนี้ (26 ม.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในพรุ่งนี้เวลา 12.00 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่งคง นัดประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 2/2554 ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีวาระที่เสนอเพื่อพิจารณา เรื่องที่ 1 การเลื่อนเงินเดือนให้แก่ข้าราชการให้แก่ข้าราชการตำรวจ ตามผลการพิจารณาให้ได้รับเงินตอบแทนพิเศษในครั้งหลังสุด (1 ต.ค.2552) ณ วันที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งและได้รับยศสูงขึ้น เรื่องที่ 2 การเลื่อนเงินเดือนหรือให้ได้รับเงินตอบแทนพิเศษประจำปี 2553 ครั้งที่ 2 ครึ่งปีหลัง (1 ต.ค.2553) ให้แก่ข้าราชการตำรวจผู้รับเงินเดือนระดับ ส.6 ขึ้นไป
เรื่องที 3 การเลื่อนเงินเดือนให้แก่ข้าราชการตำรวจผู้รับเงินเดือนถึงขั้นสูงของระดับ ส.5 (เต็มขั้น) และได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผบก.หรือเทียบเท่า จำนวน 54 ราย เรื่องที่ 4 การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ระดับรอง ผบก.-สว.วาระประจำปี 2553
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการประชุม ก.ตร.ครั้งนี้ ยังคงเป็นการประชุม ก.ตร.ชุดเก่า ทั้งนี้เนื่องจาก ก.ตร.ชุดใหม่ยังอยู่ในกระบวนการนำขึ้นโปรดเกล้าฯ ซึ่งตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ 2547 ระบุว่า ก.ตร.ชุดเก่ายังคงทำหน้าที่ต่อไปได้ แม้จะครบวาระแล้ว จนกว่า ก.ตร.ชุดใหม่จะได้รับการโปรดเกล้าฯ
พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ (ก) กล่าวว่า พรุ่งนี้ยังเป็นการประชุมของคณะกรรมการชุดเดิมอยู่ เนื่องจากคณะกรรมการชุดใหม่ยังไม่มีการโปรดเกล้าฯ ซึ่งวาระสำคัญมี 2 เรื่อง คือ การเพิ่มเงินเดือนให้กับข้าราชการตำรวจที่ได้เลื่อนตำแหน่งไปแล้วแต่เงินเดือนยังไม่ขึ้น และเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับ รอง ผบก.-สว.ประจำปี 2553 ซึ่งจะมีการเสนอบัญชีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไม่ตรงกับหลักเกณฑ์การแต่งตั้ง เช่น การโยกย้ายข้ามหน่วย บางตำแหน่งมีปัญหาเรื่องข้อกฎหมาย จึงต้องขออนุมัติ ก.ตร.ซึ่งบัญชียังไม่มีการแนบมาด้วย จะเสนอมายังที่ประชุม
ด้าน พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช อดีตรอง ผบ.ตร.ว่าที่ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ (ก) กล่าวว่า รู้สึกผิดหวังและเสียใจ ที่ก่อนหน้านี้ได้ออกมาทักท้วงเรื่ององค์กรตำรวจ ถูกแทรกแซงจากนักการเมือง แต่ไม่ได้รับการตอบสนองเท่าไหร่นัก ซึ่งจนถึงขณะนี้ ก็ยังได้รับเสียงร้องเรียน ว่าถูกพิจารณาให้โยกย้ายโดยไม่เป็นธรรม เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้มีอำนาจ ที่จะวางคนของตนเองลงมาในตำแหน่ง โดยเป็นในลักษณะของการหยิบชื่อออก และนำเสนอคนที่ดำรงตำแหน่งครั้งสุดท้ายไม่ครบ 2 ปี ตามกฎ ก.ตร.ว่าด้วยหลักเกณฑ์การแต่งตั้ง ทั้งที่คนที่ร้องเรียนก็มีผลงาน ได้รับรางวัลดีเด่นด้านต่างๆ ก็ถูกโยกออกในระนาบ เพื่อให้คนของผู้มีอำนาจมาอยู่ในตำแหน่งแทน ตอนนี้ที่ชัดเจน ร้องเรียนมาจำนวน 4 รายแล้ว มีทั้งในนครบาล และในภาคใต้
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ กล่าวต่อว่า คงต้องรอดูว่าคณะกรรมการพิจารณายกเว้นหลักเกณฑ์ ที่มี พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ที่ปรึกษา สบ10 งานกฎหมายและสอบสวน เป็นประธานคณะกรรมการ จะพิจารณารายชื่ออย่างไร ถ้าหากผลการแต่งตั้งออกมาและพบว่าคนเหล่านี้ และอีกหลายๆ คน ไม่ได้รับความเป็นธรรม ตนจะนำชื่อให้ผู้บัญชาการหน่วยที่มีอำนาจแต่งตั้งชี้แจงเป็นรายๆ ไป อย่างไรก็ตาม ได้แต่หวังว่าผู้ที่มีอำนาจแต่งตั้งทั้งหลายจะเป็นขบถ ไม่ยอมตามที่ผู้มีอำนาจเสนอ
“เรื่องการส่งโผรายชื่อ เด็กฝากเข้ามา แน่นอนว่า คนที่ส่งโผไปยังกองบัญชาการต่างๆ ไม่มีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรแน่ๆ ถึงไปง้างปากอย่างไรคนเหล่านี้ก็ไม่พูดว่าส่งโผ ตั๋วการเมืองไปให้หน่วยหรอก คงได้แต่อ้อมแอ้มว่า การเมืองแนะนำมา ซึ่งหมายความว่า คนที่ส่งโผไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ และไม่มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร มีแต่รายชื่อเฉยๆ มาให้ แต่ที่คนรับผิดชอบ คือ ผู้บัญชาการหน่วย ที่เซ็นคำสั่งและบอร์ดกลั่นกรองที่มีอำนาจในการพิจารณาคัดเลือก เพราะฉะนั้นก่อนจะตัดสินใจที่จะยอมรับทำตามตั๋ว ก็ต้องพิจารณาดีดี เนื่องจากต้องรับผิดชอบหากออกคำสั่งแต่งตั้ง ทั้งๆ ที่รู้ว่า ทำผิดกฎหมายก็อาจถูกฟ้องร้องจากผู้ที่เสียสิทธิ์ได้ ผมก็ออกมาทักท้วง เตือนสติ” พล.ต.อ.อชิรวิทย์ กล่าว