เลื่อนอ่านอุทธรณ์คดีอุ้ม “ทนายสมชาย” เหตุยังไต่สวนการสาบสูญของ “พ.ต.ต.เงิน ทองสุก” จำเลยที่ถูกจำคุกยังไม่แล้วเสร็จ และติดปัญหาด้านการส่งหมาย ศาลนัดอีกรอบ 7 ก.พ. นี้
วันนี้ (21 ม.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องพิจารณา 913 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลมีคำสั่งเลื่อนนัดอ่านพิพากษาศาลอุทธรณ์ “คดีอุ้มนายสมชาย นีละไพจิตร อดีตประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม” ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 และ นางอังคณา นีละไพจิตร ภรรยา รวมทั้งบุตร 4 คน ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ต.เงิน ทองสุก อายุ 49 ปี อดีต สว.กอ.รมน.ช่วยราชการกองปราบปราม, พ.ต.ท.สินชัย นิ่มปุญญกำพงษ์ อายุ 42 ปี อดีตพนักงานสอบสวน กก.4 ป., จ.ส.ต.ชัยเวง พาด้วง อายุ 40 ปี อดีต ผบ.หมู่งานสืบสวน แผนก 4 กก.2 บก.ทท., ส.ต.อ.รันดร สิทธิเขต อายุ 38 ปี อดีตเจ้าหน้าที่ธุรการ กก.4 ป. และ พ.ต.ท.ชัดชัย เลี่ยมสงวน อายุ 45 ปี อดีตรอง ผกก.3 ป. เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อกระทำผิด และร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด หรือไม่กระทำการใด โดยใช้กำลังประทุษร้าย
ทั้งนี้ เนื่องจากยังอยู่ระหว่างการไต่สวนคดีบุคคลสาบสูญของศาลจังหวัดปทุมธานี ซึ่งญาติ พ.ต.ต.เงิน จำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้อง โดยระบุว่า พ.ต.ต.เงิน จำเลยที่ 1 หายสาบสูญในเหตุการณ์คันกันน้ำถล่มที่เขื่อนแควน้อย จ.พิษณุโลก เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2551 อีกทั้งยังสามารถส่งหมายนัดให้จำเลยที่ 1 ทราบนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ จึงให้เปลี่ยนวิธีการส่งหมายโดยใช้วิธีติดประกาศหน้าศาลภายในกำหนด 15 วัน และให้ถือว่าจำเลยที่ 1 ทราบหมายโดยชอบแล้ว และนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อีกครั้งวันที่ 7 กุมภาพันธ์ นี้ เวลา 09.00 น.
ด้าน นางอังคณา นีละไพจิตร ภรรยานายสมชาย กล่าวว่า ที่ผ่านมาในระหว่างการพิจารณาคดีของศาล ถูกข่มขู่คุกคามโดยการโทรศัพท์มาที่บ้าน และเคยมีผู้นำกระดูกชิ้นใหญ่มาวางไว้หน้าบ้านอีกด้วย ในส่วนคดี พ.ต.ต.เงิน เป็นบุคคลสาบสูญนั้น กรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งเป็นโจทก์ร่วมจะยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลไม่ให้มีคำสั่งให้ พ.ต.ต.เงินเป็นบุคคลสาบสูญ โดยหากยังไม่พบศพ ก็ไม่เชื่อว่า พ.ต.ต.เงินเสียชีวิต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้โจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2547 สรุปว่า เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2547 จำเลยทั้งห้ากับพวก ร่วมกันปล้นทรัพย์ของนายสมชาย ผู้เสียหายซึ่งหายตัวไป และลักทรัพย์เอารถยนต์ หมายเลขทะเบียน ภง 6768-กรุงเทพฯ, นาฬิกาข้อมือยี่ห้อโรเล็กซ์ 1 เรือน, ปากกายี่ห้อ มองบลังค์ 1 ด้าม และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง รวมราคาทรัพย์ทั้งสิ้น 903,460 บาท โดยพวกจำเลยได้ร่วมกันใช้กำลังประทุษร้าย ผลักและฉุดกระชากตัวนายสมชายให้เข้าไปในรถยนต์ของจำเลยทั้ง 5 แล้วจับตัวพาไปซึ่งจนถึงขณะนี้ ไม่ทราบว่านายสมชาย จะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ต่อมาวันที่ 16 มีนาคม 2547 พนักงานสอบสวนยึดรถยนต์ของนายสมชาย ผู้เสียหาย ที่ถูกจำเลยทั้ง 5 ร่วมกันปล้นทรัพย์ไปดังกล่าว เป็นของกลาง ต่อมาวันที่ 8 เมษายน 2547 จำเลยที่ 1-4 เข้ามอบตัว และวันที่ 30 เมษายน 2547 จำเลยที่ 5 เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน ในชั้นสอบสวนจำเลยทั้ง 5 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ซึ่งศาลอาญามีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2549 ว่า การกระทำของ พ.ต.ต.เงิน จำเลยที่ 1 เป็นความผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษบทหนักสุด ม.309 วรรคแรก พิพากษาจำคุก 3 ปี ส่วนความผิดฐานปล้นทรัพย์แม้ข้อเท็จจริงได้ว่าจำเลยที่ 1 กับพวกขับรถนายสมชายไปจอดทิ้งไว้ที่สถานีขนส่งหมอชิต 2 ก็เพื่ออำพรางหลบหลีกการสืบสวนจับกุม ไม่แสดงให้เห็นเจตนาว่า พวกจำเลยประสงค์ต่อทรัพย์ ส่วนทรัพย์สินอื่นก็ไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยที่ 1 กับพวกได้นำทรัพย์สินไปจริงหรือไม่ จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดฐานปล้นทรัพย์ ส่วนจำเลยที่ 2-5 พิพากษายกฟ้อง ต่อมาอัยการโจทก์ และโจทก์ร่วมยื่นอุทธรณ์ ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษพวกจำเลยด้วย