รถร่วมบริการฯ สาย 43 ทับหัว จยย.ดับอนาถหน้าโรงพักจักรวรรดิ โชเฟอร์ตีนผีอ้างคู่กรณีถูกรถเก๋งชนกระเด็นมาติดใต้ท้องแล้วถูกตนเหยียบซ้ำ ตำรวจแจ้งข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต
วันนี้ (13 ม.ค.) เมื่อเวลา 19.00 น. ร.ต.ท.พรชัย โรจนวิภาต พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.จักรวรรดิ รับแจ้งเหตุรถประจำทางชนคนเสียชีวิต บริเวณ สน.จักรวรรดิ ถนนจักรวรรดิ แขวงจักรวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สายตรวจ สน.จักรวรรดิ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุพบศพ นายรัศมี สมปอง อายุ 33 ปี เสียชีวิตในสภาพนอนหงายจมกองเลือด มีบาดแผลที่ศีรษะและใบหน้า สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีเทา กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบสีแดง-ขาว ใกล้กันพบจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นมีโอ สีขาว-แดง หมายเลขทะเบียน สคท-883 กทม.พลิกคว่ำอยู่ ส่วนรถคู่กรณี คือ รถประจำทางทางร่วมบริการสาย 43 สีฟ้า-ขาว หมายเลขทะเบียน 11-5641 กทม.หมายเลขข้างรถ 9-43 วิ่งระหว่างเทเวศร์-ร.ร.ศึกษานารี หลังเกิดเหตุคนขับรถเมล์ได้ขับรถหลบหนีไป เจ้าหน้าที่จึงเก็บลายละเอียดที่พบไว้ไปตรวจสอบ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่าพบรถประจำทางคันดังกล่าวจอดอยู่บริเวณทางขึ้นสะพานพระปกเกล้า ส่วนคนขับและกระเป๋ารถเมล์อยู่ภายในรถ เจ้าหน้าที่จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมกับควบคุมตัวมาทำการสอบปากคำที่โรงพัก
จากการสอบสวน นายสุวัตน์ ภูขมัง อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45 หมู่ 11 ต.สีแก้ว อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นคนขับรถประจำทางคันดังกล่าว ให้การอ้างว่า ก่อนเกิดเหตุตนขับรถประจำทางรับผู้โดยสารมาจากเทเวศร์กำลังมุ่งหน้าไป ร.ร.ศึกษานารี ย่านบางบอน เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้ยินเสียงคล้ายรถชนกัน ตนจึงมองไปที่กระจกหลังก็ไม่เห็นอะไร กระทั่งมีคนในรถบอกว่าตนขับรถเหยียบคน แต่มีนักเรียนที่โดยสารมาในรถบอกว่าตนไม่ใช่คนก่อเหตุชนผู้ตายเสียชีวิต แต่ผู้ตายถูกรถเก๋งชนจนกระเด็นมาติดที่ใต้ท้องรถแล้วถูกตนเหยียบเข้าที่ล้อหลัง ซึ่งครั้งแรกไม่แน่ใจว่าตนเหยียบคนหรือเปล่า จึงขับรถออกมาจากจุดเกิดเหตุ จนถึงตีนสะพานพระปกเกล้าก็มีคนบอกให้จอดเพราะเหยียบคนตาย จึงจอดรถรอเจ้าหน้าที่มาควบคุมตัว
ด้าน ร.ต.ท.พรชัยกล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้น นายสุวัตน์ให้การอ้างว่าไม่ได้เป็นคนชน แต่ผู้เสียชีวิตถูกรถเก๋งเฉี่ยวชนจนกระเด็นเข้ามาใต้ท้องรถก่อนจะถูกทับจนเสียชีวิต อีกทั้งไม่ได้หลบหนีแต่ไม่แน่ใจว่าชนคนตายหรือไม่ เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และหลบหนีไว้ก่อน หลังจากนั้นจะทำการสอบปากคำยานในที่เกิดเหตุ พยานแวดล้อม และผู้โดยสารที่อยู่บนรถประจำทางเพื่อเป็นหลักฐานก่อนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
