ที่ปรึกษา กมธ.แรงงาน วุฒิสภา พาผู้รับเหมาเข้าแจ้งความกองปราบปราม ให้ติดตามจับกุม 18 มงกฎ อ้างชื่อมูลนิธิในสมเด็จพระสังฆราช หลอกลวงให้รับงาน แต่ต้องจ่ายเงินเพื่อเข้าร่วมโครงการนับล้านบาท พร้อมกับขนย้ายวัสดุ อุปกรณ์ในการก่อสร้างมาแล้ว แต่ภายหลัง กลับพบว่า ไม่มีงบประมาณเพื่อก่อสร้างจริง จึงเกิดความเสียหายนับร้อยล้านบาท
วันนี้ (12 ม.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น.ที่กองปราบปราม นายสมคิด หอมเมฆ ที่ปรึกษากรรมาธิการแรงงานและสวัสดิการสังคม วุฒิสภา และนักวิชาการอิสระ พาผู้รับเหมาก่อสร้างจาก จ.อุดรธานี 2 ราย และจาก จ.เพชรบูรณ์ 1 ราย เข้าร้องทุกข์ต่อ พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี ผกก.3 บก.ป.เพื่อให้ตรวจสอบพฤติกรรมของมูลนิธิแห่งหนึ่ง ซึ่งแอบอ้างพระนามสมเด็จพระสังฆราช ดำเนินการโครงการก่อสร้างในนามของมูลนิธิสมเด็จพระสังฆราช ประกอบด้วย โครงการก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ อาคารเรียนตามโรงเรียนต่างๆ รวม 96 แห่งทั่วประเทศ ในวาระ 8 รอบ 96 พรรษา สมเด็จพระสังฆราช ทำให้มีผู้หลงเชื่อยอมจ่ายเงินเพื่อร่วมโครงการดังกล่าวสร้างความเสียหายเป็นจำนวนมาก
นายสมคิด กล่าวว่า เมื่อประมาณเดือนกรกฎาคม 2553 มีกรรมการของมูลนิธิดังกล่าว เข้าไปติดต่อกับโรงเรียนต่างๆ ในพื้นที่ จ.อุดรธานี และอีกหลายจังหวัดในภาคอีสาน ว่า มีโครงการจัดสร้างอาคารเรียน โรงอาหาร ให้กับโรงเรียนแต่ละแห่งโดยแอบอ้างว่าเป็นโครงการในพระนามสมเด็จพระสังฆราช ในวาระ 8 รอบ 96 พรรษา กระทั่งมีโรงเรียนถึง 66 แห่ง หลงเชื่อร่วมโครงการ และมีการติดต่อผู้รับเหมาก่อสร้างเข้าดำเนินการ โดยแต่ละรายต้องจ่ายเงินเพื่อเข้าร่วมโครงการนับล้านบาท พร้อมกับขนย้ายวัสดุ อุปกรณ์ในการก่อสร้างมาแล้ว แต่ภายหลังจึงพบว่าไม่มีงบประมาณเพื่อก่อสร้างจริงจึงเกิดความเสียหายนับร้อยล้านบาท
นายสมคิด กล่าวต่อว่า หลังจากทางโรงเรียนต่างๆ และผู้รับเหมารายย่อยที่รับช่วงต่อในการก่อสร้างทราบว่าถูกทางมูลนิธิแห่งนี้หลอกลวงจึงรวมตัวกันเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจในท้องที่ต่างๆ เอาไว้ พร้อมกับประสานให้ตนช่วยเหลือ นอกจากนี้ ได้ทำหนังสือร้องทุกข์ต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อให้มีการตรวจสอบและดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด อย่างไรก็ดี ตนเชื่อว่ายังมีผู้เสียหายอีกหลายรายที่หลงเชื่อ เพราะทางมูลนิธิมีพฤติการณ์ หลอกลวงในอีกหลายพื้นที่ทั่วประเทศ แต่ในเบื้องต้นพบว่ากลุ่มผู้เสียหายส่วนใหญ่นั้นอยู่ในพื้นที่ภาคอีสาน และภาคเหนือ
“ตัวอย่างที่โรงเรียนชุมชนวัดกำแพง อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ถึงขั้นรื้ออาคารไม้เก่าทิ้งไป เพื่อเตรียมการก่อสร้างอาคารใหม่ 2 หลัง ในวงเงินงบประมาณหลังละ 8.3 ล้านบาท แต่สุดท้ายพอรื้ออาคารไม้ไปแล้ว อาคารใหม่ก็ยังไม่ได้สร้าง ทางผู้รับเหมาได้นำไม้เก่าไปขายอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ผมอยากให้ตำรวจเร่งดำเนินการสืบสวนเพราะมูลนิธินี้ยังคงออกหลอกลวงผู้อื่นอยู่จึงเกรงว่าจะเกิดความเสียหายเพิ่มมากขึ้นอีก” นายสมคิด กล่าว
ด้าน นายบรรณ์ภสรน์ เลิศสุวรรณ อายุ 44 ปี ผู้รับเหมารายย่อยในพื้นที่ อ.ไชยวาน จ.อุดรธานี กล่าวว่า เมื่อเดือนสิงหาคม-กันยายน 2553 นายหริด วีระเสถียร ซึ่งเป็นผู้รับเหมาช่วงต่อจาก หจก.สระบุรีออกแบบที่รับงานก่อสร้างมาจากมูลนิธิแห่งนี้ได้เสนองานก่อสร้างอาคารเรียน 4 ชั้น 12 ห้องของโรงเรียนคีรีมาส จ.สุโขทัย มูลค่า 23 ล้านบาทมาให้ โดยตนได้เสียค่ามัดจำสัญญาเป็นเงิน 1 ล้านบาทให้กับนายหริด แต่เมื่อนำคนงานเข้าไปก่อสร้างก็ถูก หจก.สระบุรีออกแบบ แจ้งความข้อหาบุกรุก เมื่อสอบถามกับนายหริดก็ให้งานใหม่มาแทนเป็นการก่อสร้างโรงอาหาร 2 หลังในโรงเรียนสองแห่งใน อ.ไชยวาน จ.อุดรธานี รวมมูลค่า 6.5 ล้านบาท แต่เมื่อขอเงินค่าก่อสร้างงวดแรกเพื่อเตรียมทำฐานรากก็ถูกนายหริดบ่ายเบี่ยงเรื่อยมาจึงนำเรื่องไปแจ้งความที่ สภ.ไชยวาน ซึ่งพนักงานสอบสวนได้เรียกนายหริด และกรรมการ หจก.สระบุรี ออกแบบมารับทราบข้อกล่าวหาร่วมกันฉ้อโกงแล้วและจะส่งสำนวนให้อัยการในวันที่ 29 มกราคมนี้
ขณะที่ พ.ต.อ.ประเสริฐ กล่าวว่า ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.วิพัฒน์ รัชอินทร์ พนักงานสอบสวน (สบ3) กก.3 บก.ป.รับเรื่องและสอบปากคำผู้เสียหายไว้ ก่อนจะตรวจสอบข้อเท็จจริงและเสนอต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป และเนื่องจากกรณีที่เกิดขึ้นนี้ทางผู้เสียหายหลายรายได้เข้าแจ้งความกับตำรวจแต่ละท้องที่ไว้แล้วหากจะให้ บก.ป.ดำเนินการแทนก็จะต้องเสนอเรื่องไปยัง บช.ก.ให้พิจารณาโอนคดีมาที่ บก.ป.ส่วนพฤติการณ์ในการกระทำความผิดเบื้องต้นพบว่าเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และแอบอ้างพระนามสมเด็จพระสังฆราชโดยไม่ได้รับอนุญาต
วันนี้ (12 ม.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น.ที่กองปราบปราม นายสมคิด หอมเมฆ ที่ปรึกษากรรมาธิการแรงงานและสวัสดิการสังคม วุฒิสภา และนักวิชาการอิสระ พาผู้รับเหมาก่อสร้างจาก จ.อุดรธานี 2 ราย และจาก จ.เพชรบูรณ์ 1 ราย เข้าร้องทุกข์ต่อ พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี ผกก.3 บก.ป.เพื่อให้ตรวจสอบพฤติกรรมของมูลนิธิแห่งหนึ่ง ซึ่งแอบอ้างพระนามสมเด็จพระสังฆราช ดำเนินการโครงการก่อสร้างในนามของมูลนิธิสมเด็จพระสังฆราช ประกอบด้วย โครงการก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ อาคารเรียนตามโรงเรียนต่างๆ รวม 96 แห่งทั่วประเทศ ในวาระ 8 รอบ 96 พรรษา สมเด็จพระสังฆราช ทำให้มีผู้หลงเชื่อยอมจ่ายเงินเพื่อร่วมโครงการดังกล่าวสร้างความเสียหายเป็นจำนวนมาก
นายสมคิด กล่าวว่า เมื่อประมาณเดือนกรกฎาคม 2553 มีกรรมการของมูลนิธิดังกล่าว เข้าไปติดต่อกับโรงเรียนต่างๆ ในพื้นที่ จ.อุดรธานี และอีกหลายจังหวัดในภาคอีสาน ว่า มีโครงการจัดสร้างอาคารเรียน โรงอาหาร ให้กับโรงเรียนแต่ละแห่งโดยแอบอ้างว่าเป็นโครงการในพระนามสมเด็จพระสังฆราช ในวาระ 8 รอบ 96 พรรษา กระทั่งมีโรงเรียนถึง 66 แห่ง หลงเชื่อร่วมโครงการ และมีการติดต่อผู้รับเหมาก่อสร้างเข้าดำเนินการ โดยแต่ละรายต้องจ่ายเงินเพื่อเข้าร่วมโครงการนับล้านบาท พร้อมกับขนย้ายวัสดุ อุปกรณ์ในการก่อสร้างมาแล้ว แต่ภายหลังจึงพบว่าไม่มีงบประมาณเพื่อก่อสร้างจริงจึงเกิดความเสียหายนับร้อยล้านบาท
นายสมคิด กล่าวต่อว่า หลังจากทางโรงเรียนต่างๆ และผู้รับเหมารายย่อยที่รับช่วงต่อในการก่อสร้างทราบว่าถูกทางมูลนิธิแห่งนี้หลอกลวงจึงรวมตัวกันเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจในท้องที่ต่างๆ เอาไว้ พร้อมกับประสานให้ตนช่วยเหลือ นอกจากนี้ ได้ทำหนังสือร้องทุกข์ต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อให้มีการตรวจสอบและดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด อย่างไรก็ดี ตนเชื่อว่ายังมีผู้เสียหายอีกหลายรายที่หลงเชื่อ เพราะทางมูลนิธิมีพฤติการณ์ หลอกลวงในอีกหลายพื้นที่ทั่วประเทศ แต่ในเบื้องต้นพบว่ากลุ่มผู้เสียหายส่วนใหญ่นั้นอยู่ในพื้นที่ภาคอีสาน และภาคเหนือ
“ตัวอย่างที่โรงเรียนชุมชนวัดกำแพง อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ถึงขั้นรื้ออาคารไม้เก่าทิ้งไป เพื่อเตรียมการก่อสร้างอาคารใหม่ 2 หลัง ในวงเงินงบประมาณหลังละ 8.3 ล้านบาท แต่สุดท้ายพอรื้ออาคารไม้ไปแล้ว อาคารใหม่ก็ยังไม่ได้สร้าง ทางผู้รับเหมาได้นำไม้เก่าไปขายอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ผมอยากให้ตำรวจเร่งดำเนินการสืบสวนเพราะมูลนิธินี้ยังคงออกหลอกลวงผู้อื่นอยู่จึงเกรงว่าจะเกิดความเสียหายเพิ่มมากขึ้นอีก” นายสมคิด กล่าว
ด้าน นายบรรณ์ภสรน์ เลิศสุวรรณ อายุ 44 ปี ผู้รับเหมารายย่อยในพื้นที่ อ.ไชยวาน จ.อุดรธานี กล่าวว่า เมื่อเดือนสิงหาคม-กันยายน 2553 นายหริด วีระเสถียร ซึ่งเป็นผู้รับเหมาช่วงต่อจาก หจก.สระบุรีออกแบบที่รับงานก่อสร้างมาจากมูลนิธิแห่งนี้ได้เสนองานก่อสร้างอาคารเรียน 4 ชั้น 12 ห้องของโรงเรียนคีรีมาส จ.สุโขทัย มูลค่า 23 ล้านบาทมาให้ โดยตนได้เสียค่ามัดจำสัญญาเป็นเงิน 1 ล้านบาทให้กับนายหริด แต่เมื่อนำคนงานเข้าไปก่อสร้างก็ถูก หจก.สระบุรีออกแบบ แจ้งความข้อหาบุกรุก เมื่อสอบถามกับนายหริดก็ให้งานใหม่มาแทนเป็นการก่อสร้างโรงอาหาร 2 หลังในโรงเรียนสองแห่งใน อ.ไชยวาน จ.อุดรธานี รวมมูลค่า 6.5 ล้านบาท แต่เมื่อขอเงินค่าก่อสร้างงวดแรกเพื่อเตรียมทำฐานรากก็ถูกนายหริดบ่ายเบี่ยงเรื่อยมาจึงนำเรื่องไปแจ้งความที่ สภ.ไชยวาน ซึ่งพนักงานสอบสวนได้เรียกนายหริด และกรรมการ หจก.สระบุรี ออกแบบมารับทราบข้อกล่าวหาร่วมกันฉ้อโกงแล้วและจะส่งสำนวนให้อัยการในวันที่ 29 มกราคมนี้
ขณะที่ พ.ต.อ.ประเสริฐ กล่าวว่า ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.วิพัฒน์ รัชอินทร์ พนักงานสอบสวน (สบ3) กก.3 บก.ป.รับเรื่องและสอบปากคำผู้เสียหายไว้ ก่อนจะตรวจสอบข้อเท็จจริงและเสนอต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป และเนื่องจากกรณีที่เกิดขึ้นนี้ทางผู้เสียหายหลายรายได้เข้าแจ้งความกับตำรวจแต่ละท้องที่ไว้แล้วหากจะให้ บก.ป.ดำเนินการแทนก็จะต้องเสนอเรื่องไปยัง บช.ก.ให้พิจารณาโอนคดีมาที่ บก.ป.ส่วนพฤติการณ์ในการกระทำความผิดเบื้องต้นพบว่าเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และแอบอ้างพระนามสมเด็จพระสังฆราชโดยไม่ได้รับอนุญาต